11 ม.ค. 2020 เวลา 12:19 • บันเทิง
เรื่องสั้น : วันเด็กของผม
ผมยืนยิ้มดูภาพเด็กน้อยทั้งชายหญิงยืนเรียงกันอยู่บนเวที บางคนตัวสูงจนดูเด่นกว่าเพื่อนข้าง ๆ บางคนดูตัวเล็กไปถนัดตาเมื่อต้องไปยืนข้างเพื่อนที่ตัวโตกว่ามาก ถ้าเห็นการยืนเรียงไม่ลำดับความสูงแบบตอนนี้ บางคนอาจพาลนึกไปถึงกราฟดัชนีราคาหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไปเสียก็เป็นได้ เพราะบัดเดี๋ยวสูงบัดเดี๋ยวต่ำ ไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่น้อย
พวกเขาขึ้นไปบนเวทีของกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ และแน่นอนคำถามยอดนิยมของการขึ้นเวทีเพื่อตอบคำถามรับของแจกก็คือ
"คำขวัญวันเด็กปีนี้คืออะไรคะ" ผู้ดำเนินรายการสาวสวยยื่นไมโครโฟนให้เด็กน้อยคนหัวแถว
"สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม" ครับ
"เก่งมากค่ะ อ้าวเพื่อน ๆ ปรบมือหน่อยค้า" เสียงปรบมือแปะ ๆ ดังอยู่รอบตัว
ผมยืนยิ้มร่าเมื่อพี่สาวหยิบกล่องของเล่นมาให้ เป็นกล่องรถจำลองแบบมีลานในตัว ใครมีไว้เล่นเป็นต้องมีเพื่อน ๆ อิจฉากันเป็นแถว
ผมรับกล่องไว้แล้วโบกมือให้แม่ที่ยืนยิ้มอยู่ด้านล่างเวที แม่ขยับปากเหมือนกำลังจะบอกอะไรสักอย่าง
"เก่งมากครับ" แม่น่าจะพูดอย่างนั้นถ้าผมเดาไม่ผิด
แต่ทว่าตั้งแต่ผมได้รถของเล่นมาในวันเด็กครั้งนั้น ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
ผมรักรถของเล่นนี้มาก เอามันติดตัวไปโรงเรียนด้วยทุกวัน และไม่วายจะถูกเพื่อนบางคนพยายามจะขโมยมันไป
"ไอ้เหี้ยป้อม มึงเอารถกูคืนมา" ผมวิ่งไปกระชากคอเสื้อนักเรียนของไอ้ป้อมจนมันแทบล้ม
"กูยืมเล่นหน่อยเดียว" มันหันมาผลักอกผมจนล้มก้นจ้ำพื้น
"ของกู กูไม่ให้" ผมรีบกระโดดขึ้นพร้อมกำปั้นขวาพุ่งไปพร้อมกัน
และสุดท้ายแม่ก็มานั่งข้างผมในห้องครูฝ่ายปกครอง แอร์เก่า ๆ ในห้องส่งเสียงหึ่ง ๆ น่ารำคาญมันผลิตอากาศเย็นจนขนลุก แต่ผมกลับมีเหงื่อเปียกชื้นไปทั่วแผ่นหลังและฝ่ามือ
เพราะตลอดเวลาที่ครูปกครองพร่ำบ่นสารพัดความผิดที่ผมมีส่วนเพียงหยิบมือ แม่กลับนั่งนิ่ง ไร้รอยยิ้มเหมือนเคย และได้แต่ผยักหน้ารับคำกล่าวหาเลื่อนลอยพวกนั้นอย่างว่าง่าย
"ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ" แม่ก้มหน้ายกมือขึ้นไหว้
ส่วนผมน้ำตาไหลพราก
