22 ม.ค. 2020 เวลา 03:30 • ประวัติศาสตร์
Remembering Hillsborough
ตอนที่ 3
15 เมษายน 1989
พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะเป็นวันที่สวยงามและมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แสงแดดส่องลงมาถึงพื้นโดยไม่มีเมฆฝนมาบดบัง สีของสนามหญ้าดูเขียวอย่างที่มันควรจะเป็น ท้องฟ้าสีฟ้าสดและอุณหภูมิอยู่ในระดับเย็นสบาย เป็นวันเสาร์ที่ยอดเยี่ยมวันหนึ่งเลยทีเดียว
จอน-พอล กิลฮูเลย์อายุสิบขวบ เขาโตพอที่แม่จะอนุญาตให้นั่งรสบัสไปสระว่ายน้ำได้คนเดียวแล้ว และเช้าวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ทำอย่างนั้น จอน-พอลไม่กังวลเท่าไหร่เพราะแม่พาเขามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วนและเขาจำทางได้ดี จอน-พอลตั้งใจจะว่ายให้ได้ไกลกว่าคราวที่แล้ว เขารักการว่ายน้ำมากแต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เขารักฟุตบอลด้วย ถ้าวันนี้ลิเวอร์พูลเอาชนะฟอร์เรสต์ได้ก็เพราะเขาว่ายได้ไกลกว่าเดิมนี่แหละ อย่างน้อยก็เขาก็ขอมีส่วนร่วมสักหน่อย จอน-พอลคิดในใจแล้วมองนาฬิกา ว่ายน้ำเสร็จนั่งรถกลับบ้านยังทันดูถ่ายทอดสดตอนบ่ายสาม เวลาถมถืด
>>> ตำรวจเซ้าท์ ยอร์คไชร์ <<<
ในการสรุปแผนช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับคำสั่งว่าสิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้คือการป้องกันการทะเลาะวิวาทของอันธพาลลูกหนังทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่ประจำด้านนอกสนามต้องคอยตรวจตราไม่ให้พวกเมาเหล้าและคนที่ไม่มีบัตรผ่านประตูเข้าไปในสนามได้
เจ้าหน้าที่ด้านในสนามต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีแฟนบอลปีนรั้วเหล็กลงมาป่วนบนพื้นสนาม ทั้งนี้เพื่อให้เกมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและหลีกเลี่ยงการปะทะกันของแฟนบอลของทั้งสองทีม
“จับตาดูพวกฮูลิแกนไว้” นั่นคือคำสั่งของผู้กำกับคนใหม่ เดวิด ดักเคนฟิลด์
หลังบรรยายสรุป พวกตำรวจแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำหรับเกมสำคัญในวันนี้ กำหนดคิกออฟ 15.00 น.
เทรเวอร์ ฮิกส์ขับรถพาภรรยาและลูกสาวสองคนจากบ้านมุ่งหน้าเชฟฟิลด์ พวกเขาออกจากบ้านแต่เนิ่น ๆ และคิดว่าจะไปถึงสนามนานพอก่อนเกมเริ่ม ระหว่างทางพ่อแม่และลูกสาวสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน เป็นวันที่ดีจริง ๆ เทรเวอร์นึก
