30 ธ.ค. 2019 เวลา 07:27 • ท่องเที่ยว
ตอนที่ ๑ โปรดให้คนพิการและผู้สูงอายุได้ชื่นชมด้วย : บุรีรัมย์ไม่ได้ตำน้ำกิน
ผู้เขียนเคยไปบุรีรัมย์​ตั้งแต่สมัย​ "บุรีรัมย์​ตำน้ำกิน" ในปี​ ๒๕๐๘ แต่เป็นแค่ผ่านแวะกินอาหาร หลังสุดได้ไปเที่ยวประสาทหินพนมรุ้ง​ กับคณะ ๑ ครั้ง และนำครอบครัวไปอีก ๑ ครั้ง จำไม่ได้แน่ชัดว่าปีไหน​ แต่ครั้งสุดท้ายประมาณปี​ ๒๕๒๒ ไม่ได้พักที่บุรีรัมย์หรอกครับ และหลังจากนั้น​ก็ไม่ได้ไปอีก
หลังจากทราบว่าบุรีรัมย์เจริญขึ้น ก็คิดไปเที่ยวและพักที่บุรีรัมย์ คิดหลายครั้งแล้วครับ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปสักทีี​ คราวนี้ได้จังหวะครับ​ ขอบคุณ​ท่าน​ ผู้อำนวยการ​ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุ​บ้านบุรีรัมย์ คุณประหยัด​ ต๊ะสุยะ​ ที่ช่วยจัดรายการเที่ยวและอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้เป็นอย่างดี
จองตั๋วสายการบินต้นทุนต่ำเองมีปัญหาทุกที ไม่ทราบว่าโปรแกรมย่ำแย่หรือความรู้ด้านเทคโนโลยีของผู้เขียนย่ำแย่กันแน่ จึงของให้น้องๆ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จองให้
ก่อนหน้านี้สายการบินบินไปบุรีรัมย์ วันละเพียง ๒ เที่ยว เช้า-บ่าย จึงขอให้จองเที่ยวเช้า ได้เที่ยว ๖.๐๐ น. ก็ต้องตื่นแต่ตี ๔ ซิครับ ดอนเมืองยังไม่ถึงตี​ ๕​ เลยครับ คุณ​สายพิณยังไม่ตื่นเลยครับ​ อิอิอิ
ไม่เป็นไรครับ เรื่องเที่ยวดึกอื่นคำคืนหรือเช้ามืด ชำนาญอยู่แล้ว
·
อาหารเช้าวันนั้นกินอาหารชุดที่ร้านญวน​ครับ มีภาพถ่ายสาวญวนสวยๆ​ ให้ดูด้วยครับ
ไปเมืองไหนก็ตาม นอกจากดูตัวสนามบินแล้ว​ ต้องดูที่ถนนด้วย​ ทั้งสองอย่างเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความเจริญของเมืองนั้น
ผ่านอนุสาวรีย์​รัชกาลที่ ๑ (ถ่ายไม่ชัดนัก) พระองค์ท่านหันหน้าเข้าศาลากลางจังหวัด​ เป็นนัยยะว่าพระองค์ท่านเพิ่งกลับจากอำเภอบ้านกรวดหลังจากการทำสงครามกับเขมรแล้ว
เดินทางไปปราสาทหินพนมรุ้ง​ อ.​เฉลิมพระเกียรติ​ ซึ่งทราบว่ามีทางไปได้ ๒ ทาง คือทางแต่เข้าทาง​ อ. เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งทางคดเคี้ยวกว่า แต่ได้ใช้เส้นทาง อ.​ ประโคนชัย ซึ่งไม่คดเคี้ยวมากนัก
ทราบเรื่องราวของอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งหรือปราสาทหินพนมรุ้งสักนิดก็ดีนะครับ
ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคา​ เป็นกลุ่มเดียวกับปราสาทหินพิมายและปราสาทหินนครวัดนครธม ประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงประมาณ ๒๐๐ เมตร จากพื้นราบ โดยวางศูนย์กลางประตูอยู่ในแนวเดียวกับพระอาทิตย์ขึ้น
มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงลอดทะลุช่องประตูทั้ง ๑๕ บาน ของปราสาทพนมรุ้ง เพียง ๔ ครั้ง ใน ๑ ปี คือเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ๒ ครั้ง ในเดือนเมษายนและกันยายน และเห็นพระอาทิตย์ตกอีก ๒ ครั้ง ในเดือนมีนาคมและตุลาคม แต่ผู้เขียนไม่ไปตอนนั้นหรอกครับ ผู้คนมากเกินไป
ปราสาทหินพนมรุ้งได้ขึ้นทะเบียนเบื้องต้นในการพิจารณาเป็นมรดกโลก เช่นเดียวกับ ปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคา เป็นหนึ่งในปราสาทหินขอมของไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ และถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ อ่านรายละเอียดได้ที่
ปัจจุบันทางขึ้นปราสาทหินพนมรุ้งไม่ต้องเดินขั้นก็ได้ครับ เพราะรถขึ้นไปจอดหลังปราสาทได้เลย แต่เพื่อให้ได้อรรถรส จึงเดินขึ้นทางด้านหน้า เลยบันไดขึ้นมาหน่อย
ทางขวามือเป็นหอเปลื้อง​ เพื่อเปลี่ยนเครื่องทรงและตั้งขบวน​ ผ่านทางเดินที่มีเสานางเรียงทั้งสองด้าน
ขึ้นสู่สะพานนาคราช แล้วรับพลังดวงอาทิตย์​ที่บัวแปดเหลี่ยม​ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง​ สำเร็จในหน้าที่การงานทุกอย่าง
