8 ม.ค. 2020 เวลา 11:58 • บันเทิง
กระบี่ไร้เทียมทาน ภาค 2...ตอนที่ 36
วันนี้มาช้าหน่อย โทษทีครับ
ผลจากการที่เซียนแพทย์ใช้วิชา ปลุกร่างที่ใกล้ตายให้ฟื้นขึ้นมาได้...อีกสองเซียนยอมรับอย่างเต็มอกเต็มใจ ว่าคราวนี้เซียนแพทย์คือสุดยอดของสามเซียน...
“แต่ข้าไม่ขอรับตำแหน่งนี้หรอก”...อ้าว เซียนแพทย์ปกติขี้โอ่กว่านี้เยอะ ทำไมคราวนี้ไม่รับวะ...
“ก็อย่างที่ท่านเห็น ถึงจะฟื้นขึ้นมาเคลื่อนไหวได้...แต่อย่างมากก็ไปแสดงซีรี่ย์วอล์คกิ้งเด๊ด เพราะมันไม่มีสติเลย ไม่รับรู้ร้อนหนาว มีแต่จะเข้าทำร้ายคนอย่างเดียว...แล้วก็เป็นการเข้าทำร้ายคนแบบไม่ห่วงตัวเองซะด้วย ตายเป็นตาย”...
“ฟื้นขึ้นมาแบบนี้ ไม่นับว่าเป็นผู้คน...แล้วข้าจะบอกว่าประสบความสำเร็จได้ยังไง”...
“แล้วจะทำยังไงกับคนในโลงนี้ ถ้าถอนเข็มออกเมื่อไหร่เดี๋ยวออกมาเพ่นพ่านกัดคนไปทั่ว”...
“คงต้องฆ่าทิ้ง”...เป็นคำตอบของเซียนแพทย์...
แล้วไม่นาน เจ็งไต้ซิงแซกับฉื่อเท้งฮงก็มาถึงที่ประลองของสามเซียน...กดออดหน้าบ้านก็ไม่มีใครออกมา หมาซักตัวก็ไม่เห่า...เลยตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปเอง...
กลิ่นยา กลิ่นเหล้าคือสิ่งแรกๆที่ได้สัมผัส...กลิ่นต่อไปคือ...กลิ่นคาวเลือด...สองศิษย์อาจารย์รีบเข้าห้องไปดู...
ร่างเซียนพิษกับเซียนยานอนจมกองเลือด...ตายสนิท แต่ไม่พบร่างเซียนแพทย์...
“หรือพวกนี้ฆ่ากันตายเอง”...เท้งฮงถาม
“เป็นไปไม่ได้ พวกนี้สนิทสนมกันมาหลายสิบปี ประลองจนรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง...นี่ต้องเป็นฝีมือคนนอกแน่ๆ”...เจ็งไต้สันนิษฐาน
“อาจารย์มาดูนี่”...เท้งฮงส่งเสียงเรียก
เจ็งไต้ตามเข้าไปดู พบร่างชายคนนึงนอนอยู่ในโลง หว่างคิ้วปักไว้ด้วยเข็ม...”นี่ไม่ใช่เซียนแพทย์...ใครก็ไม่รู้”...
เท้งฮงเอื้อมมือไปถอนเข็มที่หว่างคิ้วออก ทันใดนั้น ชายในโลงก็เด้งขึ้นมางับมือเท้งฮงทันที...
เท้งฮงพลิกแพลง คว้าจับข้อมือของชายลึกลับไว้ได้...ก็พบว่าชายคนนี้ไม่มีวิทยายุทธติดตัวเลย...และตามธรรมดา ใครก็ตามถ้าถูกคว้าชีพจรที่ข้อมือไว้ ร่างกายจะต้องชาด้านมีแต่ต้องยอมแพ้...เพราะถ้าอีกฝ่ายบีบชีพจรนิดเดียว ก็ตายทันที...
แต่ชายไร้วิทยายุทธคนนี้ กลับเหมือนไม่มีความรู้สึก แล้วก็ไม่ห่วงชีวิตตัวเองด้วย...ส่งเสียงฟืดฟาดในคอ แล้วก็ไล่กัดเท้งฮงเป็นการใหญ่...