มอเตอร์เวย M62 มีการซ่อมถนนทำให้การจราจรหนาแน่น รถรอบ ๆ ตัวฮิกส์มีทั้งที่ติดสติ๊กเกอร์สีแดงขาวของสโมสร คนในรถบ้างก็ใส่หมวกไหมพรมสีแดง บ้างก็มีผ้าพันคอ ฮิกส์รู้สึกเหมือนอยู่ในกลุ่มเพื่อนฝูงผู้รู้ใจ รถติดแต่ก็ไม่เหงา
รอยยิ้มถูกส่งผ่านหน้าต่างรถ อืมม์ ‘คุณจะไม่มีวันขับรถเดียวดาย’ เขายิ้มกับมุกของตัวเอง
โทนีกับเพื่อนที่ทำงานอีกสองคนพากันขับรถมาเชฟฟิลด์เพื่อเชียร์ทีมสุดรัก วันเสาร์เป็นวันหยุดพวกเขาจึงออกแต่เช้าและถึงเชฟฟิลด์ตอน 11.15 หลังจากนั้นชวนกันไปนั่งแช่ในผับจนกระทั่ง 13.45 จึงออกเดินเท้าไปที่สนาม โทนีและเพื่อน ๆ ผ่านประตูหมุนเวลา 14.10 แล้วลอดอุโมงค์เดินลงไปที่อัฒจันทร์คอก 3 พวกเขาได้ยืนด้านหน้าริมรั้วเหล็ก โชคดีจริงที่ตัดสินใจมาแต่เนิ่น ๆ
โทนีชอบแยน โมลบี้มาก เขาเล่นตำแหน่งกองกลางได้ดีแต่โชคร้ายโมลบี้บาดเจ็บและไม่ได้ลงเป็นตัวจริงในวันนี้
ไม่เป็นไรน่า ยังไงหงส์ต้องชนะอยู่แล้ว โทนีมั่นใจ
>>> รถด่วนขบวนพิเศษ <<<
ผู้โดยสารสามร้อยห้าสิบคนขึ้นประจำที่นั่งบนรถด่วนเหมาขบวนจากลิเวอร์พูลมุ่งหน้าเชฟฟิลด์ ผู้โดยสารทั้งขบวนเป็นแฟนทีมหงส์แดง
หลายใบหน้าเป็นคนคุ้นเคย บรรยากาศคึกคักเสียงพูดคุยหยอกล้อดังลั่นในตู้รถไฟ ขบวนพิเศษนี้จะพาพวกเขาไปถึงสถานีปลายทางเวลา 14.20 นั่นกำลังดีเลย พวกเขายังมีเวลาเดินเล่นชมเมืองได้อีกหน่อย เสียดายที่ปีนี้รถเหมามีขบวนเดียวทั้งที่ปีที่แล้วมีตั้งสามขบวน...เสียดาย
เพลงของสโมสรดังลอดหน้าต่างออกมาตลอดเส้นทางที่รถวิ่ง
เสร็จจากการว่ายน้ำ จอน-พอลสวมกางเกงยีนส์ เสื้อเชิร์ตสีน้ำเงินใต้เสื้อวอร์มพูม่าสีแดงสด เขาสวมรองเท้าอาดิดาสสีน้ำเงินคู่โปรดแล้วคว้ากระเป๋ากับเสื้อกันหนาวเดินออกจากห้องแต่งตัว จอน-พอลพบกับลุงสองคนของเขาด้านหน้าทางเข้าสระว่ายน้ำ ลุงไบรอันและลุงจอห์น
“ว่าไงไอ้หนู” ลุงไบรอันทัก
“ลุงมาทำอะไรที่นี่ฮะ?”
“วันนี้เป็นวันโชคดีของเธอนะจอน ลุงเพิ่งจะได้ตั๋วยืนหนึ่งใบสำหรับเกมบ่ายนี้ ลุงเลยมาชวนเธอไปดูด้วย”
“เย้!!!” จอน-พอลตาโต เขาไม่ต้องถามเลยว่าตั๋วสำหรับชมอะไร
“แต่ลุงจะฝากเธอไปกับลุงร็อดนี่ย์กับลุงเกลน พวกเขาได้ตั๋วยืนเหมือนกัน ส่วนลุงกับจอห์นมีตั๋วนั่งอยู่แล้ว คงไม่ว่าอะไรนะ?”
