Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
JiraJom.
•
ติดตาม
12 ม.ค. 2020 เวลา 10:00 • การศึกษา
6 สัญญะในภาพยนต์ ไทบ้าน เดอะ ซีรีส์
นอกจากภาพยนต์ไทบ้านเดอะซีรีส์จะให้ความบันเทิงความสนุกแก่ผู้ชมแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้จนอดไม่ได้ที่จะแบ่งบัน นั่นคือการเผยให้เห็นถึงความต่างทางวัฒนธรรม ระหว่างคนเมืองและคนไทบ้าน ตามสัญญะและการสื่อความต่าง ๆ ในตัวภาพยนตร์ ซึ่งเราแทบไม่รู้สึกตัวเลยขณะชมครับ
และในบทความวิเคราะห์นี้ จะพาทุกท่านเจาะเข้าไปในตัวภาพยนตร์ โดยตีความจากมุมมองของจิราจอม(โหมดฮาร์ดคอร์)
และเพื่อเป็นการเพิ่มอรรถในการอ่านบทความ กระผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านรับชม ภาพยนต์ ไทบ้านเดอะซีรีย์ (2017) ก่อนได้นะครับ เพราะเนื้อหาบทความนี้มีการสปอยด์เรื่องราวเยอะพอสมควร
แนะนำของถูกลิขสิทธิ์รับชมฟรีได้ที่ ทรูไอดี
รูปภาพทั้งหมดในบทความนี้ก็มาจากที่นั่นเช่นกัน
ขอบคุณครับ
เอาล่ะ เชิญรับชมการถอดความได้เลยครับ
...
...
..
สัญญะที่ 1. ความรักของจาลอด
เรื่องมีอยู่ว่า จาลอดชื่นชอบสาวงามแท้ ๆ อยู่สองคน ซึ่งก็คือ คุณหมอปลาวาฬ และ คุณครูแก้ว
ครูแก้ว
หมอปลาวาฬ
ตอนแรกจาลอดไม่กล้าจีบคุณหมอปลาวาฬเนื่องจาก เขาคิดว่าตัวเองมีฐานะต่ำเกินไปที่จะจีบหมอ
จึงต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งง่ายที่สุดก็คือการเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้กลายเป็นเสื้อเชิ้ต ปลอมตัว ปลอมอาชีพ บอกหมอว่าเขาเป็นคุณครู เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง
พาหมอปลาวาฬเดินพิพิธพันธ์
ในลักษณะการจีบคุณหมอปลาวาฬของจาลอด
จะเป็นการพาไปเที่ยวไปดูหนังเข้าพิพิธพันธ์แบบคนเมือง ถึงจะเปลี่ยนรูปกายภายนอก แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนตนเองภายในซึ่งมีความเป็นธรรมชาติอยู่
เป็นสัญญะที่สะท้อนว่าคนไทบ้านอย่างจาลอด แม้เปลี่ยนภายนอกอย่างไร อยู่ที่ไหน ก็ยังเป็นคนไทบ้าน
ส่วนลักษณะการจีบคุณหมอซึ่งพาไปในสถานที่อันต้องใช้เงินทุน บ่งบอกถึงการให้ค่าและราคากับคนเรียนสูงอย่างคุณหมอ
จาลอดสื่อแทนตัวเองด้วยการใช้เครื่องมือให้ความหมายต่าง ๆ (เสื้อเชิ้ตขาว)
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้อยู่ในฐานะเท่าเทียมกันกับคุณหมอปลาวาฬ เสมือนเพื่อนคุยเล่นได้
ความสัมพันธ์ของจาลอดกับหมอปลาวาฬจึงเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าครูแก้ว และเป็นหมอปลาวาฬที่รักจาลอดอย่างแสดงออกชัดเจนมากกว่าในตัวภาพยนต์
พาครูแก้วเดินตลาดนัด
ส่วนลักษณะการจีบครูแก้วของจาลอด เขาได้แสดงออกมาจากธรรมชาติของเขาเต็มร้อย ด้วยฐานะอันแท้จริงของเขา
เขาพาสาวไปเที่ยวตลาดนัด พาไปตกปลาที่คูแปลงนา เขาเริ่มต้นจากการเป็นคนทำความสะอาดบ้านให้ครูแก้ว และเป็นภารโรงที่โรงเรียน ดังนั้นการเอาชนะใจครูแก้วจึงต่างจากการเอาชนะใจคุณหมอปลาวาฬมาก
จาลอดต้องใช้ความพยายามมากกว่าเนื่องจากฐานะที่ด้อยกว่าในการรับรู้ของอีกฝ่าย
ครูแก้วเป็นผู้หญิงที่จาลอดต้องเอาใจแบบขั้นสุด
ตัวละครนี้ยังมีความเป็นเด็กผู้หญิงที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลและเอาใจใส่มาก แตกต่างจากหมอปลาวาฬซึ่งมีลักษณะของการปรับตัวและพึ่งตัวเองมากกว่าครูแก้ว
