20 ม.ค. 2020 เวลา 03:30 • ประวัติศาสตร์
Remembering Hillsborough
ตอนที่ 1
มีสโมสรฟุตบอลของอังกฤษอยู่แห่งหนึ่งที่ได้ชื่อว่าถ้าเผลอไปหลงรักแล้วจะรักเลย คนที่ได้ถวายตัวเป็นแฟนแล้วก็จะโดนป้ายยาจนถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าทีมนี้จะทำตัวแย่ ๆ ในบางครั้ง ทำให้ผิดหวังหรือทำให้คนรักอกหักหลายต่อหลายคราว แต่พวกที่รักก็ยังรักอยู่ไม่เปลี่ยนแบบที่เรียกว่ารักแบบหัวปักหัวปำ
หลังจากการทะเลาะกันระหว่างผู้บริหารกับประธานของสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน พวกเขาพาทั้งทีมแพคกระเป๋าแล้วสบัดก้นย้ายออกไป Goodison Park ทิ้งให้ประธานอยู่กับสนามหญ้ากับอัฒจันทร์เหงา ๆ คนเดียว ในวันที่ 15 มีนาคม 1892 จอห์น ฮูลดิง ประธานผู้ไม่ยอมแพ้ประกาศตั้งสโมสรฟุตบอลแห่งใหม่โดยเริ่มจากศูนย์ เขาให้ชื่อสโมสรที่ภายหลังจะกลายมาเป็นตำนานว่า ‘ลิเวอร์พูล’
ลิเวอร์พูลพัฒนาตัวเองและเริ่มสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อย ๆ จากลีคเล็ก ๆ ค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นลีคชั้นสูง กว่าหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมามีเรื่องราวที่สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าการได้แชมป์ถ้วยสำคัญ ๆ การยิงประตูสวย ๆ การพ่ายแพ้อย่างน่าเจ็บปวด หลายเรื่องน่าจดจำ บางเรื่องกลายเป็นประวัติศาสตร์ อีกหลายเรื่องถูกลืมเลือนไปตามอายุขัยที่ยาวนาน
ยังมีอีกเหตุการณ์สำคัญอีกเรื่องหนึ่งซึ่งถ้ากล่าวถึง คนที่เป็นแฟนดั้งเดิมทุกคนจะต้องรู้จัก เป็นเหตุการณ์เจ็บปวดที่แม้อยากจะลืมเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลบมันออกไปจากความทรงจำได้
ในวันที่ 15 เมษายน 1989 ระหว่างการแข่ง FA Cup รอบ Semi-Final ระหว่าง Liverpool และ Nottingham Forest แฟนฟุตบอลของลิเวอร์พูล 96 คนถูกทำให้เสียชีวิต และอีก 766 คนได้รับบาดเจ็บ สาเหตุมาจากความเฮงซวยของผู้มีหน้าที่หลายฝ่ายที่รับผิดชอบการจัดการแข่งขันในวันนั้น
>>> The Valley Parade – ไฟนรก <<<
วัลเลย์ พาเรด สนามของสโมสรฟุตบอลแบรดฟอร์ดซิตี้ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1886 และยังคงความคลาสสิกของโครงสร้างจากไม้มาจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 1989 ในการแข่งขันแมทช์สุดท้ายของดีวิชันสามระหว่างแบรดฟอร์ดกับลินคอล์นซิตี้ หลังจากผ่านสี่สิบนาทีแรกเมื่อผู้ชมฝั่งเจ้าบ้านทิ้งก้นบุหรี่ลงไปด้านล่างอัฒจันทร์ ก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับหล่นลงบนกองขยะมหึมาใต้มันแล้วไฟก็ติด
