29 ธ.ค. 2019 เวลา 02:00
รีวิว ฮาวทูทิ้ง
ทิ้งยังไง ไม่ให้เหลือเธอ
หนังเฉพาะกลุ่มที่เล่นกับความรู้สึกคนดู
บทที่ดีถ่ายทอดผ่านนักแสดงที่ยอดเยี่ยม
9/10 คะแนน
เรื่องย่อ
“จีน” (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ต้องการจะรีโนเวทบ้านให้กลายเป็นออฟฟิศ สไตล์มินิมอล แต่ติดอยู่ที่บ้านของเธอมีสิ่งของที่เก็บไว้จำนวนมาก งานนี้เธอจึงต้องพึ่งพี่ชายของเธอเจย์ (หมี-ถิรวัฒน์ โงสว่าง) และถุงดำจำนวนมาก เพื่อทิ้งทุกสิ่งที่เธอมองว่าไม่จำเป็น ของที่ไม่ใช้แล้ว และหากเก็บไว้ก็รกเปล่า ๆ ทิ้งมันลงถุงดำไปซะ!! แต่การทิ้งของบางสิ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิ่งของแต่ละชิ้นมีเรื่องราวและความทรงจำมากมายที่หวนกลับมาให้เธอนึกถึง และหนึ่งในของเหล่านั้นก็มีของของเอ็ม แฟนเก่าของเธอ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ที่แม้สิ่งนั้นจะเป็นของชิ้นเล็ก ๆ แต่มันมีความรู้สึกและความทรงจำมากมายจนไม่สามารถทิ้งลงถุงดำแล้วหายไปได้ จีนจึงต้องตัดสินใจว่าจะทําอย่างไรกับสิ่งของของเอ็ม ว่าเธอจะทิ้งไป เก็บไว้ หรือเดินไปคืน ต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ภารกิจการทิ้งของในครั้งนี้สำเร็จลงได้
--รีวิว--
ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้อาจจะไม่เหมาะกับบางคน เพราะหนังใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเต๋อ นวพล มากหากเทียบกับหนังเรื่องก่อนอย่าง “ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ด้วยสีของหนังที่เน้นสีขาวและเทา ดนตรีประกอบของหนังที่เน้นใช้โทนเสียงต่ำๆ
การดำเนินเนื้อเรื่องไปอย่างช้า ๆ บวกกับการแสดงและจังหวะการพูดของตัวละคร ที่ต้องการปูอารมณ์คนดูให้รู้สึกหม่น ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้หนังเรื่องนี้มีความเฉพาะกลุ่มอยู่พอสมควร จนคุณอาจจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ก็ได้ (และบางคนอาจจะถึงขั้นหลับในโรงเลยก็ได้นะ)
ด้วยชื่อของหนังกับตัวอย่างที่ปล่อยออกมา อาจทำให้หลายคนคิดว่า นี่คงจะเป็น "หนังรัก" ทั่วไปพูดถึงคนๆ หนึ่งที่สิ่งของในอดีตทำให้เธอหวนกลับไปคิดถึงคนรักเก่าของเธอ และทำให้เธอกับเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่าประเด็นนี้เป็นเพียงแค่บางส่วนของหนังเท่านั้น เพราะการดำเนินเรื่องส่วนใหญ่เน้นที่ตัวนางเอก ที่พบเรื่องราวผ่านของที่เธอต้องการจะทิ้งไป มันมีทั้งเรื่องของเพื่อน ครอบครัว และความรัก เพราะฉะนั้นใครที่คาดหวังจะเห็นซันนี่ออกมาเยอะ ๆ อาจต้องผิดหวังสักหน่อยนะ แต่โดยรวมหนังเรื่องนี้มีข้อดีอยู่มากเลยล่ะ (ยังไงก็แนะนำให้ลองไปดู)
หนังเล่นการความรู้สึกของคนดูได้ ยิ่งหากคุณเป็นคนที่เคยทิ้งใคร หรือถูกใครทิ้งคุณจะอินกับบทพูดของตัวละครในเรื่องได้แน่ อีกทั้งปัญหาเรื่องครอบครัว ที่ว่าหากคุณต้องการจะรีโนเวทบ้านครั้งใหญ่ ทิ้งของทั้งหมดไป แน่นอนต้องมีคนในครอบครัวไม่เห็นด้วยอยู่แน่ ยิ่งของบางอย่างมีความทรงจำมากมายอยู่ในนั้นด้วยแล้ว และหากคนในครอบครัวเป็นคนละ Gen กับเรา ก็ย่อมเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน
ด้วยอารมณ์ของหนังที่นิ่ง ๆ ตลอดทั้งเรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นจุดดีที่ทำให้เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ตัวละครตัวนี้จะเห็นด้วยกับการกระทำของนางเอกไหม และสิ่งที่นางเอกทำลงไปจะส่งผลดีกับเธอรึเปล่า คน ๆ นั้น คิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่นางเอกทำกันแน่ และพอถึงจุดที่ตัวละครแสดงออกมาว่าเขาหรือเธอรู้สึกอย่างไร เหมือนกับทำให้เราได้เข้าใจว่าคนทุกคนไม่ได้คิดและรู้สึกตามที่เราตั้งใจหรือหวังได้ทั้งหมด
การที่หนังเล่าผ่านตัวละครตัวเดียวเป็นหลัก หนังแนวนี้จำเป็นมากที่จะต้องแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวนางเอก ว่าจะเธอจะเรียนรู้อะไรจากเรื่องราวในหนัง เหมือนเป็นตัวแทนของคนดู ซึ่งตอนแรกก็แอบห่วงเพราะพื้นฐานตัวละครตัวนี้คือค่อนข้างมีความนิ่งทางด้านอารมณ์ และคนดูอาจเข้าถึงยากและไม่เข้าใจ
แต่หนังแสดงให้เห็นว่า เธอมีความพัฒนาด้านความรู้สึกที่ชัดเจน เหมือนเธอค่อย ๆ เข้ามาใกล้กับคนดูมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทำได้ดี จนเมื่อใกล้ถึงท้ายเรื่อง คนดูจะมีคำถามในใจว่าการที่เธอเริ่มมีความรู้สึกจะทำให้เธอสำเร็จจุดมุ่งหมายของเธอแต่แรกได้จริงๆ รึเปล่า
ชื่นชมการแสดงของนักแสดงทุกคนในเรื่อง เพราะหนังสไตล์เต๋อมักจะเน้นการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็จำเป็นต้องสื่อสารความรู้สึกและอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้นออกมา ให้ชัดพอที่คุณดูจะรู้สึกได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก และนักแสดงทุกคนก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะ ออกแบบ นางเอกของเรื่อง ซันนี่ ถึงแม้จะออกมาน้อยไปหน่อย แต่ก็มีความสำคัญมาก และอีกหนึ่งคนที่เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องแรกของเธอนั้นก็คือ ษริกา สารทศิลป์ศุภา ในบท “มี่” แฟนคนปัจจุบันของเอ็ม รวมทั้งพี่ชายและแม่ของนางเอก ทุกคนเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก เหมือนได้ดูคนจริงๆ พูดคุยกันและเราเป็นบุคคลที่สามที่มองเข้ามา และซีนอารมณ์เดี่ยวของตัวละคร เรื่องนี้เน้นผ่านสีหน้าและแววตา ที่ต้องสื่ออารมณ์ให้ถึงคนดูให้ได้ มากกว่าจะเห็นตัวละครพูดออกมาตรง ๆ ซึ่งทำได้ดีและเอาอยู่ในทุกฉาก
หากจะพูดถึงข้อเสียที่หักคือ ส่วนตัวอยากให้เคลียประเด็นของครอบครัวอีกหน่อย ว่าสุดท้ายแล้วเมื่อบ้านเสร็จ แม่ของนางเอกทำไมถึงยอมอยู่ด้วยกันต่อไป คืออยู่แบบมีปัญหากันต่างคนต่างอยู่ หรือสุดท้ายแม่จะเข้าใจและยอมรับการกระทำของนางเอกกันแน่ คือมันคาใจอ่ะ แต่นี่ก็อาจเป็นสไตล์ของหนังเต๋อที่ต้องการให้คนดูกลับไปคิดหลังหนังจบก็ได้ล่ะมั้ง
สรุป “ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” เป็นหนังที่ดี แต่อาจจะไม่ถูกจริตของใครหลาย ๆ คน ด้วยอารมณ์ และการดำเนินเรื่องของหนัง แต่หนังเรื่องนี้เล่นก็อารมณ์ของคนดีได้ดีมาก ๆ ยิ่งหากคุณเคยผ่านเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กับตัวละครในเรื่อง คุณจะอินกับบทภาพยนตร์ผ่านนักแสดงที่สื่อสารออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติและยอดเยี่ยม
โฆษณา