15 ธ.ค. 2019 เวลา 08:26 • ประวัติศาสตร์
สมาคมลับ Skull and Bones แห่งมหาวิทยาลัยเยล
ปี 1991 ประธานาธิบดี George H.W. Bush (ผู้พ่อ) แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศสงครามอ่าวเปอร์เซียต่อต้านการรุกรานคูเวตของอิรักที่นำโดยซัดดัม ฮุสเซน
ปี 2003 ประธานาธิบดี George W. Bush (ลูกชาย) ประกาศสงครามต่ออิรักเต็มรูปแบบชื่อ "Operation Iraqi Freedom" เพื่อปลดปล่อยประเทศจากการปกครองของซัดดัม บุคคลที่ครั้งหนึ่งคือศัตรูตัวฉกาจของพ่อตัวเอง
ปี 2013 นาย John Kerry รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เดินเกมกดดันภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างหนักเป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่รับตำแหน่ง จนในที่สุด เขาประสบความสำเร็จในการจัดเจรจาสงบศึกระหว่าง อิสราเอลและปาเลสไตน์
ทั้งสามคนนี้คือบุคคลที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย จัดระเบียบความเป็นไปของโลก และมีสิ่งที่เชื่อมโยงกันอย่างหนึ่ง พวกเขาเป็นสมาชิกของสมาคมลับเก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดของมหาวิทยาลัย Yale (เยล)
"Skull and Bones"
.
.
.
มหาวิทยาลัย Yale ตั้งอยู่ที่เมือง New Haven รัฐคอนเนคติคัท คือสถานศึกษาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปี ด้วยความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ, เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย Ivy League, และสามารถการันตีอนาคตสดใสในชีวิตทำงานได้ ทำให้ Yale เป็นเป้าหมายอันดับต้นๆของเด็กม.ปลายสหรัฐในการเข้าศึกษาต่อ
เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป นอกเวลาการศึกษา Yale ส่งเสริมให้นิสิตหากิจกรรมทำในระหว่างเรียน เป็นที่มาของการจัดตั้งคลับ อย่างถ้าเป็นจุฬาก็จะเรียกว่า 'บ้าน' หรือธรรมศาสตร์ก็จะเรียกว่า 'โต๊ะ' ส่วนของเยลมีชื่อเฉพาะครับ คลับที่เราจะย่อยประวัติกันวันนี้คือ Skull and Bones
Skull and Bones (กระโหลกและกระดูก) เป็นสมาคมนักศึกษาเก่าแก่ ก่อตั้งเมื่อปี 1832 จากความขัดแย้งของสมาชิกภายในสมาคมลับที่มีอยู่ก่อนหน้า ทำให้ William Huntington-Russel และ Alphonso Taft แยกตัวออกมาเปิดสมาคมใหม่แห่งนี้เอง และเริ่มมองหาสมาชิก
สมาคมที่มีโลโก้เป็นรูปหัวกระโหลกและกระดูกไขว้ มีชื่อเล่นอีกสองชื่อคือ The Order (คำบัญชา) และ The Brotherhood of Death (เหล่าพี่น้องแห่งความตาย) โดยจุดประสงค์หลักคือการสร้างเครือข่ายของกลุ่มชนชั้นสูงในมหาวิทยาลัยเยล
นอกจากจะทำให้สมาชิกกลายเป็นคนดังในมหาวิทยาลัยแล้ว สมาคมยังช่วยดูแลเรื่องทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว ด้านการเรียน รวมไปถึงด้านการเงิน สมาชิกจะได้รับเงินซัพพอร์ทจากกองทุน Russell Trust Association ที่ก่อตั้งมาในปี 1856 และบริหารงานโดยรุ่นพี่ Skull and Bones เรียกได้ว่าอยู่อย่างสุขสบายเลยล่ะครับ
และเพื่อแลกกับอนาคตอันสดใส เหล่าสมาชิกจะต้องให้คำสัตย์สาบานว่าจะอยู่ภายใต้กฎของสมาคมตลอดชีวิต และกฎข้อที่สำคัญที่สุดคือ
"สมาชิกจะต้องช่วยเหลือกันและกัน อยู่ทีมเดียวกันไม่ว่าในเวลาใด สภาพแวดล้อมแบบใด หรือต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม"
ทำให้บรรดาศิษย์เก่าของ Skull and Bones เกือบทุกคนเติบโตอย่างเข้มแข็งในสายการเมือง โดยมีประธานาธิบดีที่มาจากสมาคมถึง 3 คน และผู้รับตำแหน่งใหญ่ในฝ่ายบริหารประเทศอีกหลายร้อยคน ส่วนทางด้านธุรกิจก็แกร่งไม่แพ้กัน บรรดา CEO บริษัทดัง, สถาบันการเงินและการธนาคาร หรือแม้แต่วงการฮอลลีวู้ด ต่างก็มีเด็ก Skull and Bones เข้าไปชักใยอยู่เบื้องหลัง
ด้วยผลประโยชน์ตลอดชีวิตตามข้างต้น ทำให้ Skull and Bones เป็นที่หมายตาของนิสิตเยลทั้งม. แต่จะสมัครอย่างไรล่ะ เดินเข้าไปยื่นใบสมัครตอนวันชมรมเลยได้มั้ย?
แน่นอนว่าไม่ได้ครับ การคัดเลือกสมาชิก Skull and Bones จะมีขึ้นในช่วงนี้ของทุกปี ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-มิถุนายน) โดยคณะกรรมการรุ่นพี่ปี 4 (Senior) ของสมาคมจะทำการคัดเลือก รุ่นน้องปี 3 (Junior) จำนวน 15 คน จากนักศึกษาหลายพันคน มารับหน้าที่ Bonesmen รุ่นต่อไป เข้าม.เยลว่ายากแล้ว เข้าสมาคมในม.ยิ่งยากกว่า
Bonesmen คึอคำที่ใช้เรียกชาว Skull and Bones ครับ ในแต่ละปีจะมีการล็อคที่นั่งไว้ให้ตำแหน่งสำคัญๆของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย อย่างเช่นในปี 1968 สเป็คของ Bonesmen จะมี 15 ตำแหน่งตามนี้
1. กัปตันทีมอเมริกันฟุตบอล,
2. นักศึกษาที่ทำงานเป็นผู้บริหารหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัย Yale Daily News (เพื่อควบคุมสื่อ),
3. นักศึกษาที่คลั่งการเมือง และมีแววในงานสายการเมือง
4. นักร้องจากวงประสานเสียงของ Yale ชื่อวง a Whiffenpoof
5. กัปตันทีมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย
6. นักกินเหล้าตัวยง เมาทุกวัน แต่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 3.94 ขึ้นไป
7. นักศึกษาเอกภาพยนตร์
8. นักศึกษาที่เป็นคอลัมนิสต์การเมือง
9. นักศึกษาที่เป็นผู้นำทางศาสนาของตน
10. นักศึกษาที่เป็น บก.ของ Yale Lit Magazine นิตยสารวรรณกรรมของเยล
11. คนต่างชาติที่ไม่ใช่อเมริกัน
12. เพลย์บอย นักรักประจำมหาวิทยาลัย ที่มีมอเตอร์ไซค์สองคัน
13. นักศึกษาผิวดำ
14. นักศึกษาที่เคยเป็นทหารเก่า
15. นักศึกษาที่อยู่ในมหาลัยอย่างไร้ตัวตน ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเพื่อน
1
สังเกตว่าการคัดคนเข้าสมาคมจะเน้นตำแหน่งใหญ่ของๆมหาวิทยาลัยทั้งหมด เพื่อให้สมาคมสามารถสยายปีกไปมีเอี่ยวในทุกวงการของ Yale และยังเป็นการเตรียมพร้อมคอนเนคชั่น ก่อนเข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน
เมื่อได้สมาชิกครบทุกตำแหน่งของปีการศึกษานั้นๆแล้ว เด็กใหม่ทั้งหมดจะถูกพาไปศูนย์บัญชาการใหญ่ของสมาคมที่มีชื่อว่า "The Tomb" ตั้งอยู่ด้านนอกไม่ไกลจากรั้วมหาวิทยาลัยมาก เป็นสถานที่ปิด ห้ามบุคคลภายนอกเข้าโดยเด็ดขาดเพื่อประกอบพิธี
ไม่เคยมีภาพบันทึกพิธีกรรมภายใน The Tomb หลุดออกมาให้ประชาชนภายนอกเห็น แต่มีศิษย์เก่าที่ไม่ประสงค์ออกนามบางคนที่ส่งข้อมูลลับให้หนังสือพิมพ์ทำให้เราทราบว่า พิธีกรรมที่ต้องทำสำหรับน้องใหม่ก็คือ การเข้าไปนอนในโลงศพเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และดื่มเลือดสัตว์สดๆโดยใช้หัวกระโหลกมนุษย์เป็นภาชนะตักดื่ม
เมื่อน้องใหม่ผ่านพิธีกรรมของสมาคมทั้งหมดแล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็น Bonesmen เต็มตัว ได้รับศักดิ์และสิทธิรองลงมาจากพี่ปี 4 มีคนคอยดูแลให้ทุกอย่างตั้งแต่การเรียน การเงิน ไปจนถึงสูทสั่งตัดจากผ้าชั้นดี ขอเพียงคุณปฎิบัติตามกฎ และ
"รักษาความลับของสมาคมยิ่งกว่าชีวิต"
.
.
ด้วยความที่เต็มไปด้วยผู้มีอำนาจในทุกวงการ และความลับอันดำมืดเบื้องหลัง The Tomb ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับ Skull and Bones ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญของโลกหลายครั้ง ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ก็ดูจะมีหลักฐานที่น่าสนใจทีเดียว
• มีคำกล่าวว่า Bonesmen คือผู้ที่ควบคุมเศรษฐกิจของอเมริกาผ่านทางตระกูลใหญ่สามตระกูลอย่าง Rockefeller, Carnegies และ Ford
• พวกเขาถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบรรลือโลก ประธานาธิบดี John F. Kennedy
• ในปี 2004 อเมริกาเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดี ส่วนคนที่ลงชิงชัยในศึกนี้ก็คือ Bonesmen ทั้งสองคน John Kerry และ George W. Bush ก่อนที่จะจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายหลังเป็นสมัยที่สอง
• วิกฤติ Subprime สินเชื่อบ้านที่ทำลายตลาดของหุ้นอเมริกาลงอย่างราบคาบในปี 2008 ก็ลือกันว่าชักใยโดยสมาคม โดยมี Bonesmen บางคนทำการ Short หุ้นไว้ สร้างกำไรมหาศาลให้กับพรรคพวกของตัวเอง
1
• CIA หน่วยสายลับและข่าวกรองของสหรัฐ ก็ถูกควบคุมด้วยคนของ Skull and Bones จากรุ่นสู่รุ่น
และสุดท้าย นักวิชาการทฤษฎีสมคบคิด Alexandra Robbins ได้ออกมาเผยข้อมูลว่าเธอพบเห็นการเชื่อมโยงกันระหว่าง Skull and Bones และ Illumitani ของเยอรมัน โดยมีหลักฐานเป็นสมุดบันทึก ที่กล่าวถึงการช่วยเหลือของฝั่งเยอรมันแก่นักเรียนเปลี่ยนที่มาจาก Yale
.
เคล็ดลับความสำเร็จของสมาคมลับเหล่านี้ก็คือระบบพี่น้องร่วมสถาบัน (Fraternity) และความสามารถของสมาชิกในการเก็บความลับ
ผมคิดว่ามันคงอึดอัดมากทีเดียว หากมีคนรู้ว่าเราเป็นสมาชิกของสมาคมแล้วต้องถูกถามตลอดเวลาว่าอยู่ในนั้นทำอะไรกันบ้าง และหากเราเผลอหลุดปากออกไป ก็คงจะโดนลงโทษจากสมาคมหรือตัดหางปล่อยวัดไปเลย
ขนาดในปี 2004 Tim Russert พิธีกรรายการ Meet The Press ได้เชิญ Bush และ Karry มาสัมภาษณ์ในรายการก่อนการเลือกตั้ง และได้ถามทั้งสองถึงเรื่องสมาคมด้วย โดย Bonesmen รุ่นใหญ่ก็ให้คำตอบแบบแปลกๆตามนี้
Russert: You both are in Skull and Bones, The secret society?
Bush: It's so secret. I can't talk about. (มันเป็นความลับ ผมพูดเรื่องนี้ไม่ได้ครับ)
Russert: You both are in Skull and Bones. What did that tell us?
Karry: Not much cause it's a secret haha (ไม่มีไรมากหรอกครับ มันเป็นความลับน่ะ 55)
และทุกอย่างก็ยังคงเป็นปริศนาดำมืดต่อไป สำหรับพันธะกิจของ Skull and Bones
คุณผู้อ่านล่ะครับ เก็บรักษาความลับของสมาคมไหนไว้บ้างหรือเปล่า?
.
.
.
เกร็ดเล็ก: สมาคม Skull and Bones มีเกาะส่วนตัวที่เป็นเจ้าของโดยกองทุน Russell Trust มีชื่อว่าเกาะ Deer Island ไว้ให้สมาชิกใช้จัดปาร์ตี้ ทำพิธีกรรม และจัดงานเลี้ยงรุ่นประจำปี ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนอเมริกาและแคนาดา
เกร็ดน้อย: ครอบครัว Bush อยู่ในสมาคม Skull And Bones ถึง 3 รุ่น โดยมีข่าวลือในปี 1918 ว่า คุณปู่ Presscott S. Bush ไปขุดหลุมศพของ Geronimo ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชนเผ่าอินเดียนแดงอาปาเช่ เพื่อขโมยหัวกระโหลก ปัจจุบัน Geronimo จึงกลายเป็นหลุมศพไร้หัว ซึ่งเชื่อกันว่ากระโหลกของเขาถูกเก็บรักษาไว้ใน The Tomb ที่ตั้งของสมาคม Skull and Bones นั่นเอง
- Xyclopz
โฆษณา