ด้วยกระแสลมที่แรงทำให้ไฟลามอย่างรวดเร็ว เปลวไฟลอยขึ้นไปติดหลังคาซึ่งทำจากไม้เช่นกัน ผู้คนหนีตายไปทั่วแต่ไม่สามรถออกไปทางด้านหลังที่ประตูล็อคอยู่ได้ ทางหนีทางเดียวคือวิ่งลงมาที่สนาม ไม่นานหลังคาก็ถล่มลงมาทับผู้ชมฝั่งแบรดฟอร์ดที่หนีไม่ทัน
มีผู้เสียชีวิต 56 คนและอีก 265 คนได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้นมีการรณรงค์ให้สนามกีฬาของอังกฤษควรถูกปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้น พอกันทีกับอัฒจันทร์ไม้สนามกีฬาควรถูกสร้างด้วยวัสดุที่ไม่เป็นเชื้อไฟ ที่สำคัญ...มันต้องแข็งแรง
>>> The Hooligans <<<
แม้ความรุนแรงป่าเถื่อนของแฟนฟุตบอลจะมีมานานแล้ว แต่ในยุค 70s วงการฟุตบอลอังกฤษได้รับผลกระทบจากหลายเหตุการณ์ของการต่อสู้ห้ำหั่นกันระหว่างแฟนบอลอันธพาลต่างทีมเป็นอย่างมาก มีการทำร้ายร่างกาย การยกพวกตีกัน หรือเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการพ่นสีสเปรย์ใส่กำแพงของทีมฝั่งตรงข้ามด้วยคำหยาบก็มีให้เห็นบ่อย
ไม่มีใครยอมใคร ความบาดหมางมีมากจนแทบจะมองหน้ากันไม่ติด ความรักในทีมของตนฝังรากลึกเข้าไปในสายเลือด แม้แต่ละทีมและนักกีฬาจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แต่วงการฟุตบอลถือว่าแปดเปื้อนและบอบช้ำจากเหล่าฮูลิแกนนี้พอสมควร
และเมื่อรวมกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกอย่างต่อเนื่องในต้นทศวรรษที่ 80s เข้าไปด้วยแล้ว จำนวนผู้ซื้อตั๋วเข้าไปชมฟุตบอลอังกฤษก็น้อยลงอย่างน่าใจหาย หลายสโมสรลดราคาค่าตั๋วเพื่อต้องการเพิ่มจำนวนคนดู การจะทำเช่นนั้นได้ต้องทำให้สนามสามารถจุคนได้มากขึ้น หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาคือลดจำนวนม้านั่งลงและเปลี่ยนเป็นพื้นที่ยืน
รูปแบบโดยทั่วไปของอัฒจันทร์ยืนคือเอาเก้าอี้ออกให้หมดเหลือไว้แต่ขั้นบันไดไว้ เสริมคานเหล็กด้านในตามแนวเป็นระยะเพื่อกันคนไหลลงข้างล่าง ด้านหน้าที่ติดกับพื้นหญ้าของสนามจะมีรั้วพร้อมตาข่ายเหล็กกั้นไม่ให้แฟนบอลที่ซุกซนวิ่งลงไปป่วนเกมการแข่งขัน มีประตูเล็ก ๆ ไล่ไปตามแนวของรั้วที่สามารถเปิดออกได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ประตูเหล่านี้จะถูกยืนเฝ้าโดยตำรวจหลายนายกันไม่ให้ใครเปิดออกโดยพลการ
ดูเหมือนเป็นทางออกที่เข้าท่า ผู้ชมที่มีรายได้น้อยสามารถซื้อตั๋วราคาถูกเพื่อเข้าไปดูการแข่งขันกันได้มากขึ้น สปอนเซอร์พอใจ สโมสรมีรายได้เพิ่ม แฟน ๆ ฟุตบอลไม่มีอะไรให้บ่น ยังไงตอนแข่งพวกเขาก็ไม่ค่อยนั่งกันอยู่แล้ว
>>> Heysel Stadiuum – ลุย <<<
29 พฤษภาคม 1985
