มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ
ช่วงที่ 10
ไม่พลาดลูกกระสุนของปู่ พุ่งเข้าเจาะที่หัวของมัน พร้อมกันนั้นปู่ได้เรียกให้ไอ้ชาติมาหาแก พร้อมทั้งบอกให้ไอ้ชาติยิงปืนของมันซ้ำเข้าไปอีก ซึ่งไอ้ชาติก็ไม่ขัดขืนคำสั่งของแก รัวปืนแม๊กกาซีนลงไปที่ร่างนั้นจนหมดแม๊ก เสียงปืนที่ดังไปทั่วทั้งป่าก็สงบลง ร่างๆนั้นนอนนิ่งไปสนิท ไม่มีแม้แต่ลมหายใจ เพราะไอ้ชาติมันสาดกระสุนลงไปตั้งแต่หัวยันลำตัว และผมก็ได้เดินออกมาดู ร่ายที่ล้มลงทั้งยืนนั้น ไม่ใช่ตัวอะไรเลย แต่มันคือหมีควาย สีดำ ตัวใหญ่ น้ำลายฟูมปาก หน้าตามันช่างน่ากลัวเหลือเกิน เล็บที่ยาวดั่งคมขอ หากใครโดนเข้าไป ผมไม่อยากจะนึกภาพเลย ว่าจะเป็นเช่นไร หลังจากเหตุการณ์อันระทึก ได้จบลงไป พวกที่เราก็พากันกรูเข้ามาดู ร่างหมีควายอันมหึมา ซึ่งทุกคนต่างตกใจ และมองหน้ากันและกัน ปู่ผมบอก ดีนะที่พวกคุณไม่เป็นอะไร ผมบอกแล้วว่าป่านี้มันอันตราย ไม่อยากให้อยู่นาน เวลาจะไปไหน ให้อยู่ใกล้ผมไว้ คืนนี้เสือมันมากินซากหมีตัวนี้แน่ ดีเหมือนกัน จะได้ล่อให้มันมาทางนี้ไว้ ไม่ให้ไปทางพวกเรา มันคงจะอิ่มไปหลายวัน
ซึ่งเพื่อนไอ้ชาติเองมันก็สะกิดไอ้ชาติและพูดกันเบาๆ ชาติๆ มึงไม่เอาเนื้อกับอุ้งตีนมันไปหน่อยว่ะ เขาว่าของดี ราคาหลายตังค์เลยนะมึง ไอ้ชาติมันจึงบอกกลับไปว่า มึงจะเอาไปทำไม น้ำแข็งจะแช่ยังไม่มีเลย เอาไปก็เน่าทิ้งเสียปล่าวๆ อีกอย่างเราไม่ได้มาเอาของพวกนี้ ของที่เราจะไปเอามันมีค่ามากกว่านี้ มึงอย่าเสียเวลาเลย ไอ้ชาติมันบอกกับเพื่อนของมันไปเบาๆ หลังจากนั้นชาติก็เปลี่ยนแม๊กกาซีนของมัน ทิ้งปลอกลูกปืนไว้ข้างๆซากหมียักษ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้า และหันมาคุยกับปู่ของผม จะเอายังไงดีลุง
ปู่ผมจึงบอกว่า ทิ้งไว้อย่างนี้ล่ะ ไว้ล่อพวกเสือให้มันมาอยู่ทางนี้ จะได้ไม่ต้องไปรบกวนพวกเรา คงจะอิ่มไปหลายวัน พอที่เราจะมีเวลาสำรวจป่าจนแล้วเสร็จ ว่าแล้ว ปู่ก็บอกพวกเราให้กลับจุดพักแรมก่อนที่จะค่ำมืด หลังจากที่กลับมา สิ่งแรกที่พบเห็นคือไอ้กลวิ่งมาหาทางพวกผม พร้อมกับถามว่ามีอะไรกัน ผมได้ยินเสียงปืน ห่วงแทบแย่ ถ้ากลับมาช้ากว่านี้ ผมว่าจะออกไปตามหา ว่าแล้วปู่ก็บอกไอ้กลออกไป ว่าไม่มีอะไรโดนหมีควายวิ่งไล่ ยิงมันตายไปแล้ว หลังจากที่สนทนากันไปสักพักแล้ว ต่างคนก็ต่างหาที่พักผ่อนหย่อนใจ คลายความตรึงเครียด นั่งสนทนากันเงียบๆ ซึ่งวงของชาติเองก็ไม่พ้นที่จะดื่มเหล้ากัน ตามประสาวัยรุ่นที่ยังคงคึกคะนองอยู่ ปู่ผมจึงบอกไอ้กลไปว่า ให้เอาเนื้อแดดเดียวมาย่าง อุ่นไฟ ตัดกระบอกไม้ไผ่มาหุงข้าว จะได้กินข้าวขึ้นห้างพักผ่อนกันต่อไป