30 ธ.ค. 2019 เวลา 17:02 • ประวัติศาสตร์
"เกราะทหารม้าในกองทัพบริติช"
การสวมเกราะในกองทหารม้าบริติชนั้นมีมาอย่างยาวนาน อันจะเห็นได้ชัดจากสมัยสงครามกลางเมืองอังกฤษ (English Civil War) ที่ทหารม้าของทั้งฝ่ายราชวงศ์และฝ่ายรัฐสภาก็ต่างสวมเกราะและหมวกเหล็กกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะเกราะอก หรือที่รู้จักกันในนามเกราะคุยราสซ์ (Cuirass) แม้แต่ในสมัยยุคฟื้นฟูราชวงศ์ (The Restoration) ก็ยังมีการสวมเกราะดังเช่นในสมัยสงครามกลางเมืองอังกฤษอยู่
หากแต่การสวมเกราะคุยราสซ์ในกองทหารม้าบริติชนั้นถูกยกเลิกไปใน ค.ศ.1688 ช่วรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 (James II) ในระหว่างการปฎิวัติอันรุ่งโรจน์ (Glorious Revolution) กองทหารม้าบริติชทั้งหลายได้รับคำสั่งให้เลิกสวมเกราะคุยราสซ์ ดังเช่นกรมทหารม้าในเอิร์ลแห่งออกซฟอร์ด (Earl of Oxford's Regiment) (หรือกรมทหารม้า Royal Horse Guard ในปัจจุบัน) ได้รับคำสั่งให้ปลดเกราะของตนเองทิ้ง ในระหว่างการเคลื่อนทัพไปเผชิญหน้ากับกองทัพของวิลเลียมแห่งออเรนจ์ (William of Orange) เพราะความไม่สะดวกสบายเวลาใส่เกราะ หากแต่ในปี ค.ศ.1707 อันเป็นช่วงสงครามสืบราชบัลลังค์สเปน (War of the Spanish Succession) จอห์น เชอร์ชิล ,ดยุกที่ 1 แห่งมาร์ลโบโรห์ (John Churchill, 1st Duke of Marlborough) ได้ออกคำสั่งให้กองทหารม้านำเกราะคุยราสซ์กลับมาสวมอีกครั้ง หากแต่ต้องสวมใต้เสื้อโค้ทเท่านั้น โดยหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง ก็ไม่มีการสวมเกราะในกองทหารม้าบริติชอีกเป็นเวลานับสิบปี
จวบจน ค.ศ.1794 ระหว่างการทัพแฟลนเดอร์ (Flanders campaign) อันเป็นหนึ่งในการศึกครั้งสำคัญระหว่างสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่ง (War of the First Coalition) เจ้าชายเฟเดอริค, ดยุกแห่งยอร์กและออลบานี (Prince Frederick, Duke of York and Albany) ทรงรับสั่งให้ทหารม้าหลวงรักษาพระองค์ (Royal Horse Guard) นำเกราะคุยราสซ์กลับมาใส่อีกครั้ง หากแต่ไม่เป็นที่พอใจของเหล่าทหารม้า เนื่องด้วยเกราะนั้นได้สร้างความ "เพิ่มภาระมากกว่าเพิ่มการป้องกัน" เกราะจึงถูกส่งคืนกลับไปบริเตนทั้งหมดในเวลาอันสั้น และไม่ได้นำกลับมาใส่อีกเลยตลอดสงคราม.
ต่อมาใน ค.ศ.1814 ระหว่างสมัยอุปราช (Regency era) (ในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ที่เจ้าฟ้าชายจอร์จ ,เจ้าชายแห่งเวลส์ขึ้นเป็นอุปราช) เกราะคุยราสซ์ได้ถูกนำกลับมาใช้กรมทหารม้ารักษาพระองค์ (Life Guards) ในฐานะองค์ประกอบของเครื่องแบบสวนสนาม เมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ.1820 สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ได้ยกลำดับศักดิ์ของกรมทหารม้าหลวงรักษาพระองค์ (Royal Horse Guard) ขึ้นเสมอกับกรมทหารม้ารักษาพระองค์ที่ 1 , 2 (1st , 2nd Life Guards) ในฐานะกรมทหารม้ารักษาพระราชวัง (Household Cavalry) กรมทหารม้าหลวงรักษาพระองค์ก็จึงได้กลับมาสวมเกราะคุยราสซ์อีกครั้งเยี่ยงกรมทหารม้ารักษาพระองค์ทั้ง 2 โดยธรรมเนียมการสวมเกราะเช่นนี้ยังคงอยู่ในเหล่าทหารม้ารักษาพระราชวังมาจวบจนถึงทุกปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งเอกลักษณ์ที่แสนสง่างามและมากด้วยเรื่องราวของทหารม้าอันเลื่องชื่ออย่าง "ทหารม้ารักษาพระราชวัง"
บรรณานุกรม
Simkin, Richard. (1982). Richard Simkin's uniforms of the Britsh Army. The cavalry regiment. Exeter, United Kingdom: Webb & Bower
Tincey, John., Embleton, Gerry. (1994). Men-at-Arms Series : The British Army in 1660 - 1704. London, United Kingdom: Osprey
Fosten, Bryan. Men-at-Arms Series : Wellington's Heavy Cavalry: Osprey
Barthorp, Chale., McBride, Angus. (1980). Men-at-Arms Series : Marlborough's Army 1702 - 11. London, United Kingdom: Osprey
ภาพประกอบ
"ผู้พันอเล็กซานเดอร์ แมคคินเนส แห่งกรมทหารม้ารักษาพระองค์ที่ 2, ค.ศ.1821" (Captain Alexander McInnes, 2nd Life Guards, 1821) ,สีน้ำมันบนผืนผ้าใบ โดย แรมซี ริชชาร์ด ไรน์เนเกิล (Ramsay Richard Reinagle) เป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์กองทัพแห่งชาติ (National Army Museum)
ในภาพนี้แสดงให้เห็นถึงเครื่องแบบของทหารม้ารักษาพระองค์ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเกราะคุยราสซ์และหมวกเหล็กแบบใหม่ อันเป็นองค์ประกอบหลักๆที่เพิ่มขึ้นมาจากเครื่องแบบเดิมที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุด
โฆษณา