ไม่กี่วันหลังจากโศกนาฏกรรมที่วัลเลย์ พาเลซ การแข่งขัน European Cup รอบชิงชนะเลิศถูกจัดขึ้นที่สนามเฮย์เซลในกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม แฟนบอลของทั้งสองทีมถูกจัดให้อยู่อัฒจันทร์หลังประตูคนละฟากโดยได้โควตาฝั่งละสามคอก แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ ฝ่ายจัดการแข่งขันลดจำนวนตั๋วของลิเวอร์พูลลงและแบ่งหนึ่งคอกที่เคยเป็นของลิเวอร์พูลให้เป็นอัฒจันทร์กลางซึ่งใครก็สามารถซื้อบัตรส่วนนี้ได้
ด้วยความที่แรงงานอิตาลีในเบลเยี่ยมมีอยู่มาก แฟนยูเวนตุสที่จองตั๋วฝั่งของตัวเองไม่ทันจึงรีบคว้าโอกาสนี้ หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าการที่สองทีมได้ที่นั่งติดกันอาจก่อให้เกิดความรุนแรง แต่ฝ่ายการจัดการแข่งขันยืนยันเหมือนเดิม
หนึ่งชั่วโมงก่อนเกมเริ่มแฟนบอลลิเวอร์พูลสองร้อยคนพังรั้วเหล็กฝั่งที่ติดกับยูเวนตุสแล้วบุกเข้ามาถล่มสาวกม้าลาย สาวกม้าลายที่มีจำนวนน้อยกว่าวิ่งหนีตายจากการไล่ทำร้ายไปสุดคอกด้านไกลซึ่งเป็นกำแพงคอนกรีต กองเชียร์ยูเวนตุสกลุ่มใหญ่จากอีกฟากของสนามพากันปีนรั้ววิ่งลัดสนามเพื่อมาช่วยเพื่อนของตน
เหล่ายูเวนตุสเบียดเสียดกันจนตรอกชิดกำแพง จำนวนคนที่มากและแรงอัดที่เพิ่มขึ้นมหาศาลทำให้กำแพงคอนกรีตด้านนั้นพังทลายลงไปที่ทางเข้าสนามด้านล่าง ร่างของผู้คนจำนวนมากหล่นลงมาพร้อมกับเศษอิฐและปูน หลายคนโดนทับ บางคนโดนผู้ที่พยายามหนีเอาตัวรอดเหยียบ
มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 39 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอิตาลี อีกเกือบหกร้อยคนได้รับบาดเจ็บทั้งจากเหตุกำแพงถล่มและจากการต่อสู้
แม้ว่าจะมีกระแสว่าแฟนบอลยูเวนตุสเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนด้วยการยั่วโมโหแต่ไม่มีหลักฐานใดใดมาสนับสนุน แฟนบอลลิเวอร์พูลสิบสี่คนถูกตัดสินให้มีความผิดและต้องจำคุกสามปี ทีมสโมสรจากอังกฤษทุกทีมถูกยูฟ่าห้ามแข่งถ้วยยุโรปทุกรายการจนกระทั่งปี 1990 ส่วนลิเวอร์พูลถูกแบนมากว่าเพื่อน ๆ หนึ่งปี
สโมสรลิเวอร์พูลถูกประณามอย่างมากจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แม้จากคนอังกฤษด้วยกันเองรวมถึงสโมสรคู่แข่งอื่น ๆ...พวกอันธพาลลิเวอร์พูล ไอ้พวกสเก๊าเซอรส์ ไอ้ฮูลิแกน
>>> Hillsborough <<<
ฮิลส์โบโร สนามที่เป็นบ้านของสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ก็เป็นเช่นเดียวกับสนามอื่น ๆ คือมีความแข็งแรงด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก อัฒจันทร์ฝั่งยืนซึ่งถูกกั้นด้วยรั้วเหล็กป้องกันพวกอยากดังวิ่งลงมาในสนาม และการมีรั้วนี้เองที่ทำให้ในแมทช์การแข่งที่คนเยอะก็จะพบว่ามีเหตุคนเบียดกันหลายต่อหลายครั้ง
