4 ม.ค. 2020 เวลา 02:40 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา Nescafé ธุรกิจที่สำคัญสุดของ Nestlé
4
Nestlé บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แต่รู้หรือไม่ว่า รายได้หลักของบริษัท Nestlé นั้นไม่ได้มาจาก น้ำดื่ม หรือ อาหาร
ความจริงแล้ว รายได้หลักของบริษัทนี้ มาจากหมวดกาแฟ
โดยคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 19% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2018
และหนึ่งในแบรนด์กาแฟที่ทุกคนคงจะคุ้นเคยมากที่สุดของ Nestlé ก็คงเป็น Nescafé กาแฟผงสำเร็จรูป ที่ครองใจคนทั่วโลกมานานกว่า 80 ปี
แล้วเรื่องราวของแบรนด์มูลค่านับแสนล้านนี้เป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
หากพูดถึงการชงกาแฟในสมัยก่อน แน่นอนว่า คงไม่ได้ชงกันง่ายๆ เหมือนสมัยนี้ เพราะหากย้อนไปเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน วิธีการชงกาแฟก็คือการสกัดด้วยน้ำร้อนแล้วกรองเมล็ดกาแฟออก เพื่อให้ได้น้ำกาแฟมาอยู่ในถ้วย ซึ่งก็ต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน และใช้เวลาพอสมควร
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการปฏิวัติรูปแบบการดื่มกาแฟขึ้น
เมื่อโลกได้รู้จักกับ กาแฟผงสำเร็จรูป..
Nescafé เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1938
3
ถึงแม้ Nescafé จะไม่ใช่เจ้าแรกที่คิดค้นกรรมวิธีนี้ขึ้น แต่ก็ถือเป็นแบรนด์ที่สามารถทำออกมาได้รสชาติดีที่สุดในเวลานั้น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ซึ่งสามารถกักเก็บทั้งกลิ่นและรสชาติเดิมของกาแฟได้มากกว่ายี่ห้ออื่น
1
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วกาแฟคั่วบดทั่วไป หรือ Ground Coffee กับ กาแฟผงสำเร็จรูป แบบ Nescafé นั้นต่างกันอย่างไร?
คำตอบคือ กาแฟคั่วบดก็คือ เมล็ดกาแฟสดที่ถูกนำไปคั่วและบดมาแล้ว เพื่อนำไปสกัดต่อไป ส่วนกาแฟผงสำเร็จรูปอย่าง Nescafé นั้น สามารถละลายในน้ำร้อนแล้วดื่มได้เลยโดยไม่ต้องกรองเมล็ดกาแฟออก
ทั้งนี้เป็นเพราะ Nescafé นั้นทำมาจากกาแฟคั่วบดที่ผ่านการสกัดแบบเข้มข้นมาแล้ว และถูกนำไปทำให้แห้งจนกลายเป็นผงนั่นเอง
1
หลังจากที่เปิดตัวไปได้ไม่นาน Nescafé ก็ค่อยๆ กลายเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Nescafé ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก จนสามารถกลายเป็นแบรนด์กาแฟผงสำเร็จรูปยอดนิยมทั่วโลกติดต่อกันมาหลายปีซ้อน และถือเป็นเครื่องมือทำเงินให้กับ Nestlé ตั้งแต่นั้นมา
1
Cr. NESCAFÉ
แล้วนอกจาก Nescafé แล้ว Nestlé ยังมีผลิตภัณฑ์อะไรในหมวดกาแฟอีก?
เครื่องมือทำเงินอันที่สอง ก็คือ Nespresso หรือเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลนั่นเอง..
โดย Nespresso นั้นได้เปิดตัวมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1986 แล้ว ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เข้ามาปฏิวัติการดื่มกาแฟอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถชงกาแฟผ่านแคปซูลเล็กๆ ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น และลดขั้นตอนการทำกาแฟแบบทั่วไปให้น้อยลง
3
วิธีการก็คือการนำแคปซูลที่ข้างในบรรจุกาแฟคั่วบด มาผ่านเครื่องทำกาแฟ Nespresso โดยวิธีการนี้จะคงรสชาติของกาแฟไว้ได้ดีกว่า การทำให้เป็นผงในแบบสำเร็จรูป
1
Cr. Nespresso
และรายได้ในหมวดกาแฟรายการสุดท้ายของ Nestlé ก็คือ การถือสิทธิ์เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟ Starbucks นอกเหนือจากที่ร้าน Starbucks ทั้งหมด ซึ่งมูลค่าในการลงทุนในความร่วมมือครั้งนี้ก็สูงถึง 2 แสนล้านบาทเลยทีเดียว
แล้วรายได้ของ Nestlé เป็นอย่างไร
ปี 2017 รายได้ 2.7 ล้านล้านบาท กำไร 0.22 ล้านล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 2.8 ล้านล้านบาท กำไร 0.31 ล้านล้านบาท
1
อย่างไรก็ตามปัจจุบันเราอาจสังเกตได้ว่า พฤติกรรมการดื่มกาแฟกำลังเปลี่ยนแปลงไป จากที่ทุกออฟฟิศ ทุกบ้าน ต้องมีกาแฟผงสำเร็จรูปเก็บไว้ ตอนนี้พฤติกรรมคนอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่หันไปซื้อกาแฟสดตามร้านมากขึ้น และยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อแลกกับรสชาติและบรรยากาศ และนี่ก็อาจเป็นความท้าทายที่ Nescafé ต้องเจอ
3
ซึ่งก็น่าติดตามว่า Nestlé จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร และยังสามารถรักษาฐานลูกค้ากาแฟผงสำเร็จรูปได้ต่อไปหรือไม่..
1
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ จุดเริ่มต้นของ Nescafé นั้นมาจาก การที่ประเทศบราซิลนั้นมีเมล็ดกาแฟคงเหลือในสต็อกเป็นจำนวนมาก และหากไม่สามารถนำไปขายได้ เมล็ดกาแฟเหล่านั้นก็จะถูกทำลายทิ้ง
9
ทางรัฐบาลบราซิลจึงได้ตัดสินใจร่วมมือกับทาง Nestlé ผู้ที่มีชื่อทางด้านการผลิตนมผงในเวลานั้นเพื่อผลิต Nescafé ขึ้นมานั่นเอง..
2
โฆษณา