สุดท้ายแล้วจาลอดจึงเลือกครูแก้ว ซึ่งเป็นผู้หญิงที่รักจาลอดน้อยกว่าคุณหมอปลาวาฬ
ถอดรหัสจากการจีบและการลงเอยกับคุณครูแก้ว โดยลักษณะการเลือกคู่ของคนไทย มักเลือกคนที่มีฐานะใกล้เคียงกันมากที่สุด และมักเลือกคนที่ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองปรับตัวมากที่สุด
ซึ่งสามารถอธิบายได้ในเหตุการณ์ ที่จาลอดคล้ายจะอกหักเมื่อครูแก้วขอลากลับเมืองไปหานายตำรวจ และไม่เลือกคนไม่มีปริญญาแบบเขา
แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับชัยชนะเนื่องจากความทุ่มเทของเขาทั้งหมด อันทำให้ครูแก้วรับรู้ได้ว่าจาลอดรักเธอมากกว่า
โดยตัวหนังต้องการจะสื่อถึง ความเป็นตัวของตัวเอง การให้คนรัก รักเราในแบบที่เราเป็นตามจริง
ผู้รับชมจะได้รับ ความรู้สึกอิ่มเอม เหมือนถูกปลดปล่อยจากค่านิยมของสังคมในปัจจุบัน และย้อนกลับมาดูตัวเองว่า เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนธรรมชาติของเรา จงภูมิใจในความเป็นธรรมชาติของเราที่สามารถเอาชนะใจของผู้อื่นได้ เมื่อพยายามอย่างเต็มที่ และพร้อมกล้าเสียสละเพื่อสิ่งที่เราต้องการ
สัญญะที่ 2. นายป่องกับการทำนาของเขา
เส้นเรื่องนี้ เราจะเห็นถึงการต่อสู้ของคนเมืองที่ต้องเอาชนะใจคนชนบท(พ่อของป่อง) โดยเป้าหมายหลัก ๆ ของป่องก็คือทำนาให้สำเร็จเพื่อขอเงินพ่อในการเปิดเซเว่น
จาลอด (ซ้าย) นายป่อง (ขวา)
แน่นอนว่าความพยายามของป่องตอนแรกดูเหมือนจะตลกในสายตาของพ่อ
แต่ความพยายามของป่องก็มีลักษณะในแง่ของการเป็นคนเมือง ซึ่งเชี่ยวชาญเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ตั้งคำถามหาทางที่สบายที่สุด เขาพยายามจะเอาเครื่องมือ วิธีการใหม่เข้ามาใช้
ด้วยการคิดมากกว่าการลงมือทำ เพราะยังลงมือทำไม่เป็น
เขามีวิธีหาความรู้ มีวิชาการ แต่ไม่มีทักษะในการทำนาเลย
การปลูกข้าวทำนาจึงดูเหมือนจะล้มเหลว แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ผลิตข้าวได้ ซึ่งด้วยความรู้ต่าง ๆ ทั้งด้านการตลาด การปลูกข้าวไรท์เบอรี่ การทำบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ซึ่งมีราคาแพงกว่าข้าวทั่วไป ทำให้เขาเอาชนะใจพ่อได้
ในเส้นเรื่องของป่องสัญญะมักสอดแทรกมาในรูปของ การใช้เทคโนโลยีมากกว่าการทำมือของนายป่อง และการไม่เข้าใจวิถีของธรรมชาติ
แต่การต่อสู้กับการทำนาของป่องแม้จะดูแปลกแยกจากสภาพแวดล้อมและสังคมในตัวหนัง แต่ท้ายที่สุดป่องก็ยังไม่ได้ทิ้งความเป็นวิถีคนเมืองในตัวตนของเขาเอง
เขาสามารถเอาชนะความเป็นชนบทในรูปแบบของเขาเอง ไม่ได้ถูกกลืนกินไปทั้งหมด ก็เช่นเดียวกับที่จาลอดที่เอาชนะใจสาวชาวเมืองโดยที่เขาก็ไม่ได้ถูกกลืนกินทางวัฒนธรรมไปทั้งหมดเช่นกัน ทุกอย่างผสมผสานอยู่ตรงกลางอย่างลงตัว นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ผมชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มากครับ
จบเส้นเรื่องคร่าว ๆ แล้ว
ฉะนั้นเราไปดูกันเถอะว่าระหว่างดำเนินเรื่องอยู่
มีอะไรบ้างที่น่าพูดถึง
สัญญะที่ 3.ไลน์กลุ่มหมู่บ้าน
ในฉากแรก เราจะได้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรมกับเทคโนโลยี
เมื่อเสียงตามสายยามเช้าได้ประกาศบอกว่า
“ตอนนี้หมู่บ้านของเราได้มีไลน์กลุ่มหมู่บ้านแล้ว”
