22 ธ.ค. 2019 เวลา 10:06 • ประวัติศาสตร์
Frane Selak คนดวงซวยที่สุดในโลก?
1
ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง ถ้าเป็นความเชื่อทางพุทธพระท่านก็จะบอกว่า แล้วแต่บาปบุญของบุคคลที่ทำมา
หากชาติที่แล้วทำบุญมาเยอะ แรงกุศลก็จะเกื้อหนุนให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า แต่ถ้าเปิดบัญชีดูแล้วมีบาปมากกว่า ก็เป็นไปได้ว่าจะตกทุกข์ได้ยาก
คำถาม: แล้วถ้าเกิดเราทำบุญและบาปมาเท่ากันพอดีล่ะ?
ย่อยประวัติ ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ชีวิตพิศวงของชายชาวโครเอเชียนามว่า Frane Selak ครับ
.
.
.
เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1929 ในครอบครัวชนชั้นกลางของโครเอเชีย Frane Selak (เฟรน เซลัค) มีอาชีพเป็นครูสอนดนตรี ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ณ กรุงซาเกร็บ
Selak หากดูผิวเผินก็ชายวัยกลางคนทั่วไป ท้วมนิดๆและมีแนวโน้มว่าจะผมน้อยเมื่ออายุมากขึ้น รักดนตรี รักเด็ก ชีวิตเรียบง่ายตามแบบฉบับคุณครูโครแอต
มกราคม 1962
ตอนเช้าตรู่ในฤดูหนาว Selak นั่งรถไฟจากเมืองซาราเยโวไปยังเมืองดูบรอฟนิก
ขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือติดพัน Selak รู้สึกว่าตู้รถไฟที่เขานั่งสั่นแบบแปลกๆ ด้วยความสงสัยเขาจึงมองไปรอบโบกี้อันเต็มไปด้วยผู้โดยสาร ซึ่งส่วนมากกำลังหลับสบายใต้ผ้าห่ม
1
ครืนนน เอี้ยดด!
ตามมาด้วยเสียงลมหวีดหวิวแหวกอากาศ ทุกคนถูกปลุกให้ตื่นด้วยพลังของแรงโน้มถ่วง ด้านหน้าของตู้รถไฟที่เคยเป็นทางเดินต่อกันไปสุดสายตา ตอนนี้กลายเป็นภาพของแม่น้ำใสเย็นจนเป็นน้ำแข็งเบื้องล่าง
รถไฟโบกี้ของเขาตกรางและกำลังร่วงหล่นจากหน้าผาสูง!
ผู้โดยสารคนอื่นที่มวลเบากว่ารถไฟถูกดูดออกไปนอกตัวถัง ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาที รถไฟสองตู้ก็หล่นตูมลงไปกลางแม่น้ำเย็นจัดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
Selak กระเสือกกระสนออกจากตู้ด้วยการกลั้นหายใจและตั้งสติลอดออกมาทางหน้าต่าง ก่อนรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายว่ายไปจนถึงฝั่ง ทั้งๆที่ชาไปหมดทั้งร่าง
1
ผู้โดยสารของรถไฟสองตู้จำนวน 17 คน
เสียชีวิตทั้งหมด
มีผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งคน ซึ่งแขนหักและมีภาวะตัวเย็น (Hypothermia) ชื่อว่า
Frane Selak
.
เขากลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นเดิม ด้วยความยินดีต่อโชคชะตาที่ทำให้เขารอดพ้นเหตุการณ์ร้ายมาได้ เด็กๆเองก็ดีใจที่คุณครูของตนกลับมาด้วยความปลอดภัย ถึงแม้จะพ่วงโรคกลัวรถไฟมาด้วยก็ตาม
วันหนึ่ง Selak ได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน ปลายสายบอกว่ามารดาชราของเขากำลังป่วยหนัก ด้วยความรักแม่ เขาทิ้งการงานทุกอย่าง และจองตั๋วเครื่องบินกลับบ้านทันที
• ธันวาคม 1963
ด้วยใกล้เทศกาลหยุดยาวปีใหม่ ทำให้การจองไฟลท์แบบกระทันหันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทุกเที่ยวบินจากเมืองซาเกร็บไปเมืองริเอก้าถูกจองเต็มหมดไม่เหลือสักที่นั่ง
Selak ซึ่งเป็นคนไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อน และก็ไม่คิดจะนั่งด้วย เพราะเห็นข่าวเครื่องตกอยู่บ่อยๆ (อาจเพราะเทคโนโลยีการบินสมัยนั้นยังไม่ค่อยดี) ตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับไปหาแม่ที่ป่วยให้ได้
หลังจากพยายามทุกวิถีทาง ไปจนถึงการติดสินบนพนักงานจองตั๋ว ในที่สุดเขาก็ถูกจัดให้นั่งที่ Jump Seat ท้ายเครื่องหรือจุดที่แอร์โฮสเตสนั่ง บังเอิญว่าวันนั้นแอร์โฮสเตสขาดประจำการไปหนึ่งคนพอดี นับเป็นโชคดีของเขาอีกครั้ง
เมื่อเครื่องขึ้น Selak ก็ได้รับการบริการเป็นอย่างดีจากคุณแอร์ที่นั่งตรงหน้า ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรสและจิบชาด้วยความเพลิดเพลิน
"การนั่งเครื่องบินนี่ก็ไม่แย่นะ" เขาคิด
สักพักใหญ่ เสียงกัปตันประกาศให้ผู้โดยสารนั่งประจำที่ เราใกล้จะแลนดิ้งแล้ว Selak กับแอร์คนสนิทของเขาขณะนี้คาดเข็มขัดเรียบร้อย
ปึ้ง วื้ดดดดด!
แอร์สาวเพื่อน Selak ถูกดูดออกไปนอกเครื่องต่อหน้าต่อตาทางประตูฉุกเฉินด้านหลังที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเปิดได้อย่างไร
เขาอ้าปากหวอ แต่ก่อนจะได้พูดอะไร เข็มขัดนิรภัยก็ถูกกระชากออกด้วยความต่างของแรงดันภายนอกและภายใน ทำให้เขาถูกดูดออกจากเครื่องไปอีกคน ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือผู้โดยสารร้องระงม และหน้ากากออกซิเจนเด้งออกมาทั้งลำ
เป็นอีกครั้ง ที่ไม่มีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เครื่องบินถูกฉีกเป็นชิ้นๆด้วยแรงดันข้างต้น และพุ่งกระแทกพื้นอย่างแรงจนเกิดการระเบิด
แอร์สาวเคราะห์ร้ายร่วงจากความสูงเกือบ 10,000 ฟุต ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิต
ส่วน Selak น่ะหรอ?
ตกลงบนกองฟางอันอ่อนนุ่ม และเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากโศกนาฏกรรม
.
1
พอกันทีรถไฟ เครื่องบิน ไม่มีอะไรใหม่หรอก ทุกอย่างแม่งก็เก่าหมด Selak เลือกที่จะเสียเวลาเป็นวันๆไปกับการนั่งรถบัส ซึ่งดูจะเป็นตัวเลือกการเดินทางเพียงอย่างเดียวของเขานับจากนี้
• 1966
เขาเอนกายอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยความเพลิดเพลิน แดดยามเช้าผ่านกระจกรถประจำทางมันช่างอ่อนโยน และอุดมไปด้วยวิตามินดี บางทีการเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ไม่ต้องเร่งร้อน อาจทำให้เรามองเห็นความสำคัญของสิ่งรอบกายได้ดีขึ้น มันคือห้วงเวลาแห่งสุนทรียะ
โครมมมม!
เสียงเหล็กปะทะกับคอนกรีตดังสนั่น ปลุกผู้โดยทุกคนให้ตื่นจากภวังค์แห่งความชิล
คนขับรถบัสหลับใน หักพวงมาลัยไปขวาและกระแทกกับรั้วเต็มแรง จนรถทั้งคันร่วงลงไปในแม่น้ำเย็นจัดข้างถนน
ด้วยมวลของบัส ทำให้มันจมหายลงไปอย่างรวดเร็ว Selak รวบรวมสติว่ายกลับไปที่ประตูนิรภัย เอาตัวรอดออกจากรถและว่ายกลับขึ้นมาได้ โดยมีบาดแผลถลอกและกระจกบาดเพียงเล็กน้อย
มีผู้โดยสารเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 4 คน
.