ในทศวรรษที่ 80s ฮิลส์โบโรเป็นเจ้าภาพสำหรับการแข่งขัน FA Cup รอบ Semi-Final อยู่บ่อยครั้ง ปี 1981 ในการแข่งขันระหว่างสเปอร์และวูฟแฮมตันมีเหตุการณ์ฝูงชนเบียดกันที่อัฒจันทร์ฝั่งเลปปิ้งส์เลน เอนด์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแขน ขา หรือซี่โครงหักสามสิบแปดคน นั่นทำให้เกิดความกังวลว่าเหตุการณ์ร้ายแรงกว่านี้อาจเกิดขึ้นได้ ทางตำรวจขอให้เชฟฟิลด์ เวนสเดย์ลดจำนวนตั๋วที่จะขายลงแต่เบิร์ต แมคกี ประธานสโมสรไม่เห็นด้วย
“ส้นตีนแหนะ ไม่เห็นมีใครตายซะหน่อย” ท่านประธานสวนกลับ ปีต่อมา FA ตัดสิทธิ์การจัดแข่งขันที่ฮิลส์โบโรออกไปจากระบบเป็นการลงโทษ
แม้ไม่ยอมลดจำนวนตั๋วยืนที่จะขาย แต่เพื่อป้องกันจำนวนคนล้นอัฒจันทร์สโมสรเชฟฟิลด์ได้เปลี่ยนรูปแบบของอัฒจันทร์ฝั่งเลปปิ้งส์เลน เอนด์ใหม่โดยทำรั้วเหล็กด้านข้างเพื่อแบ่งอัฒจันทร์ออกเป็นคอกสามคอก รั้วกั้นนี้จะเป็นตัวแบ่งและกำหนดจำนวนผู้ชมให้เป็นสัดส่วนสมดุลกันของทุก ๆ คอก
ด้านในของแต่ละคอกจะมีคานเหล็กสูงระดับเอวขวางเป็นแนวนอนตามจุดต่าง ๆ ลดหลั่นลงมาเป็นระยะ ราวเหล็กที่แข็งแรงเหล่านี้มีไว้เพื่อป้องกันฝูงชนที่มีจำนวนมากไม่ให้ไหลลงมาทับคนข้างหน้า มาถึงปี 1984 เมื่อเชฟฟิลด์ได้ขึ้นดิวิชั่นหนึ่ง ทางสโมสรเพิ่มคอกเป็นห้า แล้วต่อมากลายเป็นเจ็ด หลังจากนั้นสโมสรเอาคานเหล็กด้านบนที่ติดกับปากอุโมงค์ทางเข้าออกเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแฟนบอลเดินเข้าออกได้ง่ายขึ้น
FA ยอมกลับมาจัดการแข่งที่ฮิลส์โบโรอีกครั้งในปี 1987 ซึ่งก็พบรายงานการเบียดเสียดจากคลื่นฝูงชนฝั่งเลปปิ้งส์เลน เอนด์อยู่อีกเช่นเดิม แม้กระทั่งในปี 1988 รอบ Semi-Final เมื่อลิเวอร์พูลพบกับฟอร์เรสต์ก็มีรายงานการเบียดเสียดรุนแรงเช่นกัน
แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงชีวิต
20 มีนาคม 1989
สมาคมฟุตบอลอังกฤษประกาศเลือกให้ฮิลส์โบโรเป็นสนามกลางสำหรับจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกครั้งหนึ่ง หงส์แดงจะพบกับเจ้าป่าใน FA Cup รอบ Semi-Final หลังจากที่เคยพบกันเมื่อปีกลายในรอบเดียวกันนี้ซึ่งลิเวอร์พูลเฉือนชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 ประตู
แฟนของฟอร์เรสต์ต่างตั้งตารอเพื่อการล้างตา ส่วนแฟนของลิเวอร์พูลมั่นใจเหลือเกินว่าจะสามารถหักอกฟอร์เรสต์ด้วยการกันเจ้าป่าไม่ให้ไปถึงเวมบลีย์ได้เป็นครั้งที่สอง
FA Cup รอบ Semi-Final ระหว่างลิเวอร์พูล และ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ถูกกำหนดให้มีขึ้นในวันเสาร์ที่ 15 เมษายน 1989
ในเวลาไม่นานตั๋วเข้าชมถูกขายจนเกลี้ยงเช่นเดียวกับปีก่อน ทั้งสองทีมต่างหวังชัยชนะ แฟนบอลตั้งตารอความตื่นเต้นจากเกมที่สนุก แต่ไม่มีใครรู้ว่าคราวนี้มันจะไม่เหมือนเดิม
จบตอนที่ 1
= = = = = = = = = = = = = = = = = =
อ้างอิง
โฆษณา