"หลังบ้านของธีราทร" ผู้คอยสนับสนุนวิธีคิดที่ถูกต้อง
ผมได้ดูคลิปที่คุณวิศรุต แอดมินเพจ "วิเคราะห์บอลจริงจัง" ไปสัมภาษณ์ เจ้าอุ้ม ธีราทร บุญมาทัน เพื่อนำคลิปมาลงเพจ workpoint news ผมได้สัมผัสถึงความสำคัญของคนที่เป็นหลังบ้านนะครับ
มีอยู่ช่วงหนึ่งคุณวิศรุตถามอุ้มถึงช่วงเวลาที่ตกเป็นตัวสำรองยาวนานถึงสองเดือน ในช่วงเวลาที่ย้ายมาเล่นให้กับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส แรกๆ ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนั้น อุ้มพูดทำนองว่า ตัวเขาค่อนข้างสับสนกับบทบาทที่ผู้จัดการทีมมอบหมายให้ เพราะโดยปกติแล้ว คนที่เล่นเป็นแบ็ค จะเกาะอยู่ตรงริมเส้น คอยรับผิดชอบเกมส์รับและหาจังหวะขึ้นไปครอสบอลเมื่อทีมมีโอกาสบุก คือเอาแค่นี้ก็ถือว่าเป็นภาระที่หนักหนาพอดูแล้วสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งแบ็ค
ทว่า แทคติกของ อังเก้ ปอสเตโคกลู นั้นมีความซับซ้อนกว่านั้นเนื่องจากต้องการให้แบ็คมีส่วนร่วมกับเกมส์รุกด้วยการหุบเข้าในไปเล่นเสมือนเป็นกองกลางให้กับทีมเวลาทีมเล่นเกมส์บุก จริงๆแล้วฟุตบอลสทัยใหม่ที่นิยมการสร้างเกมส์โดยใช้แบ็คซ้าย-ขวา นั้น มีอีกทีมหนึ่งที่นำระบบนี้มาใช้แล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นั่นคือ ลิเวอร์พูล ซึ่งนิยมขึ้นเกมส์ตั้งแต่แดนหลัง โดยเฉพาะขค้นทางฝั่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ เพียงแต่เทรนต์จะเน้นขึ้นเกมส์ทางริมเส้น
แต่งานของธีราทรดูจะหนักกว่า เพราะนอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับทีมใหม่ ยังต้องมาเจอแทคติกล้ำยุคของบอสอังเก้เข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้ธีราทรตกที่นั่งลำบาก ในช่วงแรกๆที่ธีราทรยังได้รับโอกาส แน่นอนว่า ผลงานไม่ดีเลย การขึ้นเกมส์รุกดูเก้ๆกังๆ ในขณะที่เกมส์รับก็บ่อน้ำมันดีๆนี่เอง ในช่วงเวลานั้น แฟนบอลชาวไทยหลายคนวิจารณ์อังเก้ทำนองว่า แทคติกอะไรของมึ.... ให้แบ็ค หุบเข้ากลางมาทำเกมส์ หลายคนบอกว่า เจอแท็คติกแบบนี้อุ้มเล่นลำบาก
และจากการสัมภาษณ์ของคุณวิศรุต สิ่งที่ออกมาจากปากเจ้าอุ้มคือคำว่า "ทำไม" ผมต้องหุบเข้ากลาง ด้วยเวลาเล่นเกมส์รุก และใครจะซ้อนผมเวลาทีมเสียบอล สังเกตไหมครับ ตัวนักกีฬาก็ยังสับสนกับบทบาทใหม่ที่ต้องเล่น แถมในใจลึกๆก็ยังมีคำถามกับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ แถมแฟนบอลก็ยังตอกย้ำความเชื่อของนักกีฬาลงไปอีกด้วยคำพูดทำนองเดียวกัน นั่นก็คือคำพูดในเชิงสงสัยในแทคติกของโค้ช ผมเชื่อว่าธีราทรคงอ่านคอมเม้นต์ในโซเชียลบ้าง และคำพูดทำนองนี้ล่ะครับที่ยิ่งตอกย้ำความเชื่อเดิมของนักกีฬาให้มันฝังแน่นลงไป และทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลง เพราะจะลงไปเล่นด้วยความสงสัย ความกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าทำไม กูต้องหุบไปเล่นตรงกลางด้วยวะ?
โชคยังดีครับ ที่ธีราทรเดินมาเจอจุดเปลี่ยนพอดี จุดเปลี่ยนแรกคือ ธีราทรถูกดรอปเป็นตัวสำรอง แต่ตัวเขานั้นเป็นคนมีเลือดนักสู้ เป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ในสนามซ้อมเขาใส่เกินร้อยเพื่อชิงตำแหน่งตัวจริงกลับมาอีกครั้ง
จุดเปลี่ยนที่สองคือ น้องเบส ภรรยาและลูก เดินทางมาอยู่ด้วย นั้นทำให้ความรู้สึก ของนักฟุตบอลที่เดินทางมาต่างบ้านต่างเมือง ดีขึ้น ไม่ต้องอ้างว้างเดียวดายอีกต่อไป แต่ความสำคัญของน้องเบสจริงๆ จากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าอุ้มเองคือ การให้ Feedback อย่างตรงไปตรงมา ผมสันนิษฐานจากคำให้สัมภาษณ์ของอุ้มว่า น้องเบสคงเป็นคนพูดอะไรตรงๆ
ตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ อุ้มบอกว่า ในช่วงที่เขาพยายามทุ่มเทในการฝึกซ้อมแต่ก็ยังไม่ได้ลงตัวจริง ทั้งๆที่ซ้อมดี เขาเล่าให้ภรรยาฟังว่า วันนี้ซ้อมดีนะ แต่ทำไมไม่ได้ลง น้องเบสตอบกลับไปว่า "ก็แปลว่ายังไม่ดี" จะกี่ครั้งก็แล้วแต่ที่อุ้มกลับมาบอกว่าซ้อมดี แต่ทำไมไม่ได้ลง ก็จะเจอภรรยาตอบว่า "แปลว่ายังไม่ดี" ซึ่งนั่นก็เหมือนกับการเตือนสติธีราทรกลายๆให้กลับไปพยายามให้มากกว่าเดิม ซึ่งหลังจากที่เขาเลิกตั้งคำถามว่าทำไม และใส่ความเชื่อใจลงไปเต็มร้อย เขาก็กลับมายึดตัวจริงและลงเล่นด้วยความมั่นใจอีกครั้ง ในตำแหน่งแบ็คตัวขึ้นเกมส์ของมารินอส แถมยังพอทีมคว้าแชมป์เจลีกส์ ได้ในท้ายที่สุด
ส่วนตัวผมมองว่า น้องเบสผู้เป็นหลังบ้านของธีราทรนี่ล่ะคือจุดเปลี่ยนที่แท้จริงของธีราทร ในขณะที่ตัวเขาเกิดความสงสัยว่า ทำไมซ้อมดีแล้วยังไม่ได้ลง แฟนบอลไทยก็พากันวิจารณ์อังเก้ว่า แทคติกคุณแบบนี้ ใครจะไปเล่นได้ แต่มีคนเพียงคนเดียว ที่กล้าพูดตรงๆกับตัวเขา ว่า "ก็แปลว่ายังซ้อมไม่ดี" และทำให้ธีราทรมีแรงฮึดกลับไปสู้ต่อจนประสบควมสำเร็จ ก็คือคนเป็นหลังบ้านอย่างน้องเบสนั่นเอง
ด้วยจริตของคนไทยเราที่ชอบอะไรนุ่มนวล ประนีประนอม และหากจะพูดกันตรงๆ คือ ชอบหาข้ออ้างให้กับความล้มเหลว การมีคนคนนึงช่วยเตือนสติ และทำให้เรากลับมาอยู่บนเส้นทางที่ควรจะเป็น ถือเป็นความโชคดีอย่างมหาศาลครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