ว่าแล้วราตรีอันมืดมิดก็เริ่มคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ พระอาทิตย์สาดแสงสีส้มส่งส่งญาณ เวลากลางคืนจะเริ่มมาถึงแล้ว ช่วงนั้นยังไม่เกิน สองทุ่มปู่ผมก็สั่งให้พวกผมทั้งหมดขึ้นห้าง โดยที่ไอ้กลมันก็เอาเชือกมัดหมาอี่แดงลักษณะเหมือนคนอุ้มลูก ซึ่งหมาอี่แดงมันก็ไม่ได้ขักขืนอะไร เพราะตัวมันเองขึ้นนั่งห้างกับปู่บ่อยกว่าผมเสียอีก หลังจากที่ขึ้นนั่งห้างการสนทนาของพวกเราก็เงียบเสียงลง คงเหลือเพียงการพูดคุยกันเบาๆ ลุงๆ ลุงคิดว่าคืนนี้จะมีอะไรอีกใหม ไอ้ชาติถามปู่ผมออกมาเบาๆ ปู่ผมก็ตอบไปสั้นๆ มีอยู่แล้ว เตรียมตัวคุณไว้ให้พร้อม พักผ่อนหัวค่ำเสียก่อน เอาแรงไว้ คืนนี้หนักแน่ ปืนที่พวกคุณเอามาเตรียมให้พร้อม หัวค่ำผมจะให้ไอ้กลเฝ้ายามไว้ให้ก่อน พวกเราพักผ่อนเสีย คืนนี้ถ้าผมคาดไม่ผิด พวกเราจะเจอของดีแน่ สิ้นเสียงปู่ที่พูดตอบกลับมา ไอ้ชาติและพรรคพวกของมันต่างมองหน้ากัน ในมือพากันขัดถูปืนและเตรียมความพร้อมของปืนที่พวกมาเตรียมมา ซึ่งพวกมันก็พูดกันเบาๆ คืนนี้ไม่ว่ามันจะเป็นัวอะไร ถ้ามันขึ้นห้างมาได้กูจะยิงแบบไม่เลี้ยงเลยมึง สิ้นเสียงการสนทนาที่มีแต่ความเครียดอยู่ภายในจิตใจลึกๆของทุกคน ซึ่งไม่รู้ว่าคืนนี้จะได้เจออะไร ทุกคนต่างข่มตาหลับเอาแรงไว้ตั้งแต่หัวค่ำ ค่ำคืนอันมืดมิดมันบดบังสิ่งซ่อนเร้น อำพรางความโหดร้าย ไว้ทั้งหมด ผมเดาได้เลย ไม่มีใครหลับแน่นอน เต็มที่ก็หลับๆตื่นๆ เพราะต้องระแวงตัวกันตลอดเวลา ในมือทุกคนกำปืนอาวุทธคู่ใจแน่น มีเพียงแต่ผมที่ไม่มีอะไร นอกจากมีดสั้นและหนังสติ๊กที่เด็กๆพอจะมีติดตัว ค่ำคืนที่มืดมิดสายตาของทุกคนต่างปรับแสงได้และพอจะมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องล่างบ้าง เวลานาทีผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ สายลมของคืนนั้นไม่มีพัดเข้ามาในป่าอาถรรพ์นี้เลย มีแต่เสียงนกฮูกที่ร้องออกมา อย่างน่ากลัวเข้าไปในจิตใจ หูและการได้ยินของแต่ละคน ต่างฟังเสียงต่างๆ บรรยากาศยามนี้ แม้แต่การขยับตัวเล็กน้อยก็รู้สึกได้แม้แต่เสียงสัตว์ป่าขยับเท้าเหยีบใบไม้ ก็ยังได้ยินเลย น้ำค้างต่างลงมาตลอดเวลา แต่ละคนมีเพียงหมวกที่คอยป้องกันน้ำค้าง เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึง เปื้อนดำไปหมด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาในการเดินป่า การสำรวจและออกไปอย่างมีชีวิตนั่นต่างหากที่สำคัญ ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งตาพงษ์นั่งอยู่หน้าบ้าน เสียงปืนที่ดังก้องไปทั่วป่าตั้งแต่ช่วงบ่ายมันทำให้แกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เป็นห่วงพวกผม หลังจากแกนั่งคิดอยู่สักพักแกก็เอ่ยปากออกมากับเมียแก