4 ม.ค. 2020 เวลา 08:31 • สุขภาพ
ไม่ใช่จะซื้ออะไรก็ได้ ของที่ดูเหมือนกัน อาจไม่ได้มีคุณค่าเท่ากัน
เดี๋ยวนี้เวลาเดินซื้อของในห้าง จะใช้เวลานานกว่าเมื่อ 5 ปีก่อนเป็นเท่าตัว
เพราะพอคนเริ่มรู้ว่า สุขภาพที่แย่ มาจากการพฤติกรรมการกินอาหาร ก็มีสินค้าเพื่อส่งเสริมสุขภาพใหม่ๆ ออกมาวางขายมากมาย
ของอย่างเดียวกัน ก็มีหลายแบรนด์ หลายราคามาให้เลือกซื้อ
อย่างเช่น นมตระกูลถั่วต่างๆ ทั้ง อัลมอน
วอลนัท หรือพิชตาชิโอ้
ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนแพ้นมวัว คนที่ทานเจ และคนที่อยากบำรุงสุขภาพด้วยวิตามินจากพืช
ใครๆก็อยากได้ของดีราคาถูก แต่เวลาที่เราคิดว่าซื้อของดีเท่ากันในราคาที่ถูกกว่า อันที่จริง หากมองให้ลึก จะพบว่ากำลังซื้อของคุณภาพด้อยกว่าด้วยเงินจำนวนที่มากกว่าก็ได้
อย่างเช่น นมพิชตาชิโอ้ 2 ยี่ห้อนี้
นมถั่วพิชตาชิโอ้ ยึ่ห้อแรก
ยี่ห้อแรก มีเครื่องหมาย “เครื่องดื่ม ทางเลือกสุขภาพ” แพ็ค 3 กล่อง กล่องละ 180 มล ราคาขาย 59 บาท
นมถั่วพิชตาชิโอ้ ยี่ห้อที่สอง
ยี่ห้อที่สอง ไม่มีเครื่องหมายเครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ แพ็ค 3 กล่อง กล่องละ 180 มล ราคาขาย 86 บาท ซึ่งราคาสูงกว่ายี่ห้อแรก 30%
ทำไมนมพิชตาชิโอ้ยี่ห้อที่สอง ขายราคาปลีกแพงกว่าตั้ง 30% เครื่องหมายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็ไม่มี
และการตั้งราคาที่แพงกว่านี้ อาจทำให้เสียยอดขายให้คู่แข่งที่ขายถูกกว่ามากก็ได้
แต่หากเช็คดูให้ลึกลงไปที่ข้อมูลโภชนาการ จะพบว่า
นมถั่วพิชตาชิโอ้ยี่ห้อแรก
ในหนึ่งกล่องมี
ไขมัน 3%
โปรตีน 1 กรัม ไม่มี % บอก
คาร์โบไฮเดรต 2%
ใยอาหาร 24%
โซเดียม 4%
แคลเซียม 25%
วิตามินอี 50%
ยี่ห้อแรก
นมถั่วพิชตาชิโอ้ยี่ห้อที่สอง
ในหนึ่งกล่องมี
ไขมัน 8%
โปรตีน 2 กรัม ไม่มี % บอก
คาร์โบไฮเดรต 1%
น้ำตาล 1%
โซเดียม 1%
แต่ที่น่าสนใจ คือ มีวิตามินและเกลือแร่เยอะกว่ามาก
วิตามินเอ 30%
วิตามิน บี 2 35%
ธาตุเหล็ก 2%
แมกนีเซียม 6%
กรดโฟลิค 70%
วิตามินบี 1 45%
แคลเซี่ยม 20%
วิตามิน บี 3 35%
วิตามิน บี 6 40%
ฟอสฟอรัส 25%
ยี่ห้อที่สอง
ซึ่ง % ที่บอกในข้อมูลโภชนาการข้างกล่องนี้ คำนวณสัดส่วนจากปริมาณสารอาหารที่ควรบริโภคต่อวัน (Thai RDI) ของคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป
หมายความว่า เช่น ถ้าดื่มยีห้อแรก 1 กล่องจะได้วิตามินอี 50% ของปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน ขณะนี้นมยี่ห้อที่ 2 ไม่มีวิตามินอีเลย แต่จะได้วิตามินเเละแร่ธาตุอย่างอื่นๆที่เเจ้งไว้เเทน
แต่เดี๋ยวก่อน เครื่องดื่มประเภทเดียวกัน ผลิตจากวัตถุดิบหลักเดียวกัน ทำไม ยี่ห้อหนึ่งมีวิตามินมินอี แต่อีกยี่ห้อไม่มีเลย
หากเช็คดูให้ลึกลงไปอีก ถึงส่วนประกอบของนมทั้งสองยี่ห้อ ก็จะเข้าใจได้
นมถั่วพิชตาชิโอ้ยี่ห้อแรกนั้น ประกอบด้วย น้ำนมจากถั่วพิชตาชิโอ้ ปริมาณ 95.8% (ซึ่งเป็นทั้งถั่วและน้ำผสมกัน ไม่มีข้อมูลบอกแน่ชัดว่า ถั่วเท่าใด น้ำเท่าใด) และมีการเติมใยอาหาร 3.3% เติมแคลเซียม 0.3% เติมวิตามินอี 0.005% เกลือ 0.1% และวัตถุเจือปนอาหารอื่นๆ อีก
