10 ม.ค. 2020 เวลา 08:19 • ปรัชญา
“ผมอยากให้คุณลองหลับตาลงและหายใจเข้าออกช้าๆนั่งสบายๆแล้วให้นึกถึง”รอยยิ้ม”ของทุกคนที่คุณเคยได้รู้จักสักหนึ่งนาทีได้ไหมครับ”
.
.
.
.
.
สวัสดีครับเพื่อนๆblockditทุกคนวันนี้ผมไม่ได้มาชวนคุยเรื่องนั่งสมาธินะครับ
แต่ผมกำลังมาชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับ”ภาพที่ติดฝังอยู่ในความคิด”
เพื่อนๆเคยไหมครับ
ขณะหนึ่งที่เราอยากซื้อรถยนต์สักยี่ห้อหนึ่ง เมื่อเราขับรถหรือได้ออกไปที่ท้องถนนเรากลับพบรถยี่ห้อนั้นเต็มไปหมด
ขณะที่เราอยากได้นาฬิกาออกกำลังกายและหาข้อมูลมาอย่างลึกซึ้ง เรากลับไปเจอนาฬิกาออกกำลังกายยี่ห้อเดียวกับเราหรือบางครั้งก็เป็นสีเดียวกับที่เราอยากได้เต็มไปหมดบนข้อมือของคนที่วิ่งอยู่ที่สวนสาธารณะที่เราไปวิ่งตอนเช้า
และนี่คือตัวอย่างของปรากฎการณ์ทางความคิดที่เรียกว่าภาพที่ติดฝังอยู่ในความคิด
ผมจึงสงสัยว่าถ้าเป็นเช่นนั้น “เราจะสามารถมองหาความสุขและพบเจอความสุขได้หรือไม่”
คำตอบนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจอยู่พอสมควร
ริชาร์ด ไวส์แมนนักวิจัยที่พยายามพิสูจน์เรื่องเกี่ยวกับ”ความโชคดี”ของคน
โดยตั้งคำถามว่า ทำไมบางคนโชคดีเสมอ ในขณะที่บางคนดูไม่มีโชคเอาเสียเลย
และพวกเราก็พอจะรู้ใช่ไหมครับว่าเรื่องโชคนั้นไม่มีจริงในทางวิทยาศาสตร์
แต่อาจเป็นมุมมองของคนๆนั้นเพียงเท่านั้น
“ฉันเป็นคนที่โชคดีจริงๆ|ฉันเป็นคนที่โชคร้ายจัง”
ไวส์แมน ได้แบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นคนที่คิดว่าตัวเองโชคดี และกลุ่มที่สองคือคนที่คิดว่าตัวเองโชคร้าย
และให้ผู้เข้าร่วมทดลองอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งและให้นับว่ามีภาพในหนังสือพิมพ์ทั้งหมดกี่ภาพ
ปรากฎว่าคนที่คิดว่าตัวเองโชคดีใช้เวลาหาภาพเพียงไม่กี่วินาที
ในขณะที่คนที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายใช้เวลาถึงสองนาทีโดยเฉลี่ย
เพราะอะไร?
คำตอบคืออันที่จริงแล้วในหน้าที่สองของหนังสือพิมพ์มีข้อความขนาดใหญ่ที่ระบุว่า
“ไม่ต้องนับแล้วหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มี43ภาพ”
และอย่างที่เราทราบดีคนที่คิดว่าตัวเองโชคดีจะมองเห็นข้อความนี้
ในทางตรงข้ามกับคนที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายที่มีแนวโน้มสูงว่าจะมองไม่เห็น
ไม่เพียงเท่านั้นหน้ากลางของหนังสือพิมพ์ยังมีข้อความด้วยว่า
“หยุดนับได้แล้วไปบอกนักวิจัยว่าคุณเห็นข้อความนี้เพื่อรับเงินรางวัล 250 ดอลลาร์”
และก็อีกเช่นเคยว่าคนที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายมีแนวโน้มสูงที่จะมองไม่เห็น
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับงานวิจัยนี้คือไวส์แมนแสดงให้เราเห็นว่าโอกาสที่จะคว้ารางวัลก้อนโตซ่อนอยู่รอบตัวทุกคน
“เพียงแต่เราสังเกตุเห็นหรือไม่”
ดังนั้นถ้าเราเกิดเรานึงถึงแต่เรื่องของความสุขหล่ะเราจะสังเกตุเห็นความสุขมากขึ้นหรือไม่
ถ้าเกิดการตามหาความสุขอาจจะดูยากไปงั้นเรามาลองมองหารอยยิ้มที่ทำให้เราสดชื่นทุกครั้งที่ได้เห็นบ้างหล่ะ เราจะสังเกตุเห็นมันมากขึ้นบ้างหรือไหม
ง่ายขึ้นจริงไหมครับ
ผมไม่อยากให้เพื่อนๆทุกคนเชื่อผมนะครับ
แค่อยากชวนให้เพื่อนๆทุกคนลองทำดูครับ
ลองปรับใจมองในสิ่งที่สวยงามที่อยู่รอบตัวเรา
จากสิ่งง่ายๆเช่น “รอยยิ้ม”
บางทีรอยยิ้มอาจจะซ่อนอยู่ในโทรศัพท์มือถือในรูปที่ครอบครัวหรือเพื่อนของเราที่ไปเที่ยวด้วยกัน
จากภรรยาที่อยู่ข้างๆคุณ
จากสามี
จากลูกๆ
จากพ่อแม่
จากญาติๆของเรา
บางรอยยิ้มอาจจะรอให้เราสังเกตุเห็นอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้นะครับ
เพื่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้นครับ
หวังว่าจะมีประโยชน์
โฆษณา