จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกใต้อุทยานแห่งชาติYellowstone เกิดระเบิดขึ้น !!!!
🌪🌪 สำหรับหลายคนที่ติดตามข่าวภัยพิบัติในต่างประเทศแล้ว ข่าวภูเขาไฟตาอัลระเบิดก็เป็นกระแสน่าติดตามไม่น้อย เนื่องจากมันเป็นภูเขาไฟที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศฟิลิปปินส์และเล็กที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ในเกาะลูซอนทางตอนใต้ โดยเพิ่งเริ่มปะทุในไม่กี่วันที่ผ่านมาและส่งเถ้าควันขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงถึง 10-15 กิโลเมตรจากปล่องภูเขาไฟ
🔥🔥ทำให้เถ้าภูเขาไฟปกคลุมทั่วทั้งเกาะลูซอน จนรัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องประกาศเตือนภัยระดับสูงมีการสั่งปิดสนามบินและสถานที่ราชการหลายแห่งรอบๆเมืองหลวงอย่างกรุงมะนิลาอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าเหตุการณ์จะสงบลง โดยภูเขาไฟตาอัลเคยระเบิดมาแล้ว 33 ครั้งนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1572 จนถึงปัจจุบัน โดยระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อ 43 ปีก่อนในปี ค.ศ.1977 เหตุการณ์นี้สร้างความโกลาหลให้ประชาชนโดยรอบภูเขาไฟพอสมควร แม้มันจะเป็นภูเขาไฟขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เราก็รู้ว่าแค่นี้มันก็สร้างภัยพิบัติที่น่าวิตกแค่ไหน
ภูเขาไฟตาอัลระเบิดครั้งแรกในรอบ 43 ปีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องสั่งอพยพประชาชนกว่า 200,000 คนรอบเกาะลูซอน และสั่งปิดสนามบินและสถานที่ราชการอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะสงบ Cr. FB.Money360
🌊🌊 คำถามคือแล้วถ้าภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Super-volcano ซึ่งตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน (Yellowstone National Park) ในรัฐไวโอมิง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาเกิดระเบิดขึ้นในวันนี้ มันจะทำให้เกิดภัยพิบัติที่ร้ายแรงแค่ไหน!!!!
🌎🌎หลายคุณอาจจะไม่ทราบว่าภายใต้น้ำพุร้อนและกีเซอร์ที่สวยงามของเยลโลสโตนมันคือหนึ่งในกลุ่มภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นจุดศูนย์รวมความร้อน (hotspot) จากโพรงลาวาขนาดใหญ่ใต้เขตอุทยานซึ่งได้รับความร้อนจากชั้นลาวาที่ไหลเวียนอยู่ในชั้นเมนเทิลใต้ผิวโลกลึกลงไปหลายสิบกิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นระเบิดเวลาที่ค่อยวันประทุอย่างแท้จริง
🌋🌋สาเหตุที่ในปัจจุบันเรามองไม่เห็นรูปกรวยปากปล่องภูเขาไฟขนาดยักษ์นี้เนื่องมาจากการระเบิดครั้งมโหฬารที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อราว 640,000 ปีก่อนได้ทำให้ปากปล่องถล่มลงมาเหลือเพียงแค่แคลดีร่า (caldera: แอ่งภูเขาไฟขนาดใหญ่รูปกระจาด) ซึ่งปัจจุบันมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 72 กิโลเมตรหรือราวๆ 45 ไมล์เลยทีเดียว โดยจากการประเมินของนักวิทยาศาสตร์จาก United States Geological Survey (USGS) ประเมินว่าด้วยปริมาณลาวาที่อยู่ใต้โพรงภูเขาไฟก็มีปริมาตรมากกว่า 1,000 ลูกบากศ์กิโลเมตรแล้ว หากใช้น้ำจากน้ำตก Niagara Falls ทั้งหมดเติมให้เต็มโพรงนี้ยังต้องใช้เวลาเป็น 100 ปีกว่าจะเสร็จ นั่นบ่งบอกถึงขนาดอันมหึมาของมัน