ตั้งแต่พ่อหนีไปมีเมียใหม่ ผมต้องอยู่กับแม่เพียงลำพังสองชีวิต แม่ทำงานเป็นพนักงานของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในตัวอำเภอ นั่งรถรับจ้างที่วิ่งจากหมู่บ้านไปในตัวอำเภอตั้งแต่หกโมงเช้า ส่วนผมต้องตื่นพร้อมแม่และออกจากบ้านพร้อมกัน แม่จะเดินไปส่งผมที่โรงเรียนก่อน จากนั้นจึงเดินเลยไปขึ้นรถคิวที่จอดรออยู่ที่ศาลาปากทางเข้าหมู่บ้าน
ชีวิตเป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมรู้หรอกว่าแม่พยายามแค่ไหนที่จะดูแลผมให้ดี แต่หลังจากเหตุการณ์ในห้องปกครองวันนั้น ผมกลับสงสัยมาตลอดว่าที่จริงแล้ว แม่เคยเชื่อใจและรู้จักลูกของแม่คนนี้ดีขนาดไหนกัน แม่คงมัวแต่ก้มหน้าหาเงินแล้วพยายามบอกผมอ้อม ๆ ว่า ดีแค่ไหนแล้วที่มีข้าวกินมีเสื้อผ้าใส่ อย่าพยายามก่อเรื่องอะไรให้แม่ต้องเหนื่อยกว่านี้อีกเลย ผมแน่ใจว่าแม่ต้องการจะบอกอย่างนั้น แค่มันง่ายกว่าที่จะเงียบก็เท่านั้นเอง
หลังขึ้นมอปลาย ผมเริ่มพบเพื่อนต่างโรงเรียนเพิ่งย้ายมาเรียนด้วยกัน บางคนเริ่มชวนผมทดลองรสชาติของชีวิตใหม่ ๆ ทั้งสูบบุหรี่ กินเหล้า ดูหนังโป้ เล่นไพ่ บางวันนัดกันไปเล่นเนื้อที่บ้านเพื่อนโดยโดดเรียนไปก็เคยมี ยังดีที่ผมเป็นคนหัวดี ไม่เข้าเรียนบ้างก็ยังสอบผ่าน ครูประจำชั้นก็เลยไม่ค่อยสนใจจะบ่นว่าอะไรนัก
ผมเริ่มกลับบ้านค่ำลง บอกแม่แค่ว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อน บางวันไปนอนค้างกับเพื่อนที่เช่าหออยู่กินเหล้ากันยันเช้าก็มีประจำ แม่ก็ต้องนั่งกินข้าวคนเดียวเกือบทุกวัน แต่ยังดีที่แม่ให้เงินไปโรงเรียนไม่เคยขาด แต่ส่วนใหญ่ผมเอาไปซื้อบุหรี่สูบเสียครึ่ง อดข้าวหลายมื้อเพื่อซื้อเหล้าเลี้ยงเพื่อนก็บ่อยไป
จนได้มาเจอเพื่อนชวนไปขี่มอเตอร์ไซค์แข่งกันตามถนนผมไม่มีรถของตัวเองหรอก เลยได้แต่ยืมเพื่อนขี่ แต่หลัง ๆ พอเพื่อนเห็นผมควบบิดเสียตัวปลิว มันเลยให้ผมขี่ตลอด บางวันมันให้ผมลงแข่งกับอีกก๊วนจากต่างอำเภอ พอผมชนะได้ มันยื่นเงินให้ผมสองพันบาท
"อ่ะ ส่วนของมึง ค่าเหนื่อยเว้ยไอ้เอ็ม" เพื่อนผมมันเอาเงินปึกหนึ่งยัดใส่กระเป๋าเสื้อ
"พรุ่งนี้มึงมาเช้าหน่อย กูจะให้มึงลงแข่งสองรอบเลย" เพื่อนกรีดนับแบงค์ร้อยในมือ
ผมพยักหน้ายิ้มรับ แต่ไม่ต้องยกมือไหว้ใครเหมือนแม่ในห้องปกครองวันนั้น
"แม่ มารับทีนะ" ผมวางหูโทรศัพท์เครื่องหยอดเหรียญลง เพื่อนอีกคนมาโทรต่อทันที
ผมเลี่ยงไปนั่งที่ม้านั่งยาวเพื่อรอ หลายคนมีคนมารับกลับบ้านแล้ว บางคนโดนพ่อเอามือฟาดหลังดังลั่นทันทีที่เจอหน้า
