18 ธ.ค. 2019 เวลา 16:10 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วันนี้เรามาทำความเข้าใจกับความเชื่อและความจริงกัน
เราจะพาทุกคนมาคิดแบบวิทยาศาสตร์กัน
ตอนที1 ตีหัวเด็ก...เด็กจะปัสสาวะรดที่นอน?
"การปัสสาวะรดที่นอนอาจไม่เกื่ยวกับการที่เดักถูก
ตีหัว"
คนโบราณมักจะมีคำเตือนหลายๆเรื่องเช่นจะบอกว่า #อย่าไปตีหัวเด็กสิเดื๋ยวปัสสาวะรดที่นอน#
แน่นอนทุกคนเคยได้ยิน
การตีหัวเด็กแล้วจะฉี่รดที่นอนจะจริง หรือไม่จริงก่อไม่ควรทำ เพรสะนอกจากจะทำให้เจ็บแล้ว อาจทำให้สมองของเด็กกระทบกระเทือนได้โดยเฉพาะเดักที่มีอายุต่ำกว่า2 ขอบเพราะกระหม่อมของเด็กยังปิดไม่สนิท
การที่เด็กโดนตีหัวแล้วปัสสวะรดที่นอนนั้นอธิบายได้ว่า ในขณะที่เราตีหัวเด็กบางครั้งไม่ได้ถูกตีอย่างเดืยวอจาถูกดุด้วยทำให้เด็กสะเทือนใจจนทำให้ตอนกลางคืนเด็กฝันร้ายหรืระบายความรู้สึกที่ไม่สบายใจออกมาด้วยการปัสสาวะรดที่นอน
การปัสสาวะรดที่นอนอาจไม่เกื่ยวกับการตีหัวแต่การที่โดนดุและโดนทำโทษในคอนกางวันอาจมีผลต่อการจะปัสสาวะรดที่นอนในตอนกลางคืนได้
เพราะสะนั้นโดนหลักการแล้วไม่ว่าอธิบายในทางจิตวิทยาหรือใช้เหตุผลทั่วไแความเชื่อนี้ก็น่าจะเป็นความจริงคือผู้ใหย่ไม่ควรจะตีหัวเด็กและนี่คือภูมีปัณญาโบราณ
คิดแบบวิทยาศาสตร์
การปัสสาวะรดที่นอนเป็นพันธุกรรม ร้อยละ85 ของผู้ที่มีอาการนี้มักมีประวัติสมาชิกในครอบควที่ปัสสาวะรดที่นอนและอีกสาเหตุกนื่งคทอเป็นโดยธรรมชาติของ
เด็กชายจะควบคุมการขับถ่ายได้ดีกว่าเด็กหญิง เมื่ออายุ2-3ขวบมี 1 ใน3 ที่จะเป็นห6 ขวบขื้นแล้วจะหาย ยกเว้นถ้าถูกบ่นมากจะไม่หาย
โฆษณา