โพรงลาวาขนาดใหญ่ของ Supervolcanos ภายใต้ อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน (Yellowstone National Park) ในรัฐไวโอมิง จัดเป็นกลุ่มภูเขาไฟเดี่ยวๆที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปัจจุบันมีจุดศูนย์รวมความร้อน (hotspot) ที่ยังคงมีกิจกรรมอยู่สองจุด โดยมีการประทุครั้งล่าสุดเมื่อ 70,000 ปีก่อน ทำให้ลาวาแผ่ขยายขนาดพอๆกรุงวอชิงตัน ดีซี และหนามากกว่า 100 ฟุต (30 เมตร) รอบจุดปะทุ Cr.https://www.iflscience.com/environment/this-is-what-would-happen-to-the-world-if-the-yellowstone-supervolcano-erupted-today/all/
🌄🌄 แม้ปัจจุบันมันภูเขาไฟในเยลโลว์สโตนเหล่านี้จะดูสงบแต่ในอดีตมันเคยประทุครั้งใหญ่มาแล้วถึงสามครั้งคือทุกๆในรอบราว 660,000-800,000 ปีหรือเมื่อ 2.1 ล้านปีก่อน 1.3 ล้านปีก่อนและ 640,000 ปีก่อนตามลำดับ คำถามคือมันมีโอกาสประทุขึ้นอีกหรือไม่ในอนาคตอันใกล้นี้!!! ตำตอบคือมีแน่นอนแต่นักวิทย์ต่างยืนยันว่าแม้จะรู้ว่ามันต้องประทุขึ้นสักวัน แต่พวกเขาไม่ทราบช่วงเวลาที่แน่ชัด เพราะปัจจุบันมันยังไม่ส่งสัญญาณถึงการประทุแต่อย่างใด
🎇🎇 ถ้าสมมุติว่ามันประทุในวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!!! นักวิทย์จาก USGS กล่าวว่าหากมันประทุจริงๆ อันดับแรกคือมันจะเริ่มส่งสัญญาณรอบๆก่อน โดยผืนดินบางส่วนจะเริ่มยุบตัวและมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำพุร้อนและกีเซอร์บางส่วนจะเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นกรดมากขึ้น จนในที่สุดมันจะประทุและส่งเถ้าภูเขาไฟขึ้นสู่บรรยากาศชั้น stratosphere ด้วยความสูงถึง 25 กิโลเมตร และหลังจากปากปล่องบางส่วนเริ่มพังทลายลงมามันจะเริ่มพ้นเถ้าไหลภูเขาไฟ (pyroclastic flows) ออกมารอบๆจุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
🎆🎆ความน่ากลัวของเถ้าไหลภูเขาไฟเหล่านี้คือมันประกอบด้วยหินหลอมเหลวและแก๊สร้อนที่อุณหภูมิสูงถึง 1,000°C (ราวๆ 1,832°F) และทำความเร็วได้สูงถึง 482 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การศึกษาล่าสุดบ่งชี้ว่าสาเหตุที่ทำให้เถ้าภูเขาไฟไหลเร็วขนาดนั้นเพราะที่ชั้นฐานของประทุจแผ่แก๊สร้อนออกมาก่อนซึ่งเรียงเป็นชั้นบางๆช่วยลดแรงเสียดทานทำให้หินร้อนไหลเร็วขึ้นมากนั่นเอง ความน่ากล้วอีกอย่างคือเถ้าเหล่านี้จะทำให้อากาศโดยรอบมันอุณหภูมิสูงขึ้นได้ถึง 300°C นั่นมากพอจะแผดเผ่าและฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่สัมผัสมันทันที ในทางทฤษฎีแล้วเถ้าภูเขาไฟเหล่านี้สามารถก่อตัวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตรจากพื้นที่รอบปากปล่อง
📉📉 คำถามคือการระเบิดของมันจะทำให้สหรัฐอเมริกาสูญเสียขนาดไหน แน่นอนว่าพื้นที่ปากปล่องบริเวณมลรัฐ Montana, Idaho และ Wyoming ที่อยู่รอบๆเยลโลว์สโตนจะเสียหายอย่าสิ้นเชิงจากลาวาร้อนและเถ้าภูเขาไฟที่ปกคลุมหนาแน่นซึ่งอาจสูงมากกว่า 10 เมตร แล้วพื้นที่รอบๆทั่วภาคพื้นทวีปต่างได้รับผลกระทบจากเถ้าอย่างหนักเช่นกัน โดยจากการประเมินอาจมีเถ้าปกคลุมหนาประมาณตั้งแต่ 3-1,000 มิลลิเมตรตามแนวรอบๆจุดศูนย์กลาง