อี่ปิ่นมึงเตรียมเสบียงเข้าป่าให้กูที กูจะออกไปตามพวกที่สำรวจเสียหน่อย กูเป็นห่วงพวกมันจริงๆ ไม่รู้ว่าพี่กูเป็นอย่างๆไรบ้าง มึงอยู่นี่ห้ามทิ้งบ้าน เฝ้าบ้านไว้เผื่อมีใครมาที่บ้าน จะได้รู้ และอีกอย่างมึงห้ามเข้าไปกินเหล้าในหมู่บ้านอีกนะ ถ้ากูรู้กูเอามึงตายแน่ จ๊ะพี่ เสียงยายปิ่นเมียรักของตาพงษ์ตอบออกมา พี่จะเข้าไปประมาณกี่วัน จะได้เตรียมข้าวของไปถูก ยายปิ่นถามออกมา สองสามวันมึงเตรียมมาให้กูเลย ตางพงษ์บอกออกไป สิ้นเสียงที่ตาพงษ์สั่งให้เตรียมของ แกก็หยิบปืนเแก๊บของแกมาทำความสะอาด เช็คความพร้อมก่อนที่จะเข้าป่า ลูกปืนดินปืน แก๊บ แกเตรียมของแกไว้ หลังจากที่ตาพงษ์เตรียมของพร้อมเสร็จแล้ว ยายปิ่นก็เอาเสบียงใส่เป้มาให้ตาพงษ์ซึ่งเป้นั้นก็เป็นกระเป๋าเป้ที่ลูกแกใช้สะพายไปเรียนนั่นเองซึ่งตอนนี้เรียนจบไปทำงานในเมืองกันหมดแล้ว อย่าลืมที่กูบอกนะ เฝ้าบ้านห้ามไปไหน กลับมากูไม่เจอมึง หรือเจอมึงเมา มึงโดนส้นเท้ากูแน่ ตาพงษ์พูดบอกเมียออกไป หลังจากที่ตาพงษ์เดินเข้าป่าไป ยายปิ่นก็ทำนิสัยเดิม รีบเข้าบ้านไปเอาเงินและเดินมาที่หมู่บ้าน จุดหมายคงจะเดาได้อยู่แล้ว ไม่พ้นร้านค้ายายหวั่นแน่นอน ที่นั่นที่เดียวที่ยายปิ่นไปซื้อเหล้ากิน มิหนำซ้ำหากไม่มีเงินก็ยังเซ็นต์กินได้ ซึ่งทุกครั้งที่ตาพงษ์มาค้าค้าร้านนี้ จะต้องมาชำระหนี้ให้เมียแกตลอด หลังจากที่ยายปิ่นมาถึงร้านค้า ยายหวั่นเจ้าของร้านก็ทักมาทันที เหมือนเดิมใช่ใหมอี่ปิ่น แกจึงตอบออกมา เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่กั๊กวันนี้เป็นขวด มึงไม่กลัวผัวมึงเตะหรือไงอี่ปิ่น ไม่กลัว ผัวไม่อยู่ยายปิ่นตอบออกไป แล้วไอ้พงษมันไปไหนล่ะ ยายหวั่นถาม
มันเข้าป่าไปตามพวกสำรวจ สิ้นเสียงการสนทนาระหว่างยายหวั่นกับยายปิ่น ผู้คนที่มาซื้อของและนั่งกินเหล้าที่ร้าน ก่อนหน้าที่ยายปิ่นจะมาถึง ก็ต่างพากันเงียบ รอฟังยายปิ่นว่าจะพูดอะไรต่อไป ซึ่งทุกคนก็ต่างอยากรู้เรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว มันเป็นยังไงล่ะผัวมึงถึงได้ไปตามพวกสำรวจ ยายหวั่นถามออกไป ไม่ต้องถามมากหรอก จัดมาให้ก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง เอ้อๆอี่นี่ ยายหวั่นพูดบ่นออกไป เอา เอาไป กินซะ แล้วรีบเล่ามา ยายหวั่นบอกออกไป หลังจากที่ยายปิ่นกะดกเหล้าขาวเต็มแก้วลงไปในคอ การขี้โม้ก็เริ่มขึ้น ฉันได้ยินเสียงปืนผัวฉันก็ได้ยิน หลายนัดด้วยนะ ไม่ใช่นัดเดียว พวกมันจะต้องยิงอะไรกันแน่นอน ผัวฉันเป็นห่วง จึงได้ออกไปตาม เพราะพวกนี้ผัวฉันบอกว่าไม่ค่อยจะไว้ใจพวกมันซักเท่าไหร่ เหล้าเข้าปากความยากไม่มี ตอนนี้ยายปิ่นปากสว่างสิ้น เพราะฤทธิ์เหล้าที่กินเข้าไป ยิ่งยายปิ่นพูดออกมาอย่างนั้น ผู้คนที่อยู่ในร้านต่างให้ความสนใจมากขึ้น หูคอยฟังสิ่งที่ยายปิ่นจะเล่าออกมา ยายหวั่นจึงพูดออกไป แล้วมึงว่าพวกมันจะเข้าไปเอาสมบัติที่อยู่ในถ้ำหรือปล่าวว่ะ พวกเราอยู่กันมานานก็รู้ๆอยู่ในนั้นมันมีสมบัติเยอะ อีกทั้งภูเขาทองที่อยู่ใกล้ๆมันก็มีคนเคยได้ทองมาแล้ว