“ไม่มีปัญหาครับ แต่ว่า...สตีเวนจะไปด้วยหรือเปล่าครับ?” เขาถามถึงญาติผู้น้องที่สนิทกัน
“คงไม่ได้ ลุงได้ตั๋วมาใบเดียว อีกอย่าง วันนี้สตีเวนเค้าต้องไปซ้อม จำไม่ได้เหรอ”
จอน-พอล กิลฮูเลย์ แฟนพันธุ์แท้หงส์แดงลิเวอร์พูล อายุสิบขวบ
>>> Leppings Lane <<<
ทางเข้าสนามฝั่งถนนเลปปิ้งส์มีปัญหาอยู่เนือง ๆ เมื่อต้องรับกับแมทช์ใหญ่ ๆ อย่างเช่นวันนี้ จากถนนเลปปิ้งส์ที่แคบและโค้ง ผู้ชมจะต้องแสดงบัตรเมื่อผ่านประตูหมุนเพื่อเดินเข้ามาบริเวณด้านใน ด้วยพื้นที่จำกัดของฝั่งถนนเลปปิ้งส์มันจึงสร้างความไม่สมดุลของจำนวนผู้ชมในแต่ละโซนเมื่อเทียบกับจำนวนของประตูหมุนที่มีให้
ประตูหมุนสิบช่อง หมายเลข 1 – 10 ถูกกันไว้ให้กับอัฒจันทร์ม้านั่งฝั่งทิศเหนือซึ่งรองรับผู้ชม 9,700 คน อีกหกช่องตั้งแต่หมายเลข 11 – 16 สำหรับอัฒจันทร์ม้านั่งชั้นลอยฝั่งเลปปิ้งส์ รองรับ 4,456 คน ส่วนประตูหมุนอีกเจ็ดช่อง A – G เป็นทางเข้าของผู้ชมตั๋วยืนในชั้นล่างซึ่งแบ่งเป็นเจ็ดคอก (Pen 1 – 7) ทั้งเจ็ดคอกถูกออกแบบให้จุผู้ชมได้ทั้งสิ้น 10,100 คน
ด้านข้างของประตูหมุน A – G เป็นประตูทางออก (Exit Gate C) ซึ่งจะเปิดก็ต่อเมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลงเพื่อระบายฝูงชนจำนวนมากให้เดินออกจากสนามได้อย่างสะดวก
จากประตูหมุน ผู้ชมจะถูกกำหนดให้เดินไปโซนของตัวเอง ผู้ชมที่ซื้อตั๋วยืนเมื่อผ่านประตูหมุน A – G แล้วสามารถเลือกเข้าชมได้ทุกคอกระหว่างคอก 1 – 7 แต่คอกที่ได้รับความนิยมและคนเยอะที่สุดคือคอก 3 และ 4 เพราะอยู่ด้านหลังผู้รักษาประตูซึ่งให้มุมมองที่ดี อีกประการหนึ่งคือ อุโมงค์ที่พาลอดเข้าคอก 3 และ 4 อยู่ตรงหน้าประตูหมุนพอดิบพอดี เมื่อเข้ามาแล้วก็เจอเลยไม่ต้องเดินไกล
ครอบครัวฮิกส์มาถึงฮิลส์โบโรก่อนบ่ายสอง เมื่อได้ที่จอดรถแล้วพวกเขาเดินอ้อยอิ่งกันไปที่สนาม เจนนีผู้เป็นแม่มีตั๋วนั่งจึงแยกไปทางอัฒจันทร์ด้านทิศเหนือ ฮิกส์พาลูกสาวสองคนเดินอ้อมไปทางเลปปิ้งส์เลน เพื่อเข้าประตูฝั่งตั๋วยืน เมื่อไปถึงก็พบว่ามีคนจำนวนพอสมควรยืนเข้าแถวรอผ่านประตูหมุน วันนี้คนเยอะจริง ๆ เกมน่าจะคึกคักเป็นพิเศษ ฮิกส์คิดในใจ
ใช้เวลาครู่ใหญ่กับการเบียดเสียดนิดหน่อย ฮิกส์และลูกสาวสองคนผ่านประตูหมุนเข้ามาได้ เขาชวนซาร่าและวิกกี้ไปที่ทางเข้าคอก 5 ซึ่งอยู่หลังประตูฟุตบอลด้านซ้ายแต่ลูกสาวไม่ยอม
“ไม่เอาน่าพ่อ หนูอยากอยู่ตรงกลางหลังประตู” ซาร่าประท้วง
“จริงด้วย จะได้เห็นชัด ๆ ตรงกลางเลย” วิกกี้สนับสนุน
ฮิกส์รู้เข้าขากันได้ขนาดนี้คงจะเปลี่ยนใจลูกสาวยาก เขานัดแนะว่าจบเกมแล้วให้ออกมาเจอกันที่จุดนัดพบ หลังจากนั้นก็แยกตัวไปประตูทางเข้าคอก 5 ด้านข้าง เขาไม่อยากเบียดเสียดกับพวกวัยรุ่น
