16 ธ.ค. 2019 เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
ใครที่ชอบทำบุญด้วยการปล่อยปลา ลองเข้ามาดูข้อมูลนี้ก่อนเพื่อไม่ให้การทำบุญเป็นการทำบาปครั้งใหญ่
การปล่อยปลาทำบุญ https://dhamma.mthai.com/witchcraft/2503.html
ในอดีตหลายปีที่ผ่านมา “พากิน...พาเที่ยว” จำได้ว่ามีโฆษณาเหล้ายี่ห้อหนึ่งที่มีอดีตดารานักร้องดังที่เป็นลูกชายของอดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยนำแสดง ซึ่งเป็นการรวบรวมเงินที่มีไปซื้อช้างที่มีคนพาเดินเร่ขายอ้อยขายกล้วยเพื่อเป็นอาหารช้าง ตอนนั้นหลายคนก็บอกว่าน่าชื่นชมการโฆษณานี้
Recue_Johny Walker ที่มา: The Film Factory, ltd.
“พากิน...พาเที่ยว” ได้ถามกลับไปว่าช้างที่ซื้อมาจะไปอยู่ไหน ใครจะเลี้ยงแล้วมันจะอดตายไหม เพราะการที่เราเห็นมิติเดียวคือการนำช้างมาเร่ร่อนหาประโยชน์จากช้างเป็นการทารุณช้าง
แต่อีกด้านหนึ่งมันคืออาชีพหนึ่งที่สามารถเลี้ยงทั้งคนทั้งช้างได้ เนื่องจากพื้นที่ป่าที่เป็นถิ่นอาศัยเดิมและแหล่งอาหารของช้างได้ลดลงเป็นจำนวนมาก การนำมาหารายได้ด้วยการขายกล้วยขายอ้อยจึงสามารถทำให้ทั้งคนและช้างอยู่ได้ แต่ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าผู้ที่ได้ประโยชน์เต็มๆก็คือคนนั่นเอง
การปล่อยนกปล่อยปลาปล่อยเต่าปล่อยกบ เพื่อทำบุญเนื่องในวันครบรอบและวันสำคัญต่างๆของแต่ละท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่ต้องการทำบุญนิยมทำกัน เพราะเห็นว่าเป็นการช่วยชีวิตสัตว์ที่กำลังใกล้จะตายไว้ เชื่อว่าคนที่ทำจะได้บุญกุศลที่เกิดขึ้น
ปล่อยปลาช่อน http://www.nirpana.com/archives/1292
แต่เนื่องจาก “พากิน...พาเที่ยว” มีโอกาสได้เห็นการทำบุญด้วยการปล่อยปลาเป็นจำนวนมากลงแหล่งน้ำธรรมชาติหลายครั้งทั้งจากคนที่รู้จักและไม่รู้จัก และได้ทักท้วงไปยังหลายคนที่รู้จักว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นการทำบุญไถ่ชีวิตเลย กลับเป็นการสร้างกรรมใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
1
ก่อนที่จะมาทราบว่าเพราะอะไรการทำบุญครั้งใหญ่จะกลายมาเป็นบาปกัน เราลองมาดูกันว่าปลาและสัตว์น้ำที่นิยมปล่อยมีชนิดอะไรบ้าง
ปล่อยปลาไหล http://www.nirpana.com/archives/1292
จากข้อมูลของ ชมรมพุทธธรรมรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า 5 ชนิดของสัตว์ที่นิยมปล่อยคือ
 
อันดับที่ 1 ปลาไหล
อันดับที่ 2 หอยขม
อันดับที่ 3 นก
อันดับที่ 4 เต่า
อันดับที่ 5 ปลาหมอ
และก็ยังมีปลาชนิดอื่นๆ (ไม่มีการจัดอันดับ) ที่นิยมกัน เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลาตะเพียน ปลาสวาย ปลานิลและปลาหมอเป็นต้น
ปลาหมอไทย ที่มา: esan108.com
ครั้งนี้ “พากิน...พาเที่ยว” ขออนุญาตลงลึกไปในชนิดของปลาเป็นหลัก นั่นก็เพราะว่าได้ร่ำเรียนและทำงานมาด้านการประมงที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำทั้งหลาย ทั้งสัตว์น้ำเค็มและน้ำจืด จึงเข้าใจธรรมชาติของปลาพอสมควร ทำให้รู้ว่าสิ่งที่คนใจบุญทำลงไปกลายเป็นก่อบาปในหลายครั้ง
สาเหตุเพราะว่าผู้ที่นำปลาเหล่านั้นไปปล่อยลงในแหล่งน้ำ ไม่ได้มีการปล่อยปลาและสัตว์น้ำลงไปในแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติที่เหมาะสม และหลายครั้งยังกลายเป็นการไปทำลายระบบนิเวศน์เดิมของแหล่งน้ำนั้น ส่งผลถึงการสูญพันธุ์ของสัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องในบริเวณนั้นได้
คราวนี้เรามาดูกันว่าธรรมชาติของปลาแต่ละชนิดเป็นอย่างไรกันบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราทำบุญได้ผลบุญละไม่เบียดเบียนใคร
1.ปลาไหล เป็นปลาที่แหล่งอาศัยอยู่ในเลนโคลน มีอวัยวะช่วยหายใจ จึงสามารถอยู่ในแหล่งที่เป็นโคลนตมมีออกซิเจนน้อยๆก็อยู่ได้ มีอาหารสำคัญ คือ ปู ลูกปลา ไส้เดือน ซากสัตว์ และแมลงต่างๆ แต่จะโปรดปรานมาก็จะเป็นซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย แต่หากฤดูขาดแคลนอาหาร โดยเฉพาะหน้าแล้ง ปลาไหลมักจะกินซากเน่าเปื่อยของใบไม้หรือดินโคลนเป็นอาหาร (ที่มา: https://pasusat.com)
