12 ม.ค. 2020 เวลา 04:50
โม...พระเอกของเรื่อง ผู้ชายที่มีความสุขบนรถ เข็น
พ่อแม่...ผู้พร่ำสอนเสมอว่าเป็นลูกผู้ชายต้องดูแลคนอื่นนะ
เม...พี่สาวที่คอยดูแลโมในทุกเรื่อง
ทวด...แม่ครัวเมนูข้าวขยำปลาทูเลี้ยงโมมาจนโต
ตา...ชายผู้มีความสุขกับการซักผ้าอ้อมให้หลาน
ยาย...เจ้าของสูตรปลาสามรสที่โมบอกว่าไม่มีใครเทียบได้ในปฐพีนี้
น้าชาย น้าสาว...ผู้ให้ฉายากระชากใจโมว่า
"ไอ้สะดือจุ่น"
ครูเจง...ครูศิลปะที่มองข้ามความพิการของโมไปอย่างสิ้นเชิง
บทที่ 1
บทนำ
เมื่อ 26 ปีก่อน เด็กชายโมในวัย 1 ขวบ ร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ แก้มเป็นก้อนกลมๆ นุ่มๆ ปากกระจับสีชมพู ผิวขาวผิดกับบรรพบุรุษในครอบครัว
โมเกิดมาในครอบครัวใหญ่ เป็นหลานคนที่ 2 และเป็นหลานชายคนแรกและคนสุดท้ายของบ้าน โมกับพี่เม อายุห่างกัน 13 ปี โมจึงกลายเป็นศูนย์รวมความสุข ความหรรษาของครอบครัว และเป็นความงอกงามเติบโตเพียงสิ่งเดียวของบ้าน แม้ทุกคนจะรู้ว่าโมจะเติบโตเป็นผู้พิการในอนาคต แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรค แต่เป็นความท้าทายที่เราทุกคนจะต้องเรียนรู้ที่จะช่วยกันดูแลบุคคลที่แสนพิเศษนี้
โมเกิดที่กรุงเทพฯ แต่โตที่ชุมพรจากการเลี้ยงดูของทวด ตายาย น้าๆ และพี่เม เพราะด้วยความเจ็บป่วยของโม พ่อและแม่จึงอยากให้เขาได้อยู่ในที่ที่มีอากาศดี มีคนดูแลใกล้ชิด ส่วนพ่อและแม่ต้องกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ทำงานหาเงินเพื่อเป็นค่าผ่าตัดโม ในวันที่โมอายุ 6 เดือน
ทุกวันที่พี่เมไปเรียน น้าๆ ไปสอนหนังสือ โมจะอยู่กับตายาย ตอนเย็นพี่เมและน้าๆ จะกลับบ้านเร็วกว่าที่เคยเป็นมา เพราะพวกเรามีตุ๊กตาอ้อแอ้รออยู่ที่บ้าน บ้านจะมีแต่เสียงหัวเราะ โมเป็นเด็กอารมณ์ดี แม้ว่าจะโยเยบ่อยครั้งเมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่ไตทั้ง 2 ข้าง แต่เมื่ออาการปวดทุเลาโมจะอ้าปากกว้างหัวเราะเสียงดังจนตาหยี ซึ่งตาหยีๆ คู่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างจากบรรพบุรุษอีกเช่นกัน
โมโตมากับกล้วยน้ำว้าบดฝีมือยาย และตุ๋นผักตำลึงกับตับไก่ฝีมือพี่เม ตั๋นผักตำลึงหม้อแรกต้องเททิ้งทั้งหมด เพราะพี่เมไม่มีประสบการณ์การทำอาหารสำหรับเด็ก แต่รสชาติอาหารทุกเมนูค่อยๆ พัฒนาขึ้นจนอร่อยล้ำเช่นปัจจุบัน (แต่โมมักคิดสวนทางกับพี่เมเสมอ 555)
ตาของโมเป็นอดีตนายดาบ ตาจะรับหน้าที่อุ้มกล่อมโมนอน ไกวเปล ซักเสื้อผ้า ผ้าอ้อม ชายวัยกลังเกษียณนุ่งกางเกงขาสั้นไม่สวมเสื้อ หนังย่นๆ ตามวัย นั่งเก้าอี้เตี้ยๆ ขยี้ผ้าอ้อมในกะละมังใบโต ตานั่งผิวปาก บ้างร้องเพลงของคุณก้าน แก้วสุพรรณ คงไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ตามีความสุขเท่ากับกลิ่นฉี่และอุนจิที่ติดมากับเสื้อผ้าของโม
ยายรับหน้าที่ดูแลโมต่อจากตา ยายตัดผมสั้นดัดลอน นุ่งผ้าถุง สวมเสื้อเชิ้ตคอปก ภาพยายคือยืนอุ้มโมไว้ในอก โยกตัวไปมาเข้าจังหวะเพลงแม่กาเหว่า...และแล้วบ้านจึงมีเสียงเพลงประสานของก้าน แก้วสุพรรณ และแม่กาเหว่าเอย...ไม่มีความประสานลงตัวแต่โมคงเข้าใจ...
ในวันนั้น ทุกคนในบ้านไม่มีภาพเลยว่าโมจะพิการแบบไหน จะต้องดูแลโมอย่างไร โมจะโตมาเป็นอย่างไร มันเป็นความท้าทายในอนาคต ทุกคนทำได้เพียงถมความรักลงไปให้โมอย่างสุดกำลัง เพราะทุกคนเชื่อว่า ภายใต้ร่างกายที่ไม่สมบูณ์นี้โมจะสมบูรณ์ไปด้วยความสุขและความเข้มแข็งทางจิตใจ...และความรักในวันนั้นจึงหลอมให้โมเป็นผู้ชายที่มีความสุขบนรถเข็นในวันนี้
ความสนุกและความท้าทายเกี่ยวกับโมยังมีอีกมาก...ไว้จะมาเล่าให้อ่านทุกวันอาทิตย์นะคะ ^^
โฆษณา