แสดงแนวเขตและความหนาของเถ้าภูเขาไฟตามหัวเมืองสำคัญที่ประเมินตามแบบจำลองของ USGS ในพื้นที่อเมริกาเหนือหากเกิดการระเบิดของ Super-volcanoใน อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน อ้างอิงจาก Mastin et al. 2014/USGS
☢️☢️ ลาก่อนโลกอันโหดร้าย? ปัญหาเถ้าภูเขาไฟปกคลุมยังไม่ใช่ที่สุดของภัยพิบัติเพราะสิ่งที่ตามหลังมาจากนั้นต่างหาก!!! เถ้าภูเขาไฟที่ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศที่อุดมไปด้วยซัลเฟอร์ซึ่งเป็นตัวสะท้อนแสงอาทิตย์อย่างดีจะทำให้อุณหภูมิของชั้นบรรยากาศทั่วโลกลดลงอย่างฮวบอาบหลายองศาทันที ท้องฟ้าทั่วโลกจะมืดมิดเป็นเวลานานและหลายปีต่อจากนั้นโลกจะไม่มีฤดูร้อนอีกต่อไป!! จนกว่าเถ้าพวกนี้จะหายไปซึ่งอาจใช้เวลาหลายสิบปี
💭💭นอกจากนี้เถ้าภูเขาไฟปริมาณมหาศาลเหล่านี้จะทำให้มรสุมของโลกผันแปรอย่างรุนแรงจนคาดเดาไม่ได้ โดยเฉพาะวัฎจักรอากาศในเขตร้อนจะได้รับผลกระทบหนักสุดและมันอาจเร่งให้เกิดการแพร่ของโรคระบาดทางน้ำมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแสงอาทิตย์ถูกบดบังอย่างหนาแน่น
การปกคลุมของเถ้าภูเขาไฟจากการระเบิดจะทำให้อุตสาหกรรมการเกษตรทั่วโลกล่มสลายเป็นเวลาหลายสิบปีส่งผลให้ทั่วโลกขาดแคลนอาหารอย่างหนัก อ้างอิงจาก Cathy/Flickr; CC BY-NC 2.0
💸💸ภัยพิบัติที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งคือเถ้าภูเขาไฟที่ปกคลุมทั่วโลกจะทำให้อุตสาหกรรมการเกษตรทั่วโลกล่มสลายลงเพราะขาดแสงอาทิตย์ ผลที่ตามมาคือทั่วโลกขาดแคลนอาหารอย่างหนัก จากรายงานการประเมินล่าสุดโดย The Federal Emergency Management Agency (FEMA) ระบุว่าการระเบิดครั้งใหญ่ของเยลโลว์สโตนจะทำให้สหรัฐฯได้รับความเสียหายรวมถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์หรือประมาณ 16% ของ GDP ทั้งหมดของประเทศ นอกจากนี้การระเบิดครั้งใหญ่นี้จะทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ในภูมิภาค Grate plain ของสหรัฐฯ และพื้นที่ดังกล่าวจะอยู่อาศัยไม่ได้อีกหลายร้อยปี
🌋🌋แม้จะฟังดูเป็นสิ่งที่น่ากลัวเพราะขณะนี้ "นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถคาดการณ์ผลที่ตามมาหรือระยะเวลาของผลกระทบทั่วโลกที่เป็นไปได้จากการปะทุครั้งใหญ่" แต่มันไม่ได้หมายถึงจุดจบของชีวิตบนโลก เพราะมนุษย์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้หลังจากการประทุครั้งสุดท้ายของภูเขาไฟในเยลโลว์สโตนเมื่อราว 74,000 ปีก่อน
🌇🌇แม้ภูเขาไฟในเยลโลว์สโตนที่ประทุขึ้นจะไม่ได้เป็นเหตุให้อารยธรรมของเราถึงกับสูญสิ้นลง แต่อย่างไรก็ตามมันจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกให้เลวร้ายลงอย่างแน่นอน!!!
Sources:
ติดตามผ่านช่องทางอื่น ๆ ได้ที่
แอพ Blockdit : https://www.blockdit.com/The Thinker Man
Facebook page :https://www.facebook.com/krit40452/
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
