10 ม.ค. 2020 เวลา 16:08 • ข่าว
นิติวิทยาศาสตร์กับความเชื่อ
นับครั้งไม่ถ้วนที่คดีอาชญากรรมมักจะถูกคี่คลายด้วยวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะร่องรอยของหยดเลือด รวมทั้งคราบเลือดที่พบในที่เกิดเหตุ การตรวจวิถีกระสุน และคราบเขม่าดินปืนจากผู้ต้องสงสัย การเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อไปเปรียบเทียบ รวมถึงการผ่าชันสูตรพลิกศพเพื่อหาปมเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิต...
หากปราศจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาคดีในชั้นศาล ความหวังที่จะร้องเรียกเพื่อทวงคืนความเป็นธรรมกลับมาให้กับเหยื่อผู้บริสุทธิ์นั้น คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้...
แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความฉงนปนความสงสัยในเรื่องราวอาถรรพ์ของโครงกระดูกมนุษย์ ที่ได้ปรากฏออกมาให้ชาวบ้านได้เห็น!!!
บริเวณใต้สะพานคลองอ้อม หมู่ที่ 12 อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่เดิมก่อนที่จะมีการปรับพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์บนพื้นที่รกร้าง และเต็มไปด้วยป่ากก
พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของคนเร่ร่อนมาอาศัยปลูกเป็นเพิงพัก บ้างก็อยู่ยาว บ้างก็มาอาศัยเพียงแค่ช่วงคราวแล้วก็หายหน้าหนีไป ซึ่งคนในชุมชนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเห็นว่าคนเร่ร่อนพวกนี้ไม่น่าจะเป็นภัย หรือทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เว้นเพียงแต่หญิงวัยกลางคนรายหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกเธอว่า “นางโอ๋”
เวลาปกติเธอก็จะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่เมื่อใดก็ตามที่เหล้าเข้าปาก เธอก็จะกลายเป็นคนที่สนุกสนานเฮฮาช่างพูดช่างคุย และมักจะเข้ามาขอเงินจากคนในชุมชนเพื่อไปซื้อเหล้ากินอยู่เป็นประจำ
ในสายตาของชาวบ้านมองว่า “นางโอ๋” กับ “นายฟู” ผู้เป็นสามี ทั้ง 2 เป็นเพียงแค่คนเร่ร่อนทั่วไปที่ไม่มีใครอยากจะมาสนใจ หรือเสวนาทำความรู้จักใคร่รู้ถึงกำพืดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีลูกเต้าหรือไม่ พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องเป็นใคร อีกทั้งยังเอือมระอากับพฤติกรรมที่ทั้งคู่มักจะกินเหล้าจนเมา และทำร้ายทุบตีกันอยู่เป็นประจำ จึงไม่น่าจะใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะมาระยะหลังก็ไม่มีใครได้พบเห็น “นางโอ๋” อีกเลย เพราะเชื่อว่าเธอคงจะทนต่อพฤติกรรมของ “นายฟู” ไม่ไหวจึงเลิกลาแยกทางหนีไป...
เรื่องราวดูเหมือนจะไม่ซับซ้อน วิถีของคนเร่ร่อนก็น่าจะอยู่กันอย่างไม่เป็นหลักแหล่ง อาศัยหากินย้ายถิ่นเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ หากไม่เกิดเหตุการณ์ประหลาดซึ่งหลายคนเชื่อว่า เป็นอาถรรพ์จากความเฮี้ยนของผี “นางโอ๋” ที่ได้มาเข้าสิงร่างของเด็กหนุ่มในชุมชน!!!
ทุกคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนั้น กลับทำให้ชาวบ้านเชื่อจริงๆ ว่า “นางโอ๋” ถูก “นายฟู” ผู้เป็นสามีทำร้ายจนตายแล้วเอาร่างของเธอไปฝังไว้ในป่ากก...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพียงความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวอาถรรพ์ที่ชวนให้ขนหัวลุก หากไม่มีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ และเสื้อผ้าของผู้หญิงอยู่ในที่เกิดเหตุ!!!
เรื่องนี้อาจจะจบลง และเป็นแค่เพียงคดีคนหายทั่วๆ ไป เนื่องจากไม่มีหลักฐานอะไรที่จะไปเอาผิดกับ “นายฟู” สามีของ “นางโอ๋” ตามข้อกล่าวหาที่ชาวบ้านต่างพากันเชื่อ...
หากตัว “นายฟู” ไม่ได้เสียชีวิตลง หลังจากได้ลั่นวาจาสัตย์ต่อคำสาบานเอาไว้ให้ “ตายภายใน 3 วัน 7 วัน!!!”
การตายของ “นายฟู” ยิ่งทำให้ชาวบ้านต่างพากันเชื่อว่าอาถรรพ์วิญญาณเฮี้ยนของ “นางโอ๋” เป็นเรื่องจริง!!!
นายสมปอง ศิริโท เมื่อได้ทราบข่าวถึงเรื่องราวดังกล่าวจึงได้ออกเดินทางเพื่อมาตามหาพี่สาวของเขาอีกครั้ง หลังจากขาดการติดต่อกันมานานกว่าสิบปี ซึ่งเขาก็มั่นใจว่า “นางโอ๋” นี่แหละน่าจะเป็นคนเดียวกันกับ “นางพิน” ผู้เป็นพี่สาวที่หายไป...
1
แม้ว่าการมาในครั้งนี้ เขาอยากจะพบกับความผิดหวังเหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง แต่ก็ต้องทำใจยอมรับความจริงเมื่อผลตรวจดีเอ็นเอได้ปรากฏออกมา เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังได้พาพี่สาวกลับคืนสู่บ้านเกิด แม้จะเหลือแค่เศษกระดูกเพียงไม่กี่ชิ้นก็ตาม...
นี่คงเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ระหว่างเรื่องราวที่เป็นความเชื่อล้วนๆ กับข้อเท็จจริงของการไขคดีตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ที่ต้องอาศัยหลักฐานต่างๆ มาเป็นเครื่องมือเพื่อทำการพิสูจน์
แม้ว่าเส้นทางของหลักการทั้ง 2 จะเดินคู่กันเป็นเส้นขนาน แต่ก็มักจะมีอะไรบางอย่างที่มาทำให้ทางคู่ขนานทั้ง 2 ต้องมาบรรจบพบกันอย่างที่ไม่มีใครจะสามารถอธิบายได้!!!
โฆษณา