8 ม.ค. 2020 เวลา 23:28 • ไลฟ์สไตล์
สวัสดีปีใหม่ค่า ทุกคน
พึ่งกลับมาจากปฏิบัติธรรม ขอมาแชร์ให้เพื่อนๆตามนี้น้า
สิ่งที่อยากจะเล่า คือ ปีที่แล้ว ไปเข้าคอร์สวิปัสสนากรรมฐานของท่านอาจารย์โกเอ็นก้ามา ปีนี้กลับไปอีกครั้ง รู้สึกว่า 1 ปีที่ฝึกทำสม่ำเสมอ ยังมีเรื่องไม่เข้าใจอีกมากและยังต้องฝึกอีกเยอะมาก แต่พอฟังซ้ำและทำตาม ก็เหมือนเข้าใจเพิ่มมากขึ้นมาอีดนิดนึง
ขอบันทึกไว้ก่อนตามนี้:
1. หัวใจพุทธศาสนา คือ ไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี ชำระจิตให้บริสุทธิ์
2. แนวทางปฏิบัติ: ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องไปด้วยกันเสมอ ขาดกันไม่ได้
ถือศีล 5 เป็นอย่างน้อย นั่งสมาธิสม่ำเสมอ (มีสติคอยกำกับ) เจริญวิปัสสนาเพื่อสร้างปัญญา
3. เวลาเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุดรอเราเลยแม้แต่วินาทีเดียว
4. ทุกนาที ทุกลมหายใจมีค่า จงใช้ทุกลมหายใจเพื่อสร้างประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
5. ความเพียรสำคัญมาก ต้องทำสม่ำเสมอ ให้เมล็ดพันธุ์ธรรมะหยั่งรากลึกและแข็งแรงในจิตของเรา (เข้าใจแล้ว ทำไมครูบาอาจารย์บอกให้ทำสม่ำเสมอ)
6. ทำความเพียร โดยไม่ต้องรอผลลัพธ์ ธรรมะจะให้ผลเอง
7. ธรรมะ คือ ธรรมชาติ universal law
ใครทำดี => สบายใจ อิ่มใจ
ใครทำไม่ดี => ไม่สบายใจ ทุกข์ใจ
ผลเกิดขึ้นเลยชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า
8. ใจคนเรามักกลับไปคิดถึงอดีต แล้วก็เศร้า และมักมุ่งไปหาอนาคต แล้วก็กังวล แต่ลืมอยู่กับปัจจุบัน => ฝึกเฝ้าสังเกตตามความเป็นจริงโดยไม่แทรกแซงและฝึกวางใจให้เป็นอุเบกขา (เพราะเรามาฝึก purify mind ไม่สร้างกิเลส/จิตที่ไม่บริสุทธ์ใหม่ขึ้นมา พร้อมค่อยๆ ขัดของเก่าที่เน่าเสียออก)
9. ถ้าเปรียบเทียบ "จิตใจ" เหมือน "บ้าน"
บ้านที่ใช้ทุกวัน ไม่เคยจัดระเบียบ บ้านก็รก หาอะไรก็ไม่เจอ
จิตใจของเรา พบปะสิ่งเร้ามากมาย ไม่เคยดูแล ไม่บริหาร
จิตใจ จิตใจก็หนัก มีแต่หิน มีแต่ขยะ (ความเครียด ความเบื่อหน่าย ความเศร้า ความโกรธ ความเกลียดชัง และอื่นๆอีกมากมาย) พอจิตใจเรารกรุงรัง พอเจอปัญหา ก็มองไม่เห็นทางออก
เวลาทำความสะอาดบ้าน ถ้านาน ทำที จะเหนื่อยและต้องใช้เวลานาน ถ้าค่อยๆทำ ไปทุกวันบ่อยๆ ทีละน้อย คอยเก็บกวาดเช็ดถูไป แต่ละวันก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก
จิตใจคนเราก็เหมือนกัน ถ้าเอาแต่ขยะ (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) เข้ามาใส่ใจทุกวัน ไม่ค่อยได้ทิ้งขยะ นานๆทิ้งที มันก็เน่าเหม็น จิตใจไม่ใสบริสุทธิ์ ไม่ประกอบด้วยปัญญา คิดอะไรก็ไม่ออก
10. ถ้ามัวแต่มองออกนอกตัว ก็จะไม่เห็นสิ่งที่เราเป็น
สังเกตภายในขอบเขตของร่างกายและจิตใจของเราอย่างเป็นกลาง จะค่อยๆเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง (ที่พูดนี่ ไม่ใช่ว่าเห็นชัดแจ้งแล้วนะ ยังเป็นเด็กเบบี้ที่ค่อยๆรู้ และยังต้องฝึกปฏิบัติอยู่)
11. ทุกคนมีปัญญาอยู่ในตัวอยู่แล้ว เมื่อเฝ้าสังเกต ก็จะค่อยๆ เห็น
12. อนิจจัง ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง
ทุกขัง ทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์
อนัตตา ทุกอย่างล้วนไม่มีตัวตน ควบคุมไม่ได้
(เวลาความโกรธ/ความน้อยใจ/ความเศร้า หรืออื่นๆขึ้นมา มันก็ขึ้นมาในใจ บังคับให้มันไม่มาก็ไม่ได้ พอมันขึ้นมาให้ตระหนักรู้ วาง ตอบสนองอย่างมีสติ)
อันนี้ สติยังไม่ทัน เลยควรฝึกเจริญสติระหว่างวันด้วย แต่ยังทำไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่ระหว่างวัน จะลืมเนื้อลืมตัวซะมาก #ฝึกต่อ
13. ธรรมะ แค่อ่าน แค่ฟัง ไม่พอ.. ไม่พอจริงๆ.. อ่านกับฟังจะยังไม่ถึงใจ ต้องทำเอง ปฏิบัติธรรมเอง ถึงจะรู้ ทำเอง รู้เอง สัมผัสได้เอง ว่า ทำไมผู้รู้แจ้งเค้าถึงบอกว่า ธรรมะ คือ อัญมณีที่ล้ำค่าที่สุดในโลกนี้
ปล. ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่า ปฏิบัติแล้วดีเริ่ด ละกิเลสได้หมดแล้ว มีสติตลอดเวลา... ปล่าวเลย ยังมีกิเลสอยู่มาก ขาดสติอยู่มาก แต่ ยังเพียรฝึกต่อไป
ขอบคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ธรรมะ สมาธิ วิปัสสนา และกัลยาณมิตรทุกท่านที่ทำให้เราเดินมาถึงวันนี้
ขอน้อมบุญกุศลจากการปฏิบัติของเราในช่วงวันหยุดนี้มาให้ทุกๆคน ขอให้ทุกๆคนหลุดพ้นจากความทุกข์ ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขกลมกลืนกับโลก
ขอให้ธรรมะผุดขึ้นกลางใจของทุกคนนะค้า
🙏🙏🙏
โฆษณา