Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องสั้น นิยาย นิทาน
•
ติดตาม
15 ธ.ค. 2019 เวลา 17:30 • บันเทิง
เรื่องสั้นตอนเดียวจบ
เรื่อง "เสียงของแม่"
..... เศรษฐกิจช่างแย่เหลือเกิน ข้าวยาก หมากแพง ชายหนุ่มคิดพลางมองดูแม่ที่นอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่ แม่ก็เป็นภาระของเขา จะไปหางานทำก็ไม่ได้ เขาต้องลาออกจากโรงงานมาปลูกผักแถวบริเวณบ้าน และหาสมุนไพรตามชายป่าหลังบ้านไปขาย ได้เงินมาพอประทังชีวิตสองแม่ลูกไปแต่ละวัน
..... เบิ้มเอาวิทยุทรานซิสเตอร์ที่เขาซื้อให้แม่ฟังตอนแม่เป็นอัมพาตใหม่ ๆ วิทยุเครื่องนี้เขาทำงานหนักกว่าจะได้มันมา เขาต้องการให้มันเป็นเพื่อนแม่ ให้แม่ไว้ฟังละคร ฟังธรรมะ เวลาที่เขาออกไปไร่แม่จะได้ไม่เหงา และก็น่าปลื้มใจ เขาแอบเข้าบ้านและได้ยินแม่เปิดฟังธรรมะ แต่เวลาที่เขาเข้าบ้านแม่ก็จะปิดวิทยุและคุยกับเขา เบิ้มมักจะเล่าทุกอย่างที่เขาทำในไร่ให้แม่ฟัง ปรึกษาหารือกันว่าจะปลูกอะไรดี แม่มีความสุขที่จะให้คำแนะนำเสมอ
..... เบิ้มต้องวิ่งเข้าออก จากบ้านไปไร่ จากบ้านเข้าชายป่า เพราะต้องคอยเข้ามาดูแลแม่ ป้อนข้าว เช็ดเหงื่อ ทาแป้ง ต้องมาพลิกตัวแม่ไม่ให้มีแผลกดทับ อาบน้ำ พาแม่ปลดทุกข์ เบิ้มปรนนิบัติแม่โดยไม่รังเกียจใด ๆ ทั้งสิ้น
..... แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถขายอะไรได้ เพราะทุกคนไม่มีเงิน ต่างประหยัดปลูกผัก ปลูกหญ้า กินกันเอง เขาคงต้องเข้าไปในเมืองหางานทำ เขาจะทำอย่างไรกับแม่ดี เมื่อวานเขานั่งคุยกับเพื่อนบ้าน ซึ่งนายเชี่ยวได้เล่าเรื่องแม่ของเขาให้เบิ้มฟังว่า
..... “เบิ้มเอ๊ยถ้าเอ็งไม่ตัดใจเรื่องแม่ ชาตินี้เอ็งไม่มีวันมีเงินหรือได้เมียหรอก ใครเขาจะมาเป็นเมียคนจนและมีแม่เป็นอัมพาตอย่างเอ็ง เรื่องกัดก้อนเกลือกินไม่มีแล้วสมัยนี้ จะมีก็แต่ขายเกลือกินว่ะ”
..... ว่าพลางนายเชี่ยวก็กระดกเหล้าเข้าคอ และส่งแก้วต่อให้เบิ้ม แต่เบิ้มส่ายหน้าเขาไม่แตะต้องเหล้าเลย นายเชี่ยวกล่าวต่อ
..... “แม่ข้าก็เป็นแบบเดียวกับแม่เอ็ง ข้าตัดใจแบกแม่ไปทิ้งวัด หลอกแม่ว่าพาไปปฏิบัติธรรมแล้วจะไปรับกลับ แต่ข้าก็หนีไปทำงานเลย ข้ารู้ยังไงแม่ข้าไม่อดตายหรอก แต่ถ้าแม่อยู่กับข้าอดตายแน่ทั้งแม่และข้า แม่อยู่วัดได้นานเป็นปี ข้ารู้ว่าแม่สบายดีก็เลยไม่ได้ลางานมาหา แม่ข้าเลยตายเพราะตรอมใจคิดถึงข้า แกเสียใจว่าข้าทอดทิ้ง นี่ก็คือสาเหตุที่ข้าต้องกินเหล้าให้ลืมเรื่องนี้ไง”
..... เบิ้มนึกถึงที่นายเชี่ยวเล่าแล้ว ก็น่าคิดตรงที่ว่า ถ้าเขาอยู่กับแม่แบบนี้ ก็คงจะอดตายทั้งคู่ แต่ถ้าเขาทำแบบนายเชี่ยวบอก แม่ก็รอดเขาก็รอด ในที่สุดเบิ้มก็ตัดสินใจเขาจะพาแม่ไป "วัดกลางดง" เขาเริ่มวางแผนการเดินทางให้เร็วที่สุด ถ้าจะประหยัดเวลาเดินทางสามถึงสี่วัน ก็ต้องเดินตัดป่าไปทางทิศตะวันตกตามที่นายเชี่ยวบอก ซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่วันเดียวก็ถึงวัดแล้ว