ยิ่งผัวมึงบอกว่าไม่ค่อยจะไว้ใจพวกมัน กูว่าพวกนี้มันไม่ได้มาสำรวจแน่ มันต้องมาหาสมบัติชัดๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผัวฉันออกไปตามพวกนั้นแล้ว
เสียงโจทย์ขานว่ามีคนจะเข้าไปเอาสมบัติดังเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งก็ไม่พ้นหูของผู้ใหญ่ก่ำ ผู้ใหญ่ได้ยินอย่างนั้นจึงรีบออกไปหายายปิ่นที่ร้านค้า เสียงข่าวลือของชาวบ้านนี้มันช่างไวเสียจริง ไม่ถึงสิบนาที ชาวบ้านทั้งหมด พร้อมผู้ใหญ่บ้านก็รู้เรื่องราวที่ยายปิ่นมาขี้โม้ที่ร้านค้า แต่กลับไม่ใช่ผู้ใหญ่คนเดียวที่มาหายายปิ่น ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็ตามมากับผู้ใหญ่เช่นกัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นชองขาวบ้าน ทันทีที่ผู้ใหญ่มาถึงร้านค้าแกก็ตรงไปที่ยายปิ่นพร้อมทั้งถามยายปิ่นออกมา อี่ปิ่นกูได้ยินมาว่าผัวมึงออกไปตามหาพวกสำรวจหรือว่ะ ผู้ใหญ่ถามออกไปด้วยความรีบร้อน ยายปิ่นจึงตอบกลับไปว่า แม้ ไวจริงๆเลยนะผู้ใหญ่ ฉันมานั่งยังไม่พอสิบนาที ยกโขยงกันมาเลยหรือไง ชักสนุกแล้วซิ มัวแต่พูดอยู่นั่นล่ะ มีอะไรก็รีบบอกกูมาอี่ปิ่น ผู้ใหญ่ตอบออกมา ผู้ใหญ่ต้องเลี้ยงเหล้าฉันนะ ยายปิ่นพูดออกไป เอ้อ มึงจะกินซักเท่าไหร่ว่ะอี่ปิ่น ลงบัญชีกูเลย อี่หวั่นมันจะกินเท่าไหร่ลงบัญชีกู เดี๋ยวกูมาจ่ายให้ ว่าแล้วอี่ปิ่นก็เริ่มเล่าเรื่องบอกผู้ใหญ่ คือฉันก็ไม่รู้อะไมามากหรอกผู้ใหญ่ รู้แต่ว่าไอ้พงษ์ผัวฉันมันเข้าป่าไปตามหาพวกสำรวจ เพราะมันได้ยินเสียงปืน เลยเป็นห่วง และอีกอย่างไอ้พงษ์มันบอกฉันว่าไม่ไว้ใจพวกสำรวจ กลัวพวกมันจะเข้าไปเอาสมบัติในถ้ำและทองคำที่อยู่ในภูเขาทอง ฮ้า ผู้ใหญ่ตกใจออกไป...เฮ้ย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่ซิว่ะ ไหนมันบอกกูว่าจะมาสำรวจเพื่อสร้างมหาลัย ทำไมพวกมันถึงเป็นคนเช่นนั้นได้
อย่าพึ่งสรุปไปผู้ใหญ่ ยายปิ่นบอก มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดกันก็ได้ พวกมันคงจะเจอสัตว์ป่าจึงต้องยิงป้องกันตัว ผัวฉันเป็นห่วงพวกมัน จึงออกไปตามพวกมัน ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะว่ะ ผู้ใหญ่พูดออกมาพร้อมถอนหายใจอย่างคนคิดมาก เรื่องที่คุยกันในร้านค้านี้เป็นที่โจทย์จันกันไปทั่วในหมู่บ้าน