ซึ่งประกาศโดยใช้เสียงตามสาย เป็นการเทียบเคียงวิธีการสื่อสารไปในตัว
เราสามารถมองได้ว่า Digital Disruption กำลังมีบทบาทและอิทธิพลต่อชนบท ซึ่งส่งผลให้ชาวไทบ้านเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงวิถีบางอย่างของตัวเองไป แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะทิ้งเสียงตามสายตอนเช้าหรือใช้ไลน์กลุ่มเพียงอย่างเดียว หรือผสมผสานสร้างวิถีใหม่ได้อย่างลงตัว ตัวหนังได้ทิ้งไว้ให้เราคิดอย่างน่าสนุก
สัญญะที่ 4.ห้องน้ำของคนอีสาน
เมื่อจาลอดตื่นเช้ามา เขามีความต้องการเข้าห้องน้ำเป็นอย่างมาก
แต่ห้องน้ำบ้านตัวเองเสีย ยายจึงบอกให้เขาไปเข้าห้องน้ำบ้านเพื่อน แต่ห้องน้ำบ้านเพื่อนก็เสีย
สุดท้ายมาลงเอยที่การอาบน้ำด้วยโอ่งและขันอยู่หน้าบ้านตัวเอง
เราจะเห็นว่าห้องน้ำของคนอีสานกับคนเมืองต่างกัน การอาบน้ำของผู้ชายอีสานไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมฉาบปูนดูแข็งทื่อก็ได้
แต่มีฉากหลังอยู่ร่วมกับป่าไม้ธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเปิดกว้าง ดั่งต้องการจะบ่งบอกว่า วิถีของไทบ้านไม่จำเป็นต้องปกปิดบังตัวตนมาก มีความสบายและความเป็นธรรมชาติสูง
สัญญะที่ 5.การช่วยเหลือเกื้อกูล
เมื่อนายป่อง เรียนจบกลับมาจากกรุงเทพฯ เขาขอเงินพ่อที่เป็นผู้ใหญ่บ้านเปิด เซเว่น แต่ทว่าพ่อก็บอกให้ไปทำนาให้ได้ก่อน ถึงจะให้เปิด พร้อมทั้งให้เอาอาหารไปให้ยายจ่อยด้วย
ฉากนี้ต้องการสื่อให้เห็นว่า คนชนบทอยู่อย่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งแตกต่างกับโลกของนายป่อง อันมีลักษณะของคนเมืองขนานแท้
เช่นเรื่องของการทำธุรกิจแข่งขัน รวมทั้งลักษณะของนายป่องก็แสดงออกชัดเจนว่าต้องการจะสื่อถึงภาพของคนเมืองโดยทั่วไป เช่น การพูดจาสุภาพ การไม่แสดงออกเต็มตัวตน การใส่เสื้อเชิ้ตมีปกมีความเรียบร้อยเป็นทางการ พูดภาษากลางเด่นชัดมากจนดูแตกต่างจากตัวละครอื่น
สัญญะที่ 6.กีฬาเอาลูกลงหลุม
ไม่ว่าจะตีกอล์ฟหรือดีดลูกแก้ว
เป้าหลักของเกมนั้นคล้ายกัน
แต่ชนบทใช้มือเล่น ส่วนคนเมืองใช้อุปกรณ์เล่น
สื่อชัดเจนมากว่า ตัวหนังต้องการจะให้เห็นภาพ คนเมืองที่มักพึ่งพาและถนัดเทคโนโลยีมากกว่าชนบท แต่ทว่าการสัมผัสโดยตรง แบบไทบ้าน จะได้อารมณ์ความรู้สึกของธรรมชาติ ที่ไม่เสริมเติมแต่งมากกว่า เรารู้สึกไม่แข็งทื่อกับการใช้นิ้วที่มีความอ่อนนุ่มและผ่อนอ่อนมากกว่า
กระนั้นเมื่อมองมาที่กอล์ฟ ก็ดูเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความรู้มากกว่า ความเข้าใจมากกว่า ซึ่งสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้บอกถึงลักษณะอันแตกต่างของคนที่อยู่ต่างพื้นกันได้โดยนัย
อนึ่ง บทความนี้เป็นบทความที่ผมทำส่งอาจารย์ ในรายวิชา สัญญะวิทยาและการพัฒนาชุมชม ครับ ซึ่งจริง ๆ มีประมาณสิบข้อ แต่กลัวว่าจะยาวน่าเบื่อเกิน เลยรีไรท์ใหม่จนเหลือเท่านี้ครับ
หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้
แล้วท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างกับสัญญะที่อยู่ในภาพยนต์เรื่องนี้ บางท่านอาจจะรู้อยู่แล้ว หรือบางท่านอาจมองข้าม สุดท้ายอย่างไรก็ตามขอให้มีความสนุกกับบทความและภาพยนต์ครับ
2 บันทึก
11
10
3
2
11
10
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย