3 ม.ค. 2020 เวลา 02:40 • ไลฟ์สไตล์
จบมหาวิทยาลัย👩🎓ทำไมมาขับแท็กซี่?👮♀️part1
ถ่ายกับตึกเทวาลัย สัญลักษณ์ของคณะค่ะ
คำถามนี้ แก้วเคยตอบผ่านสื่อไปหลายครั้ง
บางสื่อสรุปประเด็นไปทาง...
ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน
สู้ชีวิต ไม่ยึดติดอีโก้
ซึ่งเป็นการตีความที่ไม่ผิด
แต่ มันไม่ใช่เหตุผลหลักค่ะ
เพราะสาเหตุที่แท้จริง คือ อาการป่วย
ป่วยจนทำงานประจำต่อไม่ได้ สภาพร่างกายและจิตใจไม่พร้อม จึงตัดสินใจลาออก เพื่อหยุดพัก ก่อนจะหางานใหม่ที่ทำไหว
แก้วไม่ได้ไปพบแพทย์ในช่วงแรก แต่สังเกตตัวเองมาระยะหนึ่ง จนต้องยอมรับว่า ตัวเองป่วย ต้องพัก ต้องได้รับการเยียวยาทั้งร่างกาย และจิตใจ โดยมีสัญญาณต่างๆ บอกเราเรื่อยมา
สัญญาณทางร่างกาย
1. น้ำหนักขึ้น 10 กิโลกรัม ในเวลา 3 ปี
สาเหตุเพราะ
-ไม่ออกกำลังกาย
อ้างว่า ทำงานเหนื่อยแล้ว พอมีเวลาพักก็เอาแต่นอน แก้วทำงานวันละ 16 ชั่วโมงในวันออกกอง ส่วนใหญ่ออกกองอาทิตย์ละ 3-4 วัน วันที่อยู่
ออฟฟิศก็ต้องประชุม เตรียมบทสำหรับถ่ายทำ และงานทำจดหมาย งานเลขาทั่วไป
วันถ่ายทำต้องถึงกองถ่าย 6.00น. เลิก 22.00น. บางวันเกินคิวเลิกเที่ยงคืน ยังไม่รวมเวลาตื่นคือ ตี4 ตี5 ขากลับนั่งรถตู้กลับออฟฟิศ แล้วขับรถกลับบ้านต่อ กลับมาถึงก็ดูแลแมวและกระต่าย กว่าจะนอนก็ตี1 สรุปได้นอนวันละไม่กี่ชั่วโมง
พอวันอาทิตย์ได้หยุด1วันก็ไม่อยากทำอะไร นอกจากนอน แค่ทำงานบ้านซักผ้าก็เหนื่อยพอแล้ว จะให้ออกกำลังกายอีกคือไม่ไหว
เคยนั่งรถตู้ไปถ่ายไกลสุด คือ ปราณบุรี เดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง แต่รู้สึกไกลเหลือเกิน
-กินจุบจิบ คืออีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้น้ำหนักพุ่ง เพราะตื่นเช้าจัดท้องหิวก็กิน ทำงานเครียดก็กิน นั่งหน้าคอมทำงานแล้วง่วงก็กิน ขับรถกลับบ้านกลัวหลับก็ต้องกิน เหนื่อยจัดๆ ก็อยากแต่ของหวาน น้ำอัดลม ชานมไข่มุก บิงซู ช็อกโกแลต จัดหนักจัดเต็ม! ไม่อ้วนยังไงไหว
คอนเฟิร์มด้วยภาพจาก IG คือมีแต่ของกิน
2. อาการตาลาย บ้านหมุน
คาดว่าเกิดจากการใช้สายตามาก และพักผ่อนน้อย แก้วเคยเดินๆ อยู่ในกองถ่ายแล้วเกิดบ้านหมุน คือ ภาพรอบตัวมันวนเป็นวงกลม จนเวียนหัว ยืนไม่อยู่ ต้องหาที่นั่ง แล้วจับยึดโต๊ะ หรือกอดเสาไว้ตลอดเวลา ไม่ให้เรารู้สึกว่าตัวโดนเหวี่ยงออกไปตามแรงหมุน ช่วงหลังๆ ก่อนลาออกเป็นถี่ขึ้นจนรู้ว่าร่างกายไม่ปกติ ขอบคุณข้อมูลอาการบ้านหมุนจากลิงค์ด้านล่างของโรงพยาบาลพญาไทค่ะ
3. อาการใจสั่น แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย
เป็นโรคเก่าที่กำเริบขึ้นมา จากการนอนไม่พอ และเครียดสะสม คือ โรคลิ้นหัวใจยาว Mitral Valve Prolapse (MVP) รายละเอียดของโรคสามารถอ่านในลิงค์ค่า ขอบคุณข้อมูลจากmthai นะคะ
แก้วได้โรคนี้มาตอนอายุ 25 ปี หลังเริ่มทำงานได้เพียง 5 ปี ยืนยันว่าไม่ได้เป็นโรคนี้แต่กำเนิด เพราะตั้งแต่เด็กจนโตมา ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ตีแบดได้ปกติ
แต่ที่ผิดสังเกต คือ ช่วงนั้นจู่ๆ น้ำหนักตัวก็ลดลงอย่างรวดเร็วใน 1 เดือน จากคนเอว 28 นิ้ว เหลือ 24 นิ้ว ผอมจนหน้าตอบ ตอนนั้นกลับชอบมากนึกว่าผอมเพราะทำงานหนัก ใช้แรงเยอะ เพราะช่วงนั้นทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับที่โรงละครสยามนิรมิต ดูแลฝ่ายการแสดงสัตว์ ต้องวิ่งตามแพะ ปีนขึ้นลงหลังช้าง ทดสอบการตีลังกาบนสลิง จึงไม่แปลกใจเลยที่ตัวเองจะผอม
แล้วอยู่ๆ วันหนึ่ง ตอนเดินลงบันไดที่ทำงาน ก็เกิดหน้ามืดแล้วกลิ้งตกบันไดลงมา โชคดีที่ขั้นไม่สูงจึงไม่เจ็บตัว แต่กลับขยับตัวไม่ได้ เพราะมือเท้าแขนขาชาไปหมด ไม่มีแรง มีเพียงเสียงเรียกคนมาช่วยได้ จากนั้นจึงถูกหามส่งโรงพยาบาลทันที
แอดมิท 2 วันแรกคุณหมอกุมขมับ เพราะพยายามตรวจหาสาเหตุที่ทำให้แก้วหน้ามืด และมือเท้าชา แต่ยังไม่พบความผิดปกติอะไร สิ่งที่คุณหมอกลัวที่สุด คือ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ที่อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันได้ในบางครั้ง แต่พอได้ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)แล้ว จังหวะหัวใจก็เต้นสม่ำเสมอปกติ
ในวันที่ 3 คุณหมอตัดสินใจตรวจหัวใจอีกครั้งด้วยวิธีอัลตร้าซาวนด์ หรือ เอคโค่ ทำให้มองเห็นภาพการทำงานของหัวใจชัดเจน และเห็นความผิดปกติที่ลิ้นหัวใจ (ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก medthai ค่ะ)
สรุปผลการตรวจ คือ ลิ้นหัวใจยาวออกมาซ้อนกัน ทำให้ลิ้นปิดได้ไม่สนิท เกิดรอยรั่ว คือเวลาเลือดสูบฉีด คนปกติเลือดจะเดินทางผ่านลิ้นหัวใจไปยังห้องหัวใจอีกห้อง และหลอดเลือดต่างๆได้ 100% แต่ของแก้วมีรอยรั่วเล็กน้อยตรงที่ลิ้นเกยกัน เลือดจะไหลย้อนกลับประมาณ 20% ทำให้เลือดสูบฉีดไม่เต็มที่ ผลคือหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ส่วนที่หน้ามืดไป และมือเท้าชา ก็เพราะจังหวะนั้นเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอนั่นเอง
1
ส่วนสาเหตุ คุณหมอสันนิษฐานว่า เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ออกกำลังกาย และความเครียด แต่ไม่ค่อยพบในวัย25ปีอย่างเรา บางคนเป็นแต่กำเนิด หรือ พบมากในวัยกลางคน และผู้สูงวัย
นี่คือผลของคนทำงานไม่หลับไม่นอน แก้วสรุปได้เองแบบนั้น ทำงานได้แค่ 5 ปีร่างกายพังได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ คุณหมอเปรียบเทียบให้ฟังว่า
ลิ้นหัวใจของเราก็เหมือนบานประตูที่ต้องเปิดปิดทุกวัน วันละ24 ชม. แต่เวลาที่ประตูควรจะได้ทำงานช้าๆบ้าง คือ ตอนกลางคืน เรากลับฝืนใช้งาน รัวๆ ประตูมันจึงหย่อนคล้อย พังเร็วกว่าอายุจริง
อยากแก้ไขก็ต้องผ่าตัด ซ่อมบานประตูให้ลงล็อคพอดีเหมือนเดิม แต่กรณีนี้ยังรั่วน้อย สามารถใช้ชีวิตปกติได้ แต่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณหมอสั่งงดกิจกรรมหลายอย่าง เช่น
-ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ (อันนี้รอด เพราะไม่ใช่แนว)
-ห้ามดื่มชา กาแฟ ห้ามกินดาร์กช็อคโกแลต เพราะมีคาเฟอีนที่กระตุ้นหัวใจ (อันนี้เดือดร้อนเพราะมีของโปรด)
-ห้ามออกกำลังกายแบบสปีดอัพ ให้ออกแบบแอโรบิค คือ พวกกีฬาที่ต้องเร่งความเร็วแบบทันทีจะทำให้หัวใจทำงานหนักแบบกะทันหันเกินไป เช่น วิ่งแข่งระยะสั้น บาสเก็ตบอล หรือแบดมินตัน ที่ต้องวิ่งโยกไปมา แต่ถ้าเป็นกีฬาที่ค่อยๆเพิ่มความเร็วทีละน้อยให้ทำได้ เช่น ว่ายน้ำ วิ่งจ้อกกิ้ง เต้นแอโรบิค ขี่จักรยาน
1
ก็ดูจะเป็นการปรับตัวที่ไม่ยากอะไรนะคะ แต่ในชีวิตจริงก็มีอุปสรรคบ้าง เช่น วิ่งตามรถเมล์ไม่ได้ เคยทำแล้วเหนื่อยแทบตาย หรือ เดินขึ้นบันได 4 ชั้น ก็นั่งหอบไปครึ่งชม. ทำงานกลางแจ้งร้อนๆ ก็เหมือนจะเป็นลม ต้องพกน้ำไว้จิบตลอดเวลา ห้ามให้ร่างกายเสียเหงื่อเยอะเกินไป
แต่สิ่งที่คุณหมอห้าม แล้วทำยากที่สุด คือ ห้ามอดนอน และห้ามเครียด เพราะส่งผลร้ายต่อหัวใจโดยตรง ในสายงานเดิมนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะนอนตรงเวลาและไม่เครียด แก้วจึงตัดสินใจลาออกจากงานที่โรงละคร มารับงานแนวนั่งออฟฟิศ และ เป็นผู้จัดการโรงแรมอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้สุขภาพฟื้นฟูได้ไว แต่สุดท้ายหัวใจและโชคชะตาก็นำพากลับมาสู่วงจรของงานละครอีกครั้ง และทำให้โรคประจำตัวนี้สำแดงฤทธิ์ขึ้นมาอีกจนได้
โพสนี้สรุปสัญญาณเตือนทางร่างกาย ที่ส่งผลให้แก้วทำงานหนักไม่ได้อีกต่อไป ส่วนโพสหน้าจะมาเล่าต่อถึงอาการทางด้านจิตใจ ที่ดูจะร้ายแรงยิ่งกว่า ถึงเนื้อหาจะดูเครียดไปหน่อย แต่แก้วตั้งใจจะใช้พื้นที่ตรงนี้ เพื่อเตือนใจ ให้คิดถึงสุขภาพของตัวเองกันให้มากๆ นะคะ เพราะร่างกายเราเป็นต้นทุนในการใช้ชีวิต พังไปก็ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน จึงขอให้ถนอมเค้าไว้ให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ
ปิดท้ายด้วยภาพสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ผลงานของคุณตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร ที่แก้วชอบมาก ซื้อมาเก็บไว้เตือนใจค่ะ
1
ใช้ชีวิต ตอนที่ยังมีชีวิต ให้คุ้มค่ากันนะคะ
โฆษณา