เจ็งไต้ต้องเข้ามาช่วยลูกศิษย์...ตบป้าบไปที่บ้องหู ชายลึกลับสะท้านแล้วหยุดทันที...เจ็งไต้เอามือทาบกระหม่อม ส่งกำลังภายในเข้าไป...
ชายลึกลับเริ่มมีแววตามนุษย์ขึ้นมาบ้าง พึมพำด้วยความหวาดกลัว...”ผู้หญิง ผู้หญิง”
“สวยป่าว เซ็กซี่มั้ย”...เจ็งไต้ถามปากคอสั่น
“สวย เอ็กซ์ เซ็ก อึ๋ม”...แววตาชายคนนั้นเลื่อนลอย...”คนสวยชุดสีชมพู”...เอ่ยคำสุดท้ายแล้วก็ขาดใจตาย...คราวนี้ตายสนิทติดทนนาน
...ผลจากการมาเยี่ยมเพื่อนเก่าของเจ็งไต้ซิงแซ...แทนที่จะได้นั่งคุยกันให้ปากแฉะ กลับเจอเรื่องราวที่ไม่คาดฝัน และเมื่อปรึกษากับฉื่อเท้งฮงแล้ว มีความเห็นตรงกันว่า...การประลองกระบี่ที่ตระกูลน่ำเก็งเป็นเจ้าภาพปีนี้ น่าจะชุมนุมจอมยุทธอยู่ไม่น้อย และอาจจะมีคนคลี่คลายปริศนานี้ได้
...ก็เลยต้องซื้อโลงสามใบ ใส่ศพทั้งสามติดตามไปยังหาดร้อยบุปผา สถานที่ประลองกระบี่ในปีนี้ด้วย...
...แต่ใครจะรู้ว่า การวิจารณ์กระบี่ในปีนี้ กลับมีเรื่องราวลึกลับซับซ้อนและปั่นป่วนยุทธจักรอย่างคิดไม่ถึง...
...ถ้าเป็นเราๆท่านๆ อยู่บ้านดีๆมีแขกมาหา พร้อมแบกโลงมาด้วยสามใบ...คงต้องมีเอะอะกันหน่อยล่ะ แต่ที่บ้านน่ำเก็งกลับให้การต้อนรับอย่างง่ายดาย...
”ตายแหงแก๋”...คือคำแรกที่สะใภ้เกียงบอก เมื่อเห็นศพในโลงทั้งสาม
“ไม่หือไม่อือ ไม่หายใจ”...สะใภ้อื่นเสริม...
“ถูกฆ่าตาย”...แม่ใหญ่เอามั่ง
“พอแล้วจ้า พอแล้ว...กูรู้แล้วว่าไอ้พวกนี้ถูกฆ่า ตายแล้วไม่หายใจแล้ว...แล้วมึงบอกไม่ได้เหรอ ว่าฝีมือใคร”...เจ็งไต้ถามอย่างมีอารมณ์...
ทุกคนส่ายหน้า...แม่ใหญ่ก็เสนอ...”อาจจะมีคนที่รู้เรื่องให้คำตอบได้”...แล้วนางก็ออกคำสั่ง...”ยกโลงพวกนี้ไปที่ตึกใฝ่ความรู้”...
...แล้วนางก็หันมาอธิบาย...”คือที่บ้านของข้า มีตึกใฝ่ความรู้อยู่ด้านหลัง...บรรณารักษ์คือผู้เฒ่าแสนรู้ กระดิกหางได้ ให้มือได้...ว้ายไม่ใช่ นั่นมันหมา...ผู้เฒ่าแสนรู้ถามอะไรแกรู้หมด...คาดว่าเรื่องนี้แกคงมีคำตอบให้เราได้บ้าง”...
แล้วทั้งหมดรวมทั้งโลงสามใบ ก็ยกขบวนไปที่ตึกใฝ่ความรู้...
ผู้เฒ่าแสนรู้ ที่แม่ใหญ่รับประกัน...กลับกลายเป็นชายหูหนวกและเป็นใบ้คนนึง
แต่เฒ่าหนวกใบ้ผู้นี้ กลับไม่ทำให้ผิดหวัง...หลังจากแกหยิบหนังสือเล่มนั้น อ่านเล่มนี้...ไม่นาน แกก็เขียนคำตอบลงบนกระดาษ ยื่นให้ฉื่อเท้งฮง...
โฆษณา