..... แล้ววันที่ต้องเดินทางก็มาถึง เขาบอกแม่ว่าจะพาแม่ไปวัด แม่ดีใจที่จะได้ไปไหว้พระ ทำบุญ เพราะไม่ได้ไปมาเป็นปีแล้ว แต่เบิ้มบอกแม่ว่าเขาจะให้แม่อาศัยอยู่ที่วัดสักระยะหนึ่งด้วย แม่ก็ไม่ถามอะไรเบิ้มเลย บอกเพียงแล้วแต่ลูกจะเห็นดีงาม
..... เขาออกเดินทางแต่เช้ามืด เบิ้มแบกแม่ขึ้นหลังพาเดินทางเข้าไปในป่าทึบ ตรงไปที่วัดกลางดง เบิ้มรู้สึกแปลกใจว่าระหว่างทางแม่ทำไมคุยเสียงดังมากคุยตลอดทางพร้อมทั้งหักกิ่งไม้ไปตลอด แม่ไม่ขอร้องที่จะอยู่กับลูก ลูกให้ไปอยู่วัดก็ไป เบิ้มแบกแม่เดินไปตามทิศที่เพื่อนบ้านบอก เขาก็ยังไม่เคยไปวัดกลางดงเช่นกัน คงไม่หลงป่านะเรา ขาไปไม่หลงแล้วขากลับจะหลงไหม
..... ช่วงพักกินข้าวเที่ยงกับแม่ เขาเห็นแม่มองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม่เช็ดเหงื่อให้เขา แม่กินข้าวเหนียวแค่ก้อนเดียว ทั้งที่มีข้าวเหนียวอยู่หลายก้อน แม่บอกให้เขากินมาก ๆ จะได้มีแรงแบกแม่ แม่จะทำเช่นนี้ตลอด แม่มักจะพูดด้วยเสียงเอ็นดูเขาและบอกว่า
..... "แม่นอนเฉย ๆ ไม่ได้ออกแรงทำอะไร กินก้อนเดียวก็อิ่มแล้ว แต่ลูกต้องใช้แรงทำงานหนัก ถ้ากินไม่อิ่มแล้วจะเอาแรงที่ไหนทำงานเลี้ยงแม่ กินเถอะลูกกินให้อิ่ม"
..... ในที่สุดเขาก็ไปถึงวัดกลางดงตอนค่ำ ที่นั่นมีทั้งพระและแม่ชี เขาฝากแม่ไว้กับพระและแม่ชีซึ่งทางวัดยินดีรับฝากและจะดูแลแม่ให้เป็นอย่างดี แม่ยิ้มให้เขา คว้าเขามากอดด้วยความยินดีเหมือนเมื่อครั้งที่เขายังเด็ก
..... ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ความทรงจำของเขา แม่อบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี แต่เมื่อเขาย่างเข้าสู่วัยรุ่น เขาคบเพื่อนเกเร เพื่อนชอบไปหาเรื่องคนอื่น พวกนั้นเลยยกพวกมาตีล้างแค้น
..... วันที่เบิ้มจดจำได้ก็วันที่คู่อริกลับมาล้างแค้นเพื่อนแต่เจอเขาที่ตลาดกับแม่ก่อน พวกนั้นจำได้ว่ามีเบิ้มอยู่ในกลุ่ม นั้นเลยชักปืนออกมายิงเขา แต่แม่เห็นวิ่งมาบังและผลักเขาพ้นวิถีกระสุน แต่แม่กลับเป็นคนรับกระสุนแทน แม่โดนยิงที่หลังไม่ตายแต่พิการตลอดชีวิต
..... เขาคิดย้อนมาถึงตรงนี้ ก็น้ำตาไหล แม่ต้องตายทั้งเป็นเพราะเขา แต่แม่ไม่เคยว่าเขาสักคำ แม่กลับพูดให้กำลังใจเขา และบอกว่ามันเป็นเวรกรรมของแม่เองที่ทำไว้เมื่อชาติก่อน ไมใช่ความผิดของลูก
..... เบิ้มมองแม่ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสคุยอยู่กับแม่ชีและพระ ดูแม่มีความสุขจริง ๆ ไม่ได้แกล้งทำเพื่อให้เขาสบายใจ ได้ยินเสียงแม่หัวเราะ เขาก็เป็นสุข
..... เบิ้มค้างที่วัดหนึ่งคืนเขานอนกอดแม่ไม่ห่าง เสียงแม่พร่ำสอนเขาทั้งคืนและบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ส่งจดหมายมาบอกเล่าทุกข์สุขให้แม่รู้ มีปัญหาอะไรเขียนมาหาแม่ แม่จะวานให้แม่ชีช่วยเขียนตอบให้ แม่ไม่ได้ร้องไห้เลย แต่เบิ้มนอนสะอื้นร้องไห้ให้แม่ปลอบทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนออกเดินทาง เขากราบลาแม่และสัญญากับแม่ว่าจะเป็นคนดี ทำอาชีพสุจริต