ซึ่งทุกคนต่างรอฟังข่าวพวกที่ไปเข้าในป่าทุกวัน หลังจากที่ผู้ใหญ่สนทนากับยายปิ่นที่ร้านค้าเสร็จ ผู้ใหญ่ก็ขอตัวกลับมาที่บ้าน เพื่อทำธุระบางอย่าง และยายปิ่นก็นั่งกินเหล้าเที่ยวเล่าเรื่องนี้ที่ชาวบ้านมาซื้อของที่ร้านค้าให้ฟัง ซึ่งทุกคนก็ต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ผู้ใหญ่กลับมาที่บ้านดูแกกังวลกลับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มาก แกจึงตัดสินใจเขียนจดหมายกลับไปที่มหาลัยเพื่อไถ่ถามถึงเรื่องที่ส่งนักศึกษามาสำรวจ ซึ่งคงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะได้คำตอบ แต่นั่นก็เป็นหนทางเดียวที่ได้คำตอบ ดีกว่านั่งเฉยๆไม่ทำอะไรเลย ข้ามมาที่พวกผมที่อยู่ในป่า ค่ำคืนอันหฤโหดกำลังคืบคลานเข้ามา ทุกคนต่างเตรียมพร้อมรับมือกันอย่างเต็มที พระจันทร์สาดแสงลงมาที่ป่า ผมชำเลืองนาฬิกาของปู่ซึ่งมีพรายน้ำอยู่ด้านใน ซึ่งพอจะรู้ว่าตอนนี้เวลาตีหนึ่งแล้ว เสียงทุกอย่างเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งหรีด และเหตุการณ์ที่เราคาดไว้มันก็เกิดขึ้นจนได้ ปู่ผมเริ่มสะกิดทุกคน เพราะตอนนี้มีสิ่งผิดปกติ เสียงตัวอะไรสักตัว กำลังลากอะไรบางอย่างมาที่ต้นไม้ที่เรานั่งห้าง ไม่ผิดมันคือเสือสองตัวกำลังลากซาก ซึ่งซากนั้นผมดูไม่ผิดแน่นอนแม้จะมองไม่ค่อยเห็น มันคือซากหมีควายที่ถูกพวกเรายิงตายไปเมื่อตอนบ่าย ซากของมันถูกลากมาเป็นชิ้นๆ ที่ผมรู้ไม่ใช่อะไร เพราะผมเห็นซากส่วนบนนั่นคือส่วนหัวของมัน และมือของมัน ซึ่งผมจำได้ไม่ผิดแน่ หลังจากที่ทุกคนจ้องมองมาที่เสือสองตัวนี้ตลอดเวลา เสือสองตัวมันวางซากที่มันลากมาไว้ตรงที่เรานั่งกินข้าวกัน มันเชิดหน้าขึ้นพร้อมทำท่าสูดดมอากาศ พร้อมทั้งร้องออกมาทั้งสองตัวมัน ทั้งเสียงร้องเสียงคำราม ฉับพลันลมก็พัดกระโชกมา ท้องฟ้าที่พอที่จะสว่างด้วยแสงพระจันทร์บัดนี้ ถูกเมฆบดบังมืดสนิท ทิ้งสายตาพวกเราให้มองเห็นแค่เงาดำๆเท่านั้น หลังจากนั้นทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาที่มองลงไป ผมเองนี่แทบเยี่ยวราดออกมา ร่างที่เราเห็นว่าเป็นเสือสองตัว ตอนนี้มันไม่ใช่เสือแล้ว ร่างนั้นมันกลายเป็นคนผู้หญิงกับผู้ชาย ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ และยังมีหางอยู่ที่ด้านหลัง ที่รู้ไม่ใช่อะไร เพราะผู้หญิงนั้นผมยาว ผู้ชายผมสั้นมองลงมาไม่เห็นหน้า มันทั้งสองนั่งกินซากหมีที่ตาย โดยไม่พูดอะไร ในตอนนี้ทุกคนต่างมองลงมาไปที่ร่างของทั่งสองคนนั้น โดยไม่คลาดสายตาเลย ฉับพลันเสียงกรีดร้องของผู้หญิงเสียงเดิมก็ดังขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้มันไม่ได้ดังที่ไกลๆ เสียงนั้นมันเดินทางมาหาเรา