ก่อนเข้าชมภายในประสาท ก็ถ่ายภาพกันก่อน
ชมภาพต่อกันอีกชุดหนึ่งครับ
ชมภายในปราสาทหินพนมรุ้งกันครับ ทั้งๆ ที่เคยมาปราสาทหินพนมรุ้งแล้ว ๒ ครั้ง แต่มาคราวใดก็ให้ชื่นชมในความสวยงามในการแกะสลักทุกครั้งไป ถ่ายรูปไว้เยอะมากครับ จะเขียนเรื่องที่อยากเขียนและแทรกภาพในปราสาทพนามรุ้งไปด้วยเพื่อเป้นการพักสายตานะครับ
เรื่องราวของทัพหลังนารายบรรทมสินธ์ซึ่งถูกคนเห็นแก่ได้ขโมยไป และจากการติดตามของรัฐบาลจึงได้รับคืนมา ทราบข่าวว่ากระทรวงวัฒนธรรมกำลังติดตามสิ่งสำคัญของชาติกลับคืนมาอีกหลายอย่าง
คงไม่พ้นกระทรวงศึกษาธิการหรอกครับที่ต้องให้ความรู้เรื่องราวและความสำคัญของโบราณวัตถุและโบราณสถานของไทย สร้างให้เด็กเกิดความรักและทนุถนอม รวมทั้งช่วยกันดูแลสิ่งสำคัญเหล่านี้ไว้
เลิกอนุญาตให้นักการเมืองเข้าไปพูดเรื่องการเมืองให้เด็กสักทีเถิดครับฝัง ไปปั่นหัวเด็กหรือปลูกฝังความรู้สึกที่ไม่ดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ไว้ให้เด็กมีสิทธิเลือกตั้งคือในระดับปริญญาตรีก็คงไม่สายหรอกครับ เพราะตอนนี้ย่อมมีวิจารณญาณพอสมควรก่อนเถิดครับ
สิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้ก็คือวิชาความรู้ในการแกะสลักศิลาแลง แม้ว่าในบุรีรัมย์มีศิลาแลงที่แกะสลักมากมายทั้งเก่าและใหม่และมีให้เห็นโดยทั่วไป แต่หากกระทรวงศึกษาธิการปล่อยให้สอนกันเองซึ่งเป็นการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ ไม่ได้จัดหลักสูตรโดยเฉพาะ วิชาเหล่านี้จะสูญหายไปในที่สุดครับ
ชมเสร็จแล้ว ตอนนี้สบายหน่อย เพราะรถคอยอยู่ด้านหนังไม่ต้องเดินลงครับ แล้วก็เดินทางปราสาทเมืองต่ำ
ปราสาทเมืองต่ำเป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาทมรรคโค เป็นศาสนสถานที่สร้างตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดู สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ มีลักษณะเป็นศาสนสถานประจำเมืองหรือประจำชุมชน
ปราสาทหินเมืองต่ำเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ศิลปะขอมโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ มีลักษณะเป็นกลุ่มปราสาทอิฐ ๕ องค์ ตั้งอยู่บนศิลาแลงอันเดียวกัน เรียงเป็น ๒ แถวตามแนวทิศเหนือใต้ แถวหน้า ๓ องค์
องค์กลางมีขนาดใหญ่กว่าปรางค์อื่น ส่วนแถวหลังมีปรางค์อิฐจำนวน ๒ องค์ วางตำแหน่งให้อยู่ระหว่างช่องของปรางค์ ๓ องค์ ในแถวแรก ทำให้สามารถมองเห็นปรางค์ทั้ง ๕ องค์ พร้อมกันโดยไม่มีองค์หนึ่งมาบดบัง
ถึงตอนนี้แหละครับเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนตั้งชื่อตอนว่า “โปรดให้คนพิการและผู้สูงอายุได้ชื่นชมด้วย” เพราะบันไดทางขึ้นลงนอกจากชันแล้ว​ ยังแคบอีกด้วย ดังนั้น หากคนพิการและผู้สูงอายุไปชมปราสาทเมืองต่ำ ก็ได้แต่ชื่นชมอยู่ข้างล่าง ไม่ได้ขึ้นไปชื่นชมอย่างใกล้ชิดหรอกครับ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานงานกับกรมศิลปากรและจังหวัด พิจารณาออกแบบสภาพแวดล้อมและสิ่งของที่คำนึงถึงการใช้งานครอบคลุมสำหรับทุกคนใช้งานได้อย่างสดวกและปลอดภัยหรือที่เรียกว่า “อารยสถาปัตย์” นั่นแหละครับ
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องคำนึงถึงรูปแบบที่ไม่ทำให้ทัศนียภาพของปราสาทเมืองต่ำเสียไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อจะได้ชื่นชมทั่วกัน เมืองไทยเราตอนนี้เป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบแล้วนะครับ
ภาพข้างล่างนี้คือบารายเมืองต่ำ​ บารายแปลว่าสระน้ำครับ สระนี้กว้าง​ ๕๑๐ เมตร​ ยาว​ ๑,๐๙๐ เมตร และ​ ลึก​ ๓​ เมตร​ ครับ สระน้ำนี้เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในบุรีรัมย์ขณะนี้
ตอนนี้คงพอเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ เพราะยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกหลายตอน ติดตามนะครับ
พุธทรัพย์ มณีศรี
โฆษณา