"มึงมันไม่รักดี กูให้เงินมึงมาแต่งรถไว้แข่งรึไง ไอ้ลูกเวรนี้" เสียงฝ่ามือฟาดที่หลังเพื่อนอีกหลายครั้ง ดังตึ๊บจนต้องรู้สึกเจ็บแทน
ผมยั่งเหม่อมองออกไปที่บันไดทางขึ้นสถานีตำรวจ พลันเห็นแม่กำลังเร่งฝีเท้าเดินขึ้นมา ผมเผ้าของแม่ยุ่งเหยิงสีหน้าเคร่งเครียด แม่เห็นผมแล้ว จึงเดินผ่านประตูตรงดิ่งเข้ามา
"แม่.." ผมพูดได้เพียงแค่นั้น
แม่ใช้มือขวาตบเข้าที่แก้มซ้ายผมอย่างจัง เสียงดังจนทุกคนบนโรงพักต้องหยุดกึก
"แม่ไม่เคยว่าอะไรแกเลย ไม่เคย...จะสูบบุหรี่ กินเหล้า แม่ก็ไม่เคยห้าม หวังว่าสักวันพอแกโตขึ้นแกคงแยกแยะได้ว่าอะไรดีอะไรร้าย แต่แกมาซิ่งรถตอนกลางคืนเนี่ยนะเหรอที่บอกแม่ว่ามาทำรายงาน" น้ำตาของแม่ไหลออกมาราวกับน้ำที่รั่วจากก๊อกน้ำเก่าที่หลังบ้านเรา
"แกทำชาวบ้านเดือดร้อน แกเอารถเพื่อนไปทำเลว ๆ แล้วที่สำคัญคือ...แกเอาชีวิตแกมาเสี่ยงตายกับของแบบนี้น่ะเหรอ" แม่ยกแขนเสื้อมาเช็ดหน้าจนมันเปียกไปด้วยน้ำตา
"ชีวิตที่ฉันพยายามจะให้มันดี ดีกว่าชีวิตของฉันที่ย่ำแย่มาตลอดแบบนี้ อยากให้มีอนาคตที่ดี อยากให้แกตั้งใจเรียน แต่แกไม่เคยเลย ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยรึไง เข้าใจสิ่งที่ฉันพยายามเพื่อแกบ้างไหม เข้าใจไหม….ฮือ ๆ" แม่ทรุดตัวลงที่ม้านั่งข้าง ๆ แล้วร้องไห้โฮอย่างไม่อายสายตาใครทั้งนั้น
ผมยืนนิ่งร้องไห้ตั้งแต่รอยฝ่ามือที่หน้ามันเริ่มร้อนผ่าวเพราะความเจ็บปวดแล้ว แต่ที่เจ็บกว่าผิวหน้า คือหัวใจของผม ตอนที่แม่พรั่งพรูความเสียใจออกมา ภาพแม่นั่งหลับมาตลอดทางในรถรับจ้าง ภาพแม่ยืนทำกับข้าวให้ก่อนไปโรงเรียน ภาพแม่แอบร้องไห้ตอนทุบกระปุกออมสินที่แอบสะสมไว้ตอนผมขอเงินไปจ่ายค่าอุปกรณ์วิชาพละ แม่พยายามมากมายจริง ๆ
แม่พยายามแม้กระทั่งก้มหน้าและยอมอดทนให้คนกร่นด่า เพื่อที่ผมจะได้ไม่มีปัญหาที่โรงเรียน
"คุณก็อย่ามัวแต่ทำมาหากิน เอาเวลามาดูแลลูกบ้าง ถ้านิสัยอันธพาลแบบนี้ ผมว่าโตมาคงได้เป็นโจรกันพอดี อบรมสั่งสอนบ้างนะลูกคุณน่ะ" เสียงครูห้องปกครองดังก้องอยู่ในหัวผมอีกแล้ว ตามมาด้วยภาพแม่นั่งนิ่งน้ำตาคลอ สองมือแอบกำหมัดแน่น แต่แล้วก็เปลี่ยนไปค่อย ๆ ยกขึ้นแล้วยกมือไหว้
ผมยืนน้ำตาไหลจนหยดเต็มพื้น โกรธตัวเองเหลือเกินที่ไม่เคยคิดเลยว่ากำลังทำอะไรลงไป หลงคิดไปเสมอว่าแม่พยายามหาเงิน หาเงิน แล้วก็หาเงิน แต่ไม่เคยให้เวลาผมเลย
