30 ธ.ค. 2019 เวลา 16:14 • ประวัติศาสตร์
ออกญาเสนาภิมุข ซามูไรแห่ง อยุธยา
ผู้เขียน พัชรเวช สุขทอง
เผยแพร่ วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2562
ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2430 จากที่สองประเทศลงนามใน “ปฏิญญาว่าด้วยทางพระราชไมตรีและการค้าขายระหว่างสยามและญี่ปุ่น” โดยในปีนี้ (2018) จะครบรอบ 130 ปี หากมองย้อนลึกลงไป จะเห็นว่าญี่ปุ่นเข้ามามีความสัมพันธ์ทางการค้าและการทูตตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ถึงกับมีหมู่บ้านญี่ปุ่น และทหารกรมอาสาญี่ปุ่นที่ช่วยอยุธยาทำการรบอยู่บ่อยครั้ง โดยมีนักรบซามูไรอย่าง ยามาดะ นางามาซะ ที่ภายหลังเป็นออกญาเสนาภิมุข เป็นผู้นำ
ยามาดะ นางามาสะ
ยามาดะ นางามาซะ เมื่อครั้งอดีตที่อยู่ญี่ปุ่น เคยมีอาชีพที่ต่ำต้อย ขนาดหามเสลี่ยงให้กับ “โอคุโบะ จิเอมอง”เจ้าแห่งแคว้น “ซุนชู” ยามาดะเดินทางออกจากญี่ปุ่นเพื่อที่จะแสวงโชคเอาข้างหน้า โดยเข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยาก่อนที่จะสมัครเข้าไปเป็นทหารอาสาในเวลาต่อมา
ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรรม ยามาดะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านญี่ปุ่น และยังเป็นพ่อค้าคนกลางกับชาวต่างชาติอีกด้วย เพราะว่าได้ประโยชน์ทางการค้าเป็นอย่างมาก หลังจากยามาดะรับราชการกับกรุงศรีอยุธยาแล้วมีความดีความชอบจนได้รับตำแหน่งถึง “ออกญาเสนาภิมุข” มีทหารในบังคับบัญชาประมาณ 800 คน และยังช่วยราชการปราบกบฎอยู่หลายครั้ง
1
การที่ยามาดะดำรงตำแหน่งสำคัญภายในราชสำนักอยุธยา จึงมีบทบาทสำคัญหลังจากที่พระเจ้าทรงธรรมเสด็จสวรรคต คือเกิดปัญหาเรื่องการสืบราชสมบัติ ยามาดะ นางามาซะ มีความเชื่อเรื่องการสืบสันตติวงศ์ตามระเบียบประเพณีจึงคิดว่า สมเด็จพระเชษฐาธิราช พระโอรสของพระเจ้าทรงธรรม เหมาะสมที่จะขึ้นครองราชย์สมบัติ จึงขัดกับความคิดของออกญากลาโหม ซึ่งต่อมาคือ “สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง” ซึ่งคิดที่จะก่อการกบฏ โดยคิดกลอุบายให้ยามาดะ ไปปราบกบฎที่นครศรีธรรมราช เพื่อที่จะสะดวกในการชิงบัลลังก์จากสมเด็จพระเชษฐาธิราช ในเวลาถัดมา
หลังจากเสร็จศึกที่เมืองนครศรีธรรมราช ยามาดะ ได้ยกทัพไปปราบกบฏที่เมืองปัตตานี และถูกอาวุธจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงกลับมารักษาตัวที่เมืองนครศรีธรรมราช และมีผู้คิดร้ายได้ลอบวางยาพิษ จนทำให้ ยามาดะ นางามาซะ ถึงแก่กรรมในที่สุด
โฆษณา