โอเค มาถึงตรงนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่า การนั่งยานพาหนะอะไรก็ตามที่เขาไม่ได้เป็นคนขับเองมันคือหายนะ
คนขับรถไฟ, นักบิน, คนขับรถบัส ล้วนแต่นำพาความซวยมาให้เขาทั้งสิ้น เขาจึงตัดสินใจ
ถอยรถใหม่ป้ายแดง
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร แต่ดูท่ามันจะใช้งานได้ดีทีเดียว นำพาความสุขสงบในชีวิตการเดินทางมาให้ Selak
1
• 1970
ทอดไข่ดาว, หลังทานอาหารเช้าและกาแฟ Selak ก็พร้อมจะเริ่มต้นวันใหม่ เขาคว้าเครื่องดนตรีชิ้นโปรด วางมันไว้ที่เบาะหลัง ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ออกจากบ้าน
ขณะขับรถไปโรงเรียน Selak รู้สึกว่าทำไมวันนี้อากาศอบอ้าวผิดปกติ และพอขับไปได้สักพักก็เริ่มมองทางไม่ชัด ข้างหน้าดูขมุกขมัวจัง
รถของเขาเกิดภาวะเครื่องร้อนจัดจนควันขึ้น ตามมาด้วยภาวะเครื่องยนต์ Overheat และ
ระเบิด!
ตูมใหญ่ ก่อนที่รถทั้งคันจะกลายเป็นกองไฟ Selak ร้องครวญครางเพราะโดนไฟไหม้ แต่ก็ยังมีสติมากพอจะเปิดประตูและกระโดดหนีออกมา รถสุดรักของเขาไหม้เป็นตอตะโก
Selak รอดชีวิตมาได้ เขาได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้ในบางจุดเท่านั้น
.
นี่เป็นครั้งแรกทื่ Selak เชื่อว่ารถระเบิดเกิดจากเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครอยากให้เกิดและมันคงไม่เกิดขึ้นอีก เขาจึงตัดสินใจออกรถอีกคันหนึ่ง
• 1973
ทุกอย่างเหมือนเดิม ต่างกันแค่ช่วงเวลา เริ่มจากความร้อน ควันไฟ และเสียงดังกัมปนาท
รถของเขาระเบิดอีกครั้งในระยะเวลาเพียง 3 ปี แต่คราวนี้ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ในการขับรถไฟไหม้ เขาขับไปที่ทุ่งโล่งๆ และกระโดดออกจากรถก่อนการระเบิดเพียงไม่กี่วินาที
รอดชีวิตไปได้อย่างฉิวเฉียด
เหตุร้ายทั้งหมดที่สุดก็จบลง Selak ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนเกษียน มาเป็นเวลา 22 ปี
.
• 1995
ในวันเกิดครบรอบ 66 ปีของคุณปู่ Selak เขาตัดสินใจออกไปเดินตลาดเพื่อหาของอร่อยทานเสียหน่อย
Selak มาหยุดยืนอยู่ริมถนน และกดปุ่มสัญญาณไฟเพื่อให้รถหยุดตนจะได้เดินข้ามอย่างปลอดภัย เขาข้ามเพียงลำพัง และเมื่อเขาก้าวเท้าลงไปบนถนน
เอี้ยยยยดดด โครรมม!
รถเมล์เบรคไม่ทันเพราะมาด้วยความเร็วชนคุณปู่ Selak เข้าอย่างจัง ร่างกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร ผู้คนตกตะลึง วิ่งกรูเข้ามาช่วยเหลือกันเป็นการใหญ่ ตัวคนขับเองได้แต่นั่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก
ผ่านไปพักใหญ่ในที่สุดเขาก็ได้สติ ลุกขึ้น และไปโรงพยาบาลได้เหมือนคนปกติทั่วไป มีเพียงรอยฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น?!
.
ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะไปจบตรงไหน ยมบาลดูจะไม่ลดราวาศอกกับเขาเลยแม้แต่น้อย 30 กว่าปีแล้วนะที่เขาต้องอยู่อย่างหวาดกลัว จนในที่สุดเขาก็โมโหและตัดสินใจ
I don't give a fuck about life anymore
(ช่างแม่ง ตายเป็นตาย)
เขากลับมาเดินทางเหมือนคนปกติ ซื้อรถคันใหม่ขับ ไปในที่ที่อยากไป ใช้เวลาในช่วงท้ายของชีวิตให้มีความสุขที่สุด
ได้เลย เดี๋ยวพี่จัดให้...
• 1996
เขาขับรถไปเที่ยวภูเขาแห่งหนึ่งในโครเอเชีย
Selak ขับขึ้นภูเขาบนถนนที่ดูแคบเสียเหลือเกิน แบบขับสวนกันยังมีเสียว ไม่นานเขาก็มองเห็นโรงแรมที่จะไปพักซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาไม่ไกลออกไป
แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดอีกครั้ง เมื่อรถบรรทุกขนของคันใหญ่แล่นลงมาตามทางโดยไม่ชะลอ บีบให้ Selak ต้องเบี่ยงออกขวา (รถพวงมาลัยขวา) จนล้อหน้าหลุดออกจากถนน และตอนนี้เองเขาก็ได้พบเพื่อนเก่าที่ห่างหายไปนาน
เพื่อนที่ชื่อว่า "แรงโน้มถ่วง"
รถของเขาลอยละลิ่ว ร่วงจากถนนลงสู่หน้าผาสูงชันด้านล่าง แรงดึงดูดโลกกระชากเขาอย่างไม่ปราณีราวจะบอกว่าถึงเวลาของแกแล้ว แต่ด้วยสติ ด้วยกำลังของคนแก่ ปาฏิหารย์ หรืออะไรผู้เขียนก็ไม่ทราบได้
Selak กระโดดออกจากรถในวินาทีสุดท้าย ไปคว้าเอาพุ่มไม้ริมผาพุ่มใหญ่ก่อนจะห้อยตัวรอความช่วยเหลือของหน่วยกู้ภัยอยู่ตรงนั้น รถของเขาเมื่อปะทะกับพื้นข้างล่างก็ระเบิดตูมใหญ่ ควันไฟลอยคลุ้งขึ้นมาถึงจุดที่เขาอยู่
เขาถูกดึงขึ้นมาอย่างปลอดภัยและได้กลับบ้านอีกครั้ง
.
.
2003
Frane Selak ซื้อลอตเตอรี่และถูกรางวัลที่ 1 ได้รับเงินไปกว่า 1 ล้านเหรียญ
.
.
.
อันนี้เป็นเคสเดียวที่ผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่า ตกลง Selak เป็นคนโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เหตุการณ์แย่ๆดูจะชอบเกิดกับเขาราวฟ้ากลั่นแกล้ง แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง
ขอให้ท่านผู้อ่านมองด้านดีแล้วกันครับ ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ท่านผู้อ่านที่เคยประสบอุบัติเหตุทุกท่าน สู้ต่อไปนะครับ
ไม่ว่าสถานะจะเป็นอย่างไร
อย่างน้อยเราก็ยังได้อยู่ด้วยกัน
.
.
.
เกร็ดเล็ก: คุณปู่ Frane Selak ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้อายุ 90 ปี
เกร็ดน้อย: น่าเศร้าที่หลังจากเรื่องราวของ Selak เผยแพร่สู่สาธารณะ บรรดาญาติสนิทมิตรสหายต่างก็ตีตัวออกห่างเพราะมองว่าเขาเป็นตัวซวย ผู้โดยสารคนหนึ่งถึงขั้นขอยกเลิกไฟลท์เมื่อเห็นว่า Selak เดินทางไปด้วย ทำให้เขาใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างโดดเดี่ยว
- Xyclopz
โฆษณา