สองพี่น้องพากันเดินลอดอุโมงค์กลางซึ่งนำลงไปสู่อัฒจันทร์ พ้นจากอุโมงค์พวกเธอพบว่าต่ำลงไปที่คอก 3 และ 4 มีคนเต็มไปหมด ซาร่าจูงมือวิกกี้เดินแทรกลงไปตามขั้นบันไดผ่านผู้คนและราวเหล็กเพื่อไปใกล้รั้วด้านหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิกกี้ยกข้อมือขึ้นดูเวลา 13.55 อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าเกมจะเริ่ม
>>> และแล้ว <<<
14.15: คอกสามและสี่เริ่มหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม เสียงร้องเพลงเชียร์ที่ดังไปทั่วทำให้รู้สึกฮึกเหิม คนจำนวนมากยังหลั่งไหลผ่านอุโมงค์เข้ามาไม่ขาดสาย บางคนทนการเบียดเสียดไม่ไหวต้องปีนขึ้นไปยืนบนขอบรั้วด้านข้าง นอกสนามฝั่งถนนเลปปิ้งส์ ฝูงชนเยอะมากจนล้นต้องลงไปเดินกันบนถนน การจราจรติดขัด
14.20: รถไฟขบวนพิเศษมาถึงสถานีวัตสเลย์บริดจ์ของเชฟฟิลด์ คนกว่าสามร้อยทยอยลงจากตู้โดยสารแล้วพากันมุ่งหน้าสนามกีฬาฮิลส์โบโร เมืองสวยงามและอากาศดีไม่ต้องรีบร้อนเพราะระยะทางจากสถานีรถไฟไปสนามกีฬาไม่ไกล พวกเขาคิดว่ายังไงก็ทันคิกออฟ
14.25: บริเวณทางเข้าฝั่งเลปปิ้งส์เลนมีจำนวนผู้ชมหนาแน่นมากขึ้นอีก ประตูหมุนทุกบานมีคนมาออด้านหน้าจำนวนมากโดยเฉพาะประตู A – G ประตูหมุนปล่อยให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน คนเจ็ดคนผ่านประตูเจ็ดช่องทุก ๆ สี่วินาทีเพื่อเข้าสู่บริเวณสนามแต่ยังมีคนรอเข้าประตูหลายพันและยิ่งมีมาเพิ่มเรื่อย ๆ เหมือนน้ำท่วมแต่ท่อตัน ปัญหาเพิ่มขึ้นอีกจากพวกที่ถือตั๋วเดินเข้าผิดช่องและเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ผ่าน จะย้อนกลับออกมาก็ทำไม่ได้เพราะคนด้านหลังปิดทางไว้หมด
14.30: จำนวนผู้ชมด้านเลปปิ้งส์เลนมากจนเกินขีดที่จะควบคุมได้ ความหนาแน่นของผู้คนกลายเป็นคลื่นมนุษย์ที่พาพวกเขาเคลื่อนไปด้านหน้าแล้วไหลมาด้านหลังสลับกันไปมา หลายคนไหลไปตามคลื่นโดยที่เท้าแทบไม่ได้แตะพื้น
หลังจากฝากจอน-พอลไว้กับร็อดนีย์ จอลลี่ และ เกลน แฟลตเลย์ผู้มีตั๋วยืนเหมือนกัน ลุงสองคนของเขาแยกตัวไปอัฒจันทร์ฝั่งม้านั่ง
ผู้ถือตั๋วยืนทั้งสามมาถึงทางเข้าด้านเลปปิ้งส์เลน ตอน 14.32 และพบว่าการเข้าไปถึงประตูหมุนเป็นเรื่องยากมาก อย่างไรก็ตามร็อดนี่ย์และเกลนพยายามพาเด็กน้อยแทรกตัวไปไปเรื่อย ๆ จนมายืนอยู่ด้านข้างของประตูหมุน ด้านหน้าของพวกเขาคือประตูทางออก C ที่ปิดอยู่ พวกเขาไปต่อไม่ได้และต้องยืนรออยู่ตรงนั้น
14.43: สารวัตรโรเจอร์ มาร์แชลผู้มีหน้าที่ควบคุมด้านเลปปิ้งส์เลนวิทยุไปที่หอควบคุมในสนามขออนุญาตจากดักเคนฟิลด์ให้เปิดประตูทางออก C เขาหวังว่าทางออกที่กว้างนี้จะสามารถระบายคนจำนวนมหาศาลให้เข้าสู่บริเวณสนามเพื่อลดความวุ่นวายตรงหน้าได้
เงียบ...ไม่มีการตัดสินใจใดใดจากผู้บังคับบัญชา
14.46: รถแลนด์ โรเวอร์ของตำรวจสามารถแทรกตัวเข้าฝ่ากลุ่มคนเข้ามาใกล้กับประตูทางเข้าด้านเลปปิ้งส์เลน สารวัตรเอลลิสผู้รับหน้าที่ดูแลฝั่งลิเวอร์พูลปีนขึ้นไปบนหลังคารถแล้วประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง
“อย่าดันกัน ให้ถอยออกมา”
ดูเหมือนไม่มีใครสนใจ
“อย่าดันกัน ถอยออกมาก่อน ตอนนี้คอก 3 และ 4 ล้นแล้ว อุโมงค์ก็แน่น ที่ประตูหมุนก็แน่นมาก อย่าดัน คนข้างหน้าจะได้รับอันตราย”
เสียงประกาศไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
ถึงตอนนี้ ทั้งด้านในบริเวณคอก 3 และ 4 รวมถึงด้านนอกบริเวณหน้าประตูหมุนดูคล้ายทะเลที่มีคลื่นมนุษย์เคลื่อนตัวไปมา
14.47: นักฟุตบอลของทั้งสองทีมวิ่งลงสนาม เสียงเชียร์จากด้านในดังกระหึ่ม ทุกคนโห่ร้องต้อนรับทีมโปรดและนักเตะที่ตนชื่นชอบ เสียงดังออกมานอกสนาม คลื่นมนุษย์ด้านนอกก่อตัวแรงขึ้น ทุกคนต้องการเข้าไปให้ได้ก่อนเกมเริ่ม
สถานการณ์ที่คอก 3 และ 4 เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม คนที่ยืนติดกับรั้วเหล็กด้านล่างโดนคนหลายพันข้างหลังโถมเบียดลงมา คนที่พอจะรู้ตัวเริ่มปีนรั้วไปคอก 2 และ 5 ซึ่งอยู่ด้านข้างและยังพอมีพื้นที่ว่าง คนจากข้างหลังด้านบนไม่มีใครรู้ถึงภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นบริเวณรั้วเหล็กขอบสนาม ไม่มีใครควบคุมอะไรได้ ไม่มีใครทำอะไรได้ มีคนเยอะเกินไป
14.48: “ถึงกอง บก. ถึงกอง บก. ขออนุญาตเปิดประตูทางออก C ข้างนอกนี่แน่นจนน่ากลัว ประตูหมุนมีน้อยไปเกรงว่าคนจะทับกันตายแล้ว เราต้องเปิดประตูทางออก C ขอย้ำ ขออนุญาตเปิดทางออก C ตอบด้วย ด่วน” เสียงของมาร์แชลแทบจะสิ้นหวัง
ช่างแม่งประตูหมุนวะ นายตำรวจนึกอย่างอารมณ์เสีย
และแล้ว...
“บก.อนุมัติ! เปิดประตูทางออก C ได้” เสียงนุ่ม ๆ ของดักเคนฟิลด์ตอบกลับมาจากหอควบคุมสูงขึ้นไปด้านบนของอัฒจันทร์ฝั่งเลปปิ้งส์เลน เอนด์
สารวัตรเดินไปที่ประตูทางออก C และเลื่อนบานประตูเปิดออกด้านข้าง ฝูงชนที่อัดแน่นอยู่ด้านนอกจำนวนมหาศาลทะลักเข้ามาด้านใน
เสียงโฆษกประกาศรายชื่อนักเตะซึ่งทุก ๆ ชื่อตามมาด้วยเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม พวกที่เข้ามาใหม่วิ่งกรูกันด้วยความเร็วสู่อุโมงค์กลางตรงหน้าซึ่งเป็นทางเข้าอัฒจันทร์ที่ใกล้ที่สุด มันนำพวกเขาลงไปสู่คอก 3 และ 4 ซึ่งเต็มอยู่แล้ว
สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม
จบตอนที่ 3
= = = = = = = = = = = = = = = = = =
อ้างอิง
โฆษณา