2.ปลาหมอ มีแหล่งอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดทั่วๆไป ชอบอยู่ในน้ำที่ไหลไม่แรง และต้องมีกอหญ้าริมตลิ่งบ้างเพื่อเป็นที่หลบภัยและอาศัยหากิน (ที่มา: กรมประมง)
3.ปลาดุกและปลาช่อน เป็นปลาที่สามารถอาศัยอยู่ได้ในน้ำนิ่ง แหล่งน้ำที่มีสาหร่ายน้ำจืดจำนวนมาก แต่สามารถปรับตัวให้อยู่ในแหล่งน้ำอื่นๆได้ด้วย เพราะเป็นปลาที่มีอวัยวะช่วยหายใจและมีความอดทนสูงต่อสภาพแวดล้อม (กรมประมง) ที่สำคัญปลาทั้ง 2 ชนิดนี้ถือว่าเป็นปลาผู้ล่าด้วย
4.ปลาตะเพียน เป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำไหลอ่อนๆหรือน้ำนิ่ง เป็นปลากินพืชที่กินสาหร่ายเซลล์เดียว สาหร่ายขนาดเล็กและพืชน้ำต่างๆเป็นอาหาร (กรมประมง)
5.ปลาสวาย เป็นปลากินพืชที่ชอบอาศัยอยู่ในกระแสน้ำไหลแรง ขนาดตัวใหญ่จึงชอบอาศัยอยู่ในแม่น้ำหนองบึงขนาดใหญ่ด้วย
ปลาสวาย ที่มา: MGRonline.com
นี่คือข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญของปลาที่จะนำไปปล่อย
สิ่งที่ “พากิน...พาเที่ยว” ได้ทักท้วงไปคือ การปล่อยปลาจำนวนมากๆลงแหล่งน้ำที่เดียวแม้ว่าจะเป็นแหล่งน้ำที่เหมาะกับสัตว์น้ำนั้นๆ แต่ทว่ากลับทำให้ปลาและสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่เดิมถูกรบกวนและบางครั้งต้องตกเป็นอาหารของปลาที่ปล่อยไป โดยเฉพาะปลาดุกและปลาช่อน
เพราะปลาทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นปลาที่มีนิสัยดุร้ายและเป็นปลากินเนื้อ การปล่อยลงในแหล่งน้ำจำนวนมากๆจึงเป็นการทำลายระบบนิเวศน์เดิม ปลาและสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าจะถูกปลาทั้ง 2 กิน ส่งผลต่อความสมดุลเดิมที่เคยเป็นมา
1
แม้ว่าจะเป็นปลาที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม แต่ด้วยธรรมชาติของปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น อุณหภูมิที่แตกต่างกันมากๆและปริมาณแร่ธาตุรวมถึงออกซิเจนของน้ำที่ปล่อยกับน้ำในแหล่งน้ำ หากต่างกันมากๆก็อาจทำให้ปลาชนิดนั้นช๊อคนิ่งไป มีโอกาสเป็นอาหารของปลาตัวอื่นหรือป่วยตายได้
ในกรณีนี้ควรต้องนำน้ำทั้ง 2 แหล่งมาผสมกันที่ละน้อย ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที เพื่อให้น้ำมีความแตกต่างกันน้อยที่สุดก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำนั่นเอง
สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงคือแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่เหมาะสมกับปลาชนิดนั้นๆ เช่น ปลาตะเพียนชอบกินสาหร่าย การปล่อยในแหล่งน้ำไหลเชี่ยวมากๆก็ไม่เป็นผลดีเลย แหล่งที่มีกอหญ้าริมฝั่งเพื่อหลบภัยและหาอาหารของปลาหมอก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน
อีกชนิดคือปลาไหลที่หลายคนชอบปล่อยเพราะเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตไหลลื่น แต่หากไปปล่อยในแหล่งน้ำไหล หรือแหล่งน้ำสะอาด ประชากรปลาไหลที่ปล่อยไปจะกลายเป็นอาหารของปลาอื่นแทนมากกว่า เท่ากับว่าเราเร่งให้ปลาตายเร็วยิ่งขึ้น
บางครั้งอาจจะพบปล่อยปลาช่อนและปล่อยกบไปพร้อมกัน คนปล่อยอาจจะได้บุญจากการปล่อยปลาช่อนเพราะปลาช่อนก็จะมีอาหารหารกินในทันทีเลย ส่วนกบจากที่จะมีชีวิตรอดต่อไปก็กลายไปเป็นอาหารของปลาช่อนแทน
ปล่อยกบ http://www.nirpana.com/archives/1292
ซึ่งหากมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการทำบุญไถ่ชีวิตจริงๆ การศึกษาข้อมูลก่อนเพื่อให้ชีวิตน้อยๆเหล่านั้นมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้ ภายใต้สิ่งแวดล้อมใหม่ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแทนที่จะเป็นการทำบุญกลับกลายเป็นการทำบาปแทน
1
ที่ไหนมีของอร่อย ที่ไหนน่าเที่ยว เราจะพาคุณไป
หากชอบบทความช่วยเป็นกำลังใจด้วยการกด Like กด Share และความเห็นที่เป็นประโยชน์ ด้วยนะครับ
โฆษณา