นมพิตาชิโอ้ยี่ห้อที่สอง ประกอบด้วย นมจากถั่วพิตาชิโอ้สดล้วนๆ 60% เมล็ดมะม่วงหิมพานต์บดละเอียด 34% เมล็ดทานตะวัน 5% น้ำหวานดอกมะพร้าวออแกนิคธรรมชาติ 1% ไม่มีการเติมสารสกัดเข้มข้นอื่นๆ ไม่เติมสารกันเสีย
ยี่ห้อที่สอง
หมายความว่า นมถั่วพิชตาชิโอ้ยี่ห้อแรกนั้น มีแคลเซียม วิตามินอี และไฟเบอร์ เพราะมีการเติมวิตามินสังเคราะห์เข้าไป ไม่ใช่วิตามินธรรมชาติ
ซึ่งอาจคาดเดาได้อีกว่า ถั่วพิชตาชิโอ้ที่นมยี่ห้อนี้ใช้นั้น อาจจะมีราคาถูกกว่ายี่ห้อที่สองมาก เพราะคุณภาพต่ำ แทบไม่มีวิตามินใดๆอยู่เลย จึงมีการเติมวิตามินสังเคราะห์และไฟเบอร์สังเคราะห์เข้าไป เพื่อให้มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้น เพราะผลิตมาเพื่อเป็นเครื่องดื่มส่งเสริมสุขภาพ
หากเราคิดว่า การเติมวิตามินสังเคราะห์ก็ไม่เห็นเป็นไร ก็รับประทานได้เหมือนกัน
แต่อย่าลืมว่า หากเราซื้อวิตามินสังเคราะห์มาทานแยกต่างหาก ด้วยเงินจำนวนที่เท่ากัน จะได้วิตามินสังเคราะห์ในปริมาณที่เยอะกว่ามาก
ยังไม่รวมความจริงที่ว่า วิตามินสังเคราะห์นั้น ไม่ได้ดีต่อสุขภาพมากเท่ากับวิตามินที่มาจากธรรมชาติ
และยังไม่รวมสารกันบูดที่มาในรูปวัตถุเจือปนอาหารสังเคราะห์ที่เราจะได้เป็นของแถม ของพวกนี้ถูกใช้เพื่อยืดอายุอาหาร ลดต้นทุนการผลิต แต่จะกลายเป็นภาระของตับและไตในการขับออกจากร่างกายของผู้บริโภค
เมื่อพิจารณาอย่างนี้แล้ว สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการ ก็จะเลือกซื้อนมพิชตาชิโอ้ยี่ห้อที่สอง แม้ราคาจะแพงกว่า ถึง 30% แต่คุณค่าที่ได้คุ้มค่ากว่ามาก
แต่เดี๋ยวก่อน แล้วทำไมนมยี่ห้อแรก ได้รับ สัญญลักษณ์ “เครื่องดื่ม ทางเลือกสุขภาพ” ทั้งที่คุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่า?
เหตุผลก็คือ สัญญลักษณ์ “เครื่องดื่ม ทางเลือกสุขภาพ” นั้น ออกโดย คณะกรรมการอาหารแห่งชาติ และมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้บริโภค ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีปริมาณ “โซเดียม น้ำตาล และไขมันต่ำ” เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะโภชนาการเกินและโรคที่เกี่ยวข้อง
หมายความว่าผลิตภัณฑ์ที่มี โซเดียม น้ำตาล และไขมันต่ำ ตามที่กำหนด ก็เข้าข่ายได้รับเครื่องหมายนี้เเล้ว
แต่ไม่ได้หมายความว่า จะมีคุณค่าสารอาหารอื่นๆที่เป็นประโยชน์
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น น้ำอัดลมซีโร่ซูการ์บางยี่ห้อ(น้ำตาล 0 เปอร์เซ็น แต่ใช้สารสังเคราะห์ชนิดที่ให้ความหวานแทน) ก็ได้รับเครื่องหมายนี้
นี่ก็คือสาเหตุ ที่ทำให้การเดินช๊อปปิ้งในห้างทุกวันนี้ สำหรับใครหลายคน ต้องใช้เวลานานยิ่งขึ้น
เพราะบางครั้ง หากเรามองอะไรแค่ผิวเผิน อาจไม่ได้รับสิ่งที่ดีมากอย่างที่หวัง
ช่วงเวลาที่อยากจะบำรุงสุขภาพให้ดี ท้ายที่สุดกลับไม่ได้ผลดีมากอย่างที่ตั้งใจ
โพสนี้ไม่ได้มีเจตนาโจมตีสินค้ายี่ห้อใด
แต่อยากเปรียบเทียบให้เห็นความสำคัญของการมองคุณค่าในเชิงลึก มากกว่าการมองเพียงผิวเผิน สินค้าใดที่ผลิตเพื่อสุขภาพที่ดีต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง BBG ก็ยินดีสนับสนุนทุกยี่ห้อ
เรื่อง : BBG
ด้วยความห่วงใย
โฆษณา