อย่างกับรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนของป่า ร่างชายหญิงทั้งสองคนหลังจากที่ได้ยินเสียงกรีดร้องก็พากันมองมาที่เรา หมาอี่แดงจากที่เคยเห่าสู้ทุกรูปแบบตอนนี้มันมุดเข้าไปในซอกไม้บนห้าง ไม่หันหน้ามาเห่าอย่างที่มันเคยเป็น และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชายหญิงสองคนนั้นมองมาที่เราพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ มันทั้งสองวิ่งมาที่ต้นไม้ที่เรานั่งห้าง พร้อมกันมันเริ่มปีนต้นไม้เพื่อมาหาเรา ปู่เห็นท่าไม่ดี จึงตะโกนออกไป
มันรู้ที่อยู่เราแล้ว ยิงมันเลย อย่าให้มันขึ้นมาได้ สิ้นเสียงที่ปูสั่ง เสียงปืนไม่รู้ของใครเป็นของใคร สาดลงมาที่ร่างของชายหญิงคู่นั้น จนมันตกลงมาจากต้นไม้ที่มันกำลังปีนขึ้นมา แต่นั่นมันก็ไม่สามารถหยุดความพยายามของพวกมันได้ ปู่ของผมจึงนำลูกปืนออกมาจากย่ามพร้อมทั้งยกมือไหว้และท่องคาถาอะไรบางอย่าง อย่างเร่งรีบ พร้อมกันใส่ลูกปืนเข้าไป บรรจงเล็งปากกระบอกลงมาที่ร่างปีศาจชายหญิงคู่นั้น เปรี้ยงเสียงปืนของปู่ร้องคำรามออกมา พร้อมทั้งเสียงร้องของคนที่ถูกยิงด้วยอาการที่โหยหวน ร่างทั้งสองวิ่งเข้าป่า ทิ้งไว้แต่เลือดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ในเวลานั้นไม่มีใครกล้าลงมาดูเพราะมันมีแต่ความมืดสนิท
เพจนิยายอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ
Fb.Ters kangkhoi
อัตราค่าบริการเข้ากลุ่ม vip ตามนี้ครับ
1.มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ ภาค 1 ภูจำปา ดงละคร ดงแห่งอาถรรพ์ แถม ภาค 2 เพชรพระศิวะ
100 บาทอ่านได้จนจบครับ
2.มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ ภาค 3
บัวหิมะพระมาลัย
100 บาทอ่านได้จนจบครับ
3.เรือนนฤทธิ์ตา
50 บาทบาทอ่านได้จนจบครับ
4.ดงสมิงไฟ เรื่องใหม่ล่าสุด 100 บาท
อ่านได้จนจบครับ
ทั้งหมดจ่ายครั้งเดียวอ่านได้จนจบ
ขั้นตอนการเข้ากลุ่ม vip ครับ
1. ชำระค่าสมาชิก ตามที่ท่านสมาชิกอยากจะอ่าน มาที่บัญชีธนาคารกสิกร
เลขที่ 5072226420
ชื่อบัญชีนายสมยศ ธรรมวิเศษ
พร้อมเพย์ เบอร์ 0933187983
2. แอดมาเป็นเพื่อนผมที่เฟช
Ters kangkhoi ครับ ส่งหลักฐานการโอนมาที่แชทครับ เสร็จแล้ว ผมจะดึงเข้ากลุ่มให้ครับ
ขอบคุณที่สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้กันครับ ขอบคุณทุกการติดตามครับ
คำเตือน
ขอสงวนลิขสิทธิ์ สำหรับนิยายเรื่องนี้
หากผู้ใดนำไปเผยแพร่ แก้ไข โดยไม่รับอนุญาตจากข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าเองพบเห็น จะดำเนินคดีความให้ถึงที่สุด และจะไม่มีการยอมความใดๆทั้งสิ้น ก่อนจะทำคิดให้ดีก่อนนะครับ