..... "เบิ้มสัญญาว่าจะไปทำงานเก็บเงิน และจะรีบมารับแม่กลับไปอยู่บ้านด้วยกันให้เร็วที่สุด"
..... แม่กล่าวให้ศีลให้พร เขาเดินจากแม่มาด้วยน้ำตานองหน้า ในหูมีแต่เสียงของแม่ที่บอกว่า
..... "ลูกเอ๋ย เดินทางในป่าร้องเพลงดัง ๆ หรือเอาไม้ตีทางที่เราจะเดินไปก่อน งู หรือสัตว์ร้าย มันจะได้ตกใจหนีไปก่อนที่เราจะเดินไปเหยียบมันเข้า เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะลูก จะได้ไม่หลงทาง"
..... เสียงที่แม่ตะโกนบอกเล่นเอาเบิ้มสะอื้นน้ำตาไหลพรากจนมองไม่เห็นทาง แม่จ๋าเบิ้มนึกว่าแม่หักกิ่งไม้เพราะมันเกี่ยวตัวแม่ ที่แท้แม่หักมันไว้เพื่อให้เขาสังเกตุทางกลับบ้านได้ไม่หลงป่า แม่ช่างมีความห่วงใยลูกทุกอย่าง เบิ้มสัญญาจะรีบหาเงินและมารับแม่กลับบ้านให้เร็วที่สุด
..... ในที่สุดเบิ้มก็ได้ไปทำงานที่โรงงานเดิม เขาเขียนจดหมายถึงแม่ เล่าทั้งทุกข์และสุขให้แม่ฟัง แม่ก็ตอบจดหมายเขาให้คำแนะนำว่าควรทำอย่างไร เป็นกำลังใจให้เขา
..... แม่บอกว่าแม่สบายดี เงินที่เบิ้มส่งมาให้แม่ ๆ ก็ถวายวัดส่วนหนึ่ง เก็บไว้เป็นค่ายาเล็กน้อย แม่มีหมอมารักษาให้ที่วัดฟรี และยังมีเหลือเก็บออมไว้ให้เบิ้มอีก แม่นั่งได้แล้วมีหมอมาฝึกให้แม่นั่งพิงได้ แต่ต้องมีคนจับนั่ง
..... ในที่สุดเบิ้มก็กลับมาหาแม่ พร้อมเครื่องมือทำมาหากิน และเงินก้อนหนึ่งที่พอจะลงทุนได้ เขาและแม่เช่าที่วัดปลูกบ้านและเป็นอู่ซ่อมรถ ซ่อมเครื่องไม้เครื่องมือทางการเกษตร คนมาทำบุญที่วัดต้องผ่านบ้านเขาก่อน พอรู้ว่าเบิ้มเปิดร้านรับซ่อมเครื่องไม้เครืองมือ ก็มาใช้บริการ จนในที่สุดเบิ้มต้องจ้างคนมาดูแลแม่ของเขา
..... แม่เป็นคนเลือกคนดูแลเอง คือ แก้ว เด็กที่เคยมาบวชชีพราห์มแก้บนที่วัด แม่บอกกับเบิ้มว่าเธออยู่แถวนี้เหมือนกันขยัน และคอยปรนนิบัติแม่มาตลอด ในที่สุดความใกล้ชิดและความดีของทั้งคู่ต่างก็เห็นใจซึ่งกันและกัน และมีแม่คอยลุ้นอยู่ หนุ่มสาวทั้งคู่ก็แต่งงานกัน จนมีหลานให้ย่าแก้เหงา
..... เบิ้มกับภรรยายิ้ม และมองภาพที่แม่นอนไกวเปลหลาน และร้องเพลงกล่อมลูก หลาย ๆ เพลงที่เขาได้ยินมาจนชินตั้งแต่เด็ก “เสียงของแม่” คือ เสียงสวรรค์สำหรับเขาเสมอ
🤱🤱🤱
เขียนโดย ..... พิปป้าสมายล์ PippaSmile
ฝากติดตามอีก 2 เพจค่ะ คลิก
เพจ จับเข่าคุยกัน กับ พิปป้าสมายล์ PippaSmile
https://www.blockdit.com/pippasmile.talk.everything
เพจ กลอนและคำคม โดย พิปป้าสมายล์ PippaSmile
https://www.blockdit.com/pippasmile.poem.quotes
อ่านแล้วชอบ กดติดตาม กดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจผู้เขียนนะคะ
เพจ เรื่องสั้น โดย พิปป้าสมายล์ PippaSmile
2 บันทึก
13
8
4
2
13
8
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย