14 ธ.ค. 2019 เวลา 10:12
ปฐมวัย บทที่ 2,(Prelude)
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ สุภาพบุรุษเจ้าฟ้าสยาม เมื่อแรกประสูติ ได้ถูกตั้งพระนามโดยท่านย่า (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง) ว่า “พงษ์จักร” อันเป็นการกลับชื่อของท่านพ่อ (สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ -พระราชโอรสองค์ที่ 40 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชโอรสองค์ที่ 4 ในสมเด็จพระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง) แต่สำหรับคนทั่วไปเรียกพระนามของพระองค์ในขณะนั้นว่า “ท่านหนู”,
2
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
…โดยพระองค์ทรงเริ่มเล่าเรื่องถึง ปฐมวัย ของพระองค์ว่า “…ข้าพเจ้าได้เกิดที่วังปารุสกวัน เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2450(ปีมะแม) เวลา 23.58 นาฬิกา ในวันเสาร์ ซึ่งพ่อของข้าพเจ้านั้นมีประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะให้ลูกท่านเกิดวันเสาร์ ซึ่งก็เนื่องจากทูลหม่อมลุงและพระองค์พ่อเองได้ประสูติวันเสาร์ทั้งคู่, จึงทำให้ข้าพเจ้าก็ยินดีมาก ที่สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าได้ทำในโลกนี้…เป็นที่ถูกพระทัยพ่อ…”
“…เมื่อถึงวัยจำความได้ ข้าพเจ้าถูกย่า(สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5) ท่านสั่งสอนให้ท่องจำให้ขึ้นใจ ตั้งแต่ 4 ขวบ หรือก่อนหน้านั้นว่า “พระพุทธยอดฟ้าเป็นพ่อพระพุทธเลิศหล้า, พระพุทธเลิศหล้าเป็นพ่อพระจอมเกล้า, พระจอมเกล้าเป็นพ่อพระจุลจอมเกล้า, พระจุลจอมเกล้าเป็นพ่อจักรพงษ์, จักรพงษ์เป็นพ่อจุลจักรพงศ์” นับแต่นั่นมาข้าพเจ้าก็จำการสืบสันตติวงศ์ต่อเนื่องกันมาโดยตลอด…”
3
สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5
“อันนาม “จุลจักรพงษ์”นั้น เมื่อทูลหม่อมลุงทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จึงได้ทรงเปลี่ยนนามเดิมของข้าพเจ้า คือ “พงษ์จักร” เป็น “จุลจักรพงษ์” ซึ่งทรงอธิบายในภายหลังแก่ข้าพเจ้า ว่า ทรงเอาอย่างพระนามของทูลหม่อมปู่ คือ “จุลจอมเกล้า” และเป็นการล้อพระนามของพ่อ คือ “เล็ก”ด้วย…”
ก่อนพระองค์ทรงประสูตินั้น…เรื่องราวความรักระหว่างท่านแม่ของพระองค์ (คัทริน เดสนิตสกี- Desnitski) กับท่านพ่อ นับว่าเป็นการแหวกขนบจารีตและเป็นการขัดต่อการสืบราชสันตติวงศ์ ในสังคมสยามยุคสมัยนั้น อย่างที่สุด, ซึ่งการแต่งงานระหว่างท่านแม่กับท่านพ่อของพระองค์ท่าน ได้เป็นไปอย่างเงียบที่สุด ในขณะที่ท่านพ่อเป็นนายทหารพิเศษในกรมทหารม้าฮุสซาร์ของเอมเปอเรอ รัสเซีย, จนต่อมา ท่านแม่ก็ได้ติดตามท่านพ่อของพระองค์ท่าน กลับสยาม ท่ามกลางการคัดค้านอย่างรุนแรง จนถึงขั้นที่ ท่านย่าของพระองค์ท่านทรงออกคำสั่ง ห้ามให้พระคลังข้างที่จ่ายรายได้กับท่านพ่อ,
1
และจนถึงในขณะเมื่อพระองค์ทรงประสูตินั้น ท่านพ่อของพระองค์ท่านก็ยังคงมีรายได้ แต่เพียงทางเดียว คือ “รายได้ของนายทหารพันเอกในกองทัพบก” โดยท่านพ่อของพระองค์ท่านได้ทรงตั้งพระทัยอย่างเด็ดเดี่ยว แน่วแน่แล้วว่า จะไม่รบกวนท่านปู่ ท่านย่า แต่อย่างใด ท่านเองจะทำราชการทหารของท่านอย่างดีที่สุด ท่านแม่ของพระองค์ท่านก็ทำตามประสงค์ตามเจตน์จำนงของท่านพ่อ ทุกประการ ด้วยการกระทำอย่างใจกล้าหาญ เข้มแข็ง ตามแบบฉบับ ของครอบครัวทหาร,
…โดยพระองค์ท่านทรงเล่าเรื่องนี้ อย่างน่าสนใจในหนังสือ เกิดวังปารุสก ว่า “…ข้าพเจ้ายังปลื้มใจและภูมิใจอยู่จนบัดนี้ว่า ข้าพเจ้าได้มีกำเนิดมาจากพ่อและแม่ที่กล้า และใจป้ำ ซึ่งไม่เคยยอมแพ้ผู้ใดเลย เป็นหลักที่ข้าพเจ้าก็ได้ถือมาตลอดชีวิตว่า…คนเราเกิดมาทั้งที แม้เราจะยอมทำตามคำสั่งในทางการต่างๆก็ดี ถ้าเมื่อมาถึงชีวิตส่วนตัวของเราแล้ว ถ้าเราทำตามใจของเราไม่ได้ เมื่อความต้องการของเราไม่ขัดกับศีลธรรมและกฎหมายของชาติแล้ว เรายอมตายเสียดีกว่า คนเราถ้าไม่มีเสรีภาพในกิจการส่วนตัวแล้ว…ไม่ใช่คน”
จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ปฐมวัย ของพระองค์ท่าน ได้รับการเลี้ยงดู สั่งสอน หล่อหลอม ด้วยความรักในสายเลือดขัตติยะ รวมกับความเข้มแข็งแห่งครอบครัวทหาร ซึ่งทำให้พระองค์ท่านให้เติบโต ขึ้นจนเราได้เห็นตัวตนของพระองค์ท่านจากงานเขียนของพระองค์ท่าน ในแง่มุมของ “ชายผู้เคารพตนเอง และแสดงออกถึงความรักต่อครอบครัว และคนรอบข้าง”, และจะค่อยๆยิ่งทำให้เราเห็นชัดเจนขึ้น ถึง “…ผู้ชาย ผู้มีความฝันอันเจิดจ้า และมีความกล้าหาญมุ่งมั่นที่จะติดตามไขว่คว้า ความฝันนั้น…” ในตอนต่อไป,
1
เกร็ดเพิ่มเติม: เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวสวรรคต ในปี พุทธศักราช 2453 ในอีกสองปี ต่อมา คือในปี พ.ศ.2455 (ร.ศ.130) หรือขณะที่พระองค์ท่านจุลจักรพงษ์ ประมาณ 5 ชันษา, นายทหารและปัญญาชนกลุ่มหนึ่ง ไม่พอใจ และได้วางแผนปฏิบัติการโดยหมายให้รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญให้ และเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยแผนการนี้ อุกอาจถึงมีการจับฉลากให้มีคนลงมือลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ 6โดยผู้จับฉลากได้ คือ ร้อยเอกยุทธ คงอยู่ (หลวงสินาด โยธารักษ์) , แต่ด้วยเดชะพระบารมี และ บุญของสยามประเทศ ที่ให้ท่านพ่อของพระองค์ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ สั่งสอนนายทหารเหล่านี้ และเป็นที่เคารพรักของเหล่าทหารทั้งหลาย , ร.อ.ยุทธ คงอยู่ จึงเกิดเกรงกลัว นำความมาแจ้งหม่อมเจ้าพันธุ์ประวัติ ผู้บัญชาการกรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์และพาไปแจ้งกับ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนรถกรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ, จึงทำให้พระองค์ได้วางแผนและทำการจับกุมบรรดาลูกศิษย์ของพระองค์ได้ทั้งสิ้น ในเช้าตรู่ของวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ ปฏิทินสากล พ.ศ.2455, เหตุการณ์นี้ทำให้พระองค์ขอลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม แต่รัชกาลที่ 6 ก็ทรงยับยั้งไว้ ด้วยความเชื่อพระทัยยิ่งในความจงรักภักดีของพระอนุชาพระองค์นี้ของพระองค์,
2
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ -พระราชโอรสองค์ที่ 40 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ และโปรดติดตามตอนต่อไป,
1
ร้อยเรียงข้อมูล เพื่อนำมาเล่าใหม่ (T.Mon)
14/12/2019
2
ภาพ และข้อมูลสนับสนุนส่วนหนึ่ง:
เกิดวังปารุสก์ สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมัยประชาธิปไตย, ย้อนรอยขบวนการยึดอำนาจ ปฏิวัติ เมืองไทย, The Last Siamese Heroes in War and Peace.
โฆษณา