#มิติใหม่ของการทำงานกลุ่มแบบGoogleVenture
◼ไปคนเดียวไปได้ไวจริงหรอ
หลายคนคงเจอปัญหาคล้ายๆ กัน ที่เวลาต้องนั่งคิดงานหรือหาไอเดียใหม่ๆ คนเดียว มักคิดไม่ออก หรือคิดออกก็ได้แต่ไอเดียเดิมๆ ที่ไปได้ไม่ไกลมากนัก อย่างมากก็เปิด Google หรือ search ข้อมูลตามที่ต่างๆ เพื่อมาเปิดโลกให้มากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า หลายครั้งมันก็ใช้เวลามากกว่าจะได้มาสักไอเดียนึง แล้วกว่าจะมานั่งตกผลึกอีกล่ะ
◼ทำงานกลุ่มแบบ Google Venture
ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงทำงาน พวกเราทุกคนต้องคุ้นเคยกับการทำงานกลุ่มอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาก็เจอปัญหาไม่น้อยกับการทำงานร่วมกับคนอื่น บ้างก็บอกว่า มากคนมากความ หรือคุยตั้งนานหาข้อสรุปไม่ได้ซักที จนวันที่บริษัทผมเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Agile Organization แน่นอนการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือ Sprint: How to solve big problems and test new ideas in just five days โดย Jake Knapp ซึ่งเขียนถึงเครื่องมือหนึ่งในการทำงานเป็นทีมของ Google Venture ที่เรียกว่า Sprint แค่อ่านชื่อ ก็ว้าวแล้ว หาไอเดียแก้ปัญหาได้ภายใน 5 วันเนี่ยนะ ทำยังไง (วะ)
◼Sprint ทำไม อะไร ยังไง
Sprint ของ Google Venture เป็นเครื่องมือที่ไว้ใช้ในการแก้ปัญหาใหญ่ๆ ปัญหาที่ยากๆ หรือเอามาใช้ออกแบบเวลาที่ต้องการไอเดียใหม่ๆ เจ๋งๆ
โดยมีหลักการคือ
1. มีสมาชิกในแต่ละ Sprint ไม่เกิน 7 คน
2. สมาชิกต้องมี 2 กลุ่มคือ คนที่เป็น Expert ด้านต่างๆ 5 คน และคนที่มีความคิดแตกต่างอีก 2 คน เพื่อให้ได้ไอเดียที่หลากหลาย
3. สุมหัวกันอยู่ใน Sprint คุยแต่เรื่อง Project นี้เท่านั้น
เพื่อหาไอเดียใหม่ ให้ได้ภายในเวลา 5 วัน!
Day 1: กำหนดเป้าหมายของ Sprint นี้ ทำความเข้าใจปัญหารวมถึงลูกค้าหรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสิ่งนี้ให้มากที่สุด และตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้ได้คำตอบ ตามเป้าหมายที่ต้องการ
Day 2: แต่ละคนใน Sprint เริ่มร่างไอเดียของตัวเองออกมา โดยต้องเป็นไอเดียที่ตอบคำถามที่วางไว้ด้วย แล้วตอนเย็นมาเล่าไอเดียตัวเองให้เพื่อนฟัง
Day 3: คุยกันเพื่อเปรียบเทียบ จัดลำดับและหาข้อสรุป สุดท้าย Vote เลือก 1 ไอเดีย เพื่อมาต่อยอดเป็น Prototype
Day 4: ร่วมกันสร้างต้นแบบจากไอเดียให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
Day 5: ช่วยกันหา Feedback เพื่อพัฒนาไอเดียนั้น จนได้ไอเดียที่ดีที่สุดภายในเวลา 5 วัน!
◼จากกูเกิ้ลสู่ (บริษัท)กูเอง
อย่างที่บอก บริษัทผมกำลัง Transform ครั้งใหญ่ ผมจึงได้มีโอกาสนำเครื่องมือนี้มาใช้เหมือนกัน โดยใช้ชื่อว่า Design Sprint ซึ่งแบ่งออกเป็นหลาย Sprint มาก จริงๆ แล้วคำว่า Sprint มีความหมายหลากหลายขึ้นอยู่กับบริบท แต่สำหรับบริษัทผม เราหมายถึง เครื่องมือที่เราเอามาใช้กับโปรเจคต์ที่ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร ต้องการคนช่วยกันคิดและลงมือทำเยอะๆ เพราะเราเชื่อว่า ความต่างจะทำให้เกิดการร่วมกันคิดและนำสู่ไอเดียใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์มากขึ้นได้ และที่สำคัญต้องเป็นการคิดภายใต้ขอบเขตของเวลาที่จำกัดด้วย
ติดตามกันต่อในตอนหน้านะครับ ผมจะมาเล่าให้ฟัง ว่า Design Sprint ของบริษัทผม ทำอะไร ยังไง และผลเป็นอย่างไรบ้าง
#TheSomersault
#TheSomersaulThink
#Teamwork
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
