26 ธ.ค. 2019 เวลา 09:40 • ธุรกิจ
กองทุนรวมตราสารหนี้ ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนจริงมั้ย??
2
เมื่อเราได้รู้จักกองทุนตลาดเงินกันไปแล้ว บางคนอาจจะสงสัยว่ากองทุนตลาดเงินกับกองทุนตราสารหนี้เหมือนกันรึป่าว เพราะอยู่ในประเภทกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงใกล้กัน
สิ่งที่แตกต่างกัน คือ กองทุนตราสารหนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือหุ้นกู้เอกชน ตราสารหนี้เหล่านี้จะมีอายุมากกว่า มีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งตราสารหนี้คือการปล่อยกู้ และเป็นการปล่อยกู้ขนาดใหญ่ระดับองค์กร คนที่ซื้อตราสารหนี้จะถือว่าเป็นเจ้าหนี้
กองทุนตราสารหนี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว โดยจะแบ่งตามระยะเวลาถือครองตราสารหนี้ ถ้ามีอายุไม่เกิน 1 ปีเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ถ้าอายุมากกว่า 1 ปีเป็นตราสารหนี้ระยะยาว
โดยส่วนใหญ่กองทุนตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนประมาณ 2.5-5% ซึ่งก็มากกว่าผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารและกองทุนรวมตลาดเงิน แต่ก็มีความเสี่ยงและมีความผันผวนมากกว่าเช่นกัน และบางวันราคาอาจจะติดลบได้
กราฟแสดงผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน TMBABF จากเว็บไซต์ TradingView
สาเหตุที่ทำให้บางวันราคากองทุนติดลบได้ เนื่องจากกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. บอกว่า กองทุนรวมต้องคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยใช้ราคาตลาด หรือ Mark to Market ทุกสิ้นวันทำการ ถ้าวันนั้นตราสารหนี้ที่อยู่ในพอร์ตราคาลดลง ก็จะกระทบกับราคา NAV ของกองทุนนั้นด้วย
ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ถ้าดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาลง กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาวจะให้ผลตอบแทนดีกว่านั่นเอง
ข้อควรระวังในการเลือกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ คือ
ความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้
ก่อนจะลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เราควรจะศึกษาดูว่ากองทุนนี้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน โดยเราสามารถดูได้จากชื่อและอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของตราสารหนี้ที่กองทุนเข้าไปลงทุน ซึ่งจะมีบอกอยู่ในหนังสือชี้ชวน (Fund Factsheet)
ตัวอย่าง Fund Factsheet ของบลจ.กรุงศรี
หากลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลก็มักจะมีความน่าเชื่อถือและมีความมั่นคงอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน เราจึงควรรู้จักข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนั้นด้วย เผื่อประเมินว่าบริษัทนี้มีโอกาสผิดชำระหนี้สินมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้เราสามารถดูอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้โดยการอ่านค่า Credit Rating ที่เป็นสเกลตัวอักษรอังกฤษ ซึ่งตัวอักษร AAA คือมีความน่าเชื่อถือสูงสุด และลดลงไปตามลำดับ
1
ตัวอย่าง Fund Factsheet ของบลจ.กรุงศรี
อันดับความน่าเชื่อถือ จากเว็บไซต์ Thaibma
ความแตกต่างระหว่างลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้กับลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง คือ
1.กองทุนตราสารหนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่าลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง เพราะกองทุนจะมีการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายตัว เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง จะไม่ได้ลงทุนในตราสารหนี้เพียงแค่ตัวเดียว
2.กองทุนตราสารหนี้ใช้เงินเริ่มต้นลงทุนน้อย มีขั้นต่ำในการซื้อที่ต่ำกว่า ถ้าเราลงทุนเองในตราสารหนี้เอกชนจะมีขั้นต่ำการซื้ออยู่ที่ 100,000 บาท ส่วนพันธบัตรรัฐบาลขั้นต่ำการซื้ออยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท
1
3.กองทุนตราสารหนี้มีสภาพคล่องมากกว่าลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และเมื่อเราขายก็จะได้รับเงินในอีก 2 วันทำการถัดไป (T+2) หรือบางกองอาจจะมากกว่านิดนึง แต่ลงทุนในตราสารหนี้โดยตรงจะต้องถือจนครบกำหนดอายุของตราสารหนี้
เหมาะกับใครบ้าง?
1.เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่่ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและกองทุนตลาดเงิน และสามารถรับความเสี่ยงได้ระดับนึง
2.เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินระยะเวลา 1-3 ปีขึ้นไป หรือคนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นถึงปานกลาง
3.เหมาะกับนักลงทุนที่จัดพอร์ตการลงทุนแบบ Asset Allocation เพราะกองทุนตราสารหนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
4.เหมาะกับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ แต่มีข้อจำกัดทางการเงิน
1
ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ สนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อกองทุนไหนดี สามารถลองดูตารางจัดอันดับกองทุนรวมตราสารหนี้ ได้ที่ลิ้งด้านล่างนี้
3
ในเว็บนี้จะจัดอันดับกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด โดยแบ่งประเภทของกองทุนตราสารหนี้ตามนโยบายการลงทุน เช่น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว กองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก กองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่
1
ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2562
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ HoonSmart ค่ะ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Secret FUN(d)
ฝากติดตาม กด Like กด Share และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จะคอยอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวมและการลงทุน
#SecretFund
โฆษณา