ผมลืมไปสนิทว่าแม่นั่งกินข้าวด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส สอนการบ้านทุกครั้งที่ว่างจากงานที่เอามาทำต่อที่บ้าน แม่ไม่เคยดูทีวี ละครสารพัด แม่เอาเวลาว่างรับจ้างทุกชนิดที่เอามาทำที่บ้านได้
บ้านเราไม่เคยต้องอดมื้อกินมื้อ ผมมีเสื้อผ้าใส่ไม่อับอายเพื่อน แต่ในขณะที่แม่มีแต่เสื้อที่ร้านแจกมาให้ กางเกงของแม่ถูกปะชุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่แม่ไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงครั้ง
แม่นั่งเช็ดน้ำตาจนเริ่มจาง ผมเดินเข้าไปใกล้ คุกเข่าลงแล้วกราบลงไปที่ตักแม่
"แม่ครับ...เอ็มขอโทษ ขอโทษ" ผมร้องไห้โฮ
แม่ลูบหัวผมเบา ๆ เอามือลูบแก้มที่แดงเรื่อนั่น มือแม่หยาบกร้านและแข็งมาก มากกว่าจะเป็นมือของผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ
นั่นทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม แล้วใช้มือกอดขาแม่แล้วร้องไห้แทบบ้า
"ไม่ร้องแล้วนะเอ็ม แม่ขอโทษ" แม่ลูบหัวผมทั้งน้ำตา
เด็กชายวิ่งลงมาจากเวที ในมือมีรถจำลองอยู่ในกล่องสวยงาม คล้ายที่ผมได้มาในตอนนั้นไม่มีผิด
"พ่อดูสิครับ ผมได้รถของเล่นด้วย แปลงร่างได้ด้วยนะคันนี้ สุดยอดเลย" ลูกชายผมพูดด้วยตาเป็นประกาย
"เก่งมากครับ ไม่เสียทีท่องคำขวัญวันเด็กทั้งคืนเลยนะ เยี่ยมเลย" ผมหัวเราะร่วนแล้วเอามือขยี้ผมลูกอย่างเบามือ
"แล้วย่าละครับ ผมจะเอาไปอวดคุณย่า" รถของเล่นถูกชูขึ้นสูง
"นั่งรอลูกอยู่กับคุณแม่ตรงโน้นไง เห็นไหมโบกมืออยู่นั่นไงลูก อย่าลืมนะ ของเล่นแบ่งคนอื่นเล่นด้วย เล่นด้วยกันสนุกกว่าเล่นคนเดียวนะครับ"
"ครับพ่อ ผมจะแบ่งคนอื่นเล่นด้วยครับ" แล้วเขาก็วิ่งไปหาย่าและแม่ที่นั่งรอกันใต้ร่มอีกฝั่ง
วันเด็กปีนี้ผมมีเวลามากับลูกด้วยเพราะไม่ต้องอยู่เวรที่โรงพยาบาลพอดี ผมอาจมีเวลาว่างไม่มากมายนักเพราะอาชีพที่เป็น แต่ทุกครั้งที่มีโอกาส ผมจะให้เวลากับครอบครัวเสมอ เพราะผมรู้ดีว่าการให้เวลากันเป็นของที่มีค่ากว่าทุกสิ่ง ตอนนี้ผมดูแลแม่และครอบครัวได้แล้ว ทุกคนจึงมีเวลาที่จะใช้ร่วมกันอย่างเต็มที่
เพราะวันเด็กอาจไม่ได้มีครั้งเดียว แต่วันที่เราจะได้บอกรักกันและใช้เวลาร่วมกับคนที่เรารักอาจเหลือแค่วันนี้วันเดียวก็เป็นได้ ผมจึงพยายามใช้ทุกวันให้คุ้มค่าเสมอ
แล้ววันเด็กของผมปีนี้ ผมก็ได้ของขวัญที่ดีที่สุดอีกปีแล้ว ขอบคุณสวรรค์ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา