14 ม.ค. 2020 เวลา 05:21 • สุขภาพ
🍳🐣🥚ไข่ไก่ตอนที่ 2 🥚🐣🍳
ไข่ไก่🥚ทำไมมีหลายสีและสีไหนดีกว่ากัน และเลือกซื้อไข่แบบไหนดีล่ะ🤔 (ออร์แกนนิคดีมั้ย หรือ แบบไหนดี)
ไข่ไก่โดยทั่วไปที่พบเห็นทั่วโลก จะมีหลักๆอยู่ 2 สี คือเปลือกสีน้ำตาล และเปลือกสีขาว ซึ่งไข่ไก่เปลือกสีน้ำตาลก็จะมีอีกหลายเฉด น้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม น้ำตาลอมฟ้า เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีไข่ที่มีเปลือกสีหลักๆคือไม่สีน้ำตาล ก็สีขาว หรือในบางประเทศก็อาจมีทั้ง 2 สีเลยก็ได้
Credit: Gizmodo
สำหรับประเทศไทยเราจะเห็นว่ามีเพียงสีเดียวคือสีน้ำตาล ซึ่งก็เป็นการง่ายต่อการตัดสินใจว่าจะซื้อไข่ไก่สีอะไร เพราะเรามีอยู่สีเดียว😆 และก็ไม่ต้องสับสนกับไข่เป็ดซึ่งมีสีขาวด้วย แต่ในหลายประเทศ เช่นในอเมริกา มีไข่ไก่ออกวางขายทั้ง 2 สี และในหลายประเทศที่มีไข่ไก่ทั้ง 2 สี ก็มักเชื่อว่า ไข่สีน้ำตาล🥚มีประโยชน์หรือมีสารอาหารที่มากกว่า เพราะปกติในท้องตลาดของประเทศเหล่านี้ มักขายไข่ไก่สีน้ำตาลแพงกว่าไข่ไก่สีขาว ซึ่งในอเมริกาได้มีการทดลองตรวจสอบสารอาหารแล้ว และพิสูจน์ได้ว่าความเชื่อนั้นไม่เป็นจริง เพราะสิ่งที่ค้นพบคือ ทั้งไข่เปลือกสีขาวและไข่เปลือกสีน้ำตาลนั้น ในปริมาณของไข่ที่เท่ากัน มีสารอาหารใกล้เคียงกันมาก แทบจะเรียกว่าไม่ต่างกันนั่นเอง (นั่นไง ฝรั่งเข้าใจผิดกันมากมายเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะ)🤫
แล้วทำไมไข่🥚ถึงมีสีเปลือกที่ต่างกัน เหตุผลก็คือสายพันธุ์ของไก่แต่ละพันธุ์ให้ไข่ไก่ที่มีเปลือกสีต่างกัน เพราะไก่แต่ละสายพันธุ์มี pigment สีต่างกัน สรุปง่ายๆ สีเปลือกไข่มีผลมาจากเรื่องทางพันธุกรรมของไก่นั่นเอง ถ้าจะเทียบกับมนุษย์ก็คงเหมือนสีผมหรือสีตาที่ต่างกันตามพันธุกรรม แต่ผมสีที่ต่างกันก็ไม่ได้มีความแตกต่างในหน้าที่ที่ให้การปกคลุมหนังศีรษะ และสีตาที่ต่างกันนั้น ตาก็ยังคงทำหน้าที่ในการมองเห็นเช่นกันอยู่ดี
แล้วทำไมไข่เปลือกสีน้ำตาลจึงมีราคาแพงกว่าล่ะ
เหตุผลที่ไข่ไก่สีน้ำตาลมักมีราคาแพงกว่าในประเทศที่มีไข่ทั้ง 2 สี ก็เพราะไก่ที่ออกไข่สีน้ำตาลมักจะให้ไข่ที่ฟองใหญ่กว่า แต่มักออกไข่ได้น้อยกว่าไก่ที่ออกไข่สีขาว นั่นหมายถึงค่าต้นทุนการเลี้ยงไก่ที่สูงกว่าไก่ที่ออกไข่เปลือกสีขาวนั่นเอง จึงเป็นเหตุผู้เลี้ยงไก่ไข่มองเห็นว่าไข่สีน้ำตาลซึ่งมักจะฟองใหญ่กว่าจะน่าจะขายได้แพงกว่าเพราะปริมาณไข่ และเพื่อให้คุ้มทุนเท่าๆกับไข่เปลือกสีขาวนั่นเอง
ปัจจุบันไข่ไก่🥚🐣ในซุปเปอร์มาเก็ตของเมืองไทยที่พบเห็นส่วนมากก็จะมีแบบปกติและแบบออแกนนิค ส่วนในต่างประเทศอย่างอเมริกาและยุโรป นอกจากจะมีไข่ไก่แบบออแกนิคแล้ว ยังมีอีกหลายแบบให้เลือกจนผู้ซื้อตัดสินใจไม่ถูกเลยทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าว่า ไข่ไก่ที่วางขายกันในราคาที่สูงกว่าไข่ไก่ปกติ มีแบบไหนบ้าง
1. ไข่ไก่แบบ"เคจฟรี" (cage-free egg) แปลตรงๆก็หมายถึงไข่ที่ได้จากไก่ที่เลี้ยงแบบไม่ขังกรง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะไก่ที่เลี้ยงแบบเคจฟรี คือแค่การไม่ขังไก่อยู่ในกรงรวมกันแน่นๆเหมือนฟาร์มไก่ทั่วไป แต่ก็ยังจำกัดพื้นที่ของไก่ให้อยู่แต่ในเฉพาะโรงเลี้ยงไก่ และไม่ได้ให้ไก่ออกไปเดินข้างนอกใดๆ แต่ก็พอให้มีพื้นที่ให้ไก่ได้กางปีกได้บ้าง และมีขอนไม้ให้เกาะ (แก้เซ็ง)🐔 และมีรังให้วางไข่🥚 โดยไก่ที่เลี้ยงแบบนี้ถ้าเป็นตามมาตรฐานการรับรองก็จะมีการกำหนดพื้นที่ว่าต้องมี พื้นที่ไม่ต่ำกว่าาเท่าไหร่ต่อไก่1ตัว ในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นในอเมริกาหรือยุโรป ก็จะมีหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐานและออกใบรับรองให้กับฟาร์มเพื่อเป็นใบยืนยันว่าฟาร์มนี้ผ่านมาตรฐานข องเจ้าไหน และไข่ที่ได้ก็คือไก่แบบเคจฟรีตามมาตรฐานของหน่วยงานหรือองค์กรนั้นๆ เช่น ของ American Humane Association จะกำหนดไว้คือ 1.25 ตารางฟุตต่อไก่1ตัว
2. ไข่ไก่แบบฟรีเรนจ์ (free range egg) คือไข่ที่ได้จากไก่ที่เลี้ยงแบบไม่ขังกรง และมีโอกาสได้ออกไปเดินภายนอกโรงเลี้ยงไก่ได้ทุกวัน ซึ่งมาตรฐานของแต่ละองค์กรที่ให้การรับรองไข่ไก่ก็กำหนดไม่เหมือนกัน เช่น ของ Humane Farm Animal Care กำหนดว่าต้องให้ไก่ออกไปเดินข้างนอกวันนึงไม่เกิน 6 ชม. แต่ของ American Humane Association ไม่ได้กำหนดว่ากี่ ชม. แต่ต้องเป็นไก่ที่ถูกเลี้ยงโดยมีโอกาสได้ออกไปเดินข้างนอก ส่วนพื้นที่ในการเลี้ยง แต่ละสถาบันที่ออกการรับรองไข่แบบฟรีเรนจ์ ก็กำหนดจำนวนพื้นที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน แต่ปกติพื้นที่ในการเลี้ยงแบบ free range จะมากกว่าแบบ cage free
3. ไข่แบบพาสเจอร์เรสท์ (pasture - raised) คือไข่ที่ได้จากการเลี้ยงไก่แบบให้อิสระในทุ่ง ซึ่งก็มีรายละเอียดต่างกันไปตามแต่ละสถาบันการรับรอง เช่นบางสถาบันกำหนดว่าไก่ต้องได้เดินเล่นสบายใจในทุ่งหญ้าสีเขียวไม่ต่ำกว่า 6 ชม. ต่อวัน บางสถาบันก็อาจจะไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่ต้องเลี้ยงในทุ่งหญ้าสีเขียว และมีการกำหนดพื้นที่ในทุ่งว่าจะต้องมีขนาดเท่าไหร่ต่อไก่หนึ่งตัวด้วย ซึ่งแต่ละสถาบันก็ไม่เท่ากันอีกเช่นกัน แต่ปกติแล้วจะมีขนาดมากกว่าแบบ ฟรีเรนจ์
4. ไข่ไก่แบบออแกนนิค
ไข่ไก่ออแกนนิค คือไข่ไก่ที่ได้จากการเลี้ยงไก่แบบไม่ใช้สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะ (antibiotic drug) ฮอร์โมนเร่งโต และเคมีอื่นๆ นอกจากนี้ สำหรับอาหารไก่ก็ต้องเป็นอาหารแบบออแกนนิคที่ไม่มีสารเคมีหรือสารพิษตกค้างใดๆด้วย นอกจากนี้ไก่ที่ให้ไข่ออแกนนิคก็ต้องไม่ถูกจำกัดพื้นที่ในการเลี้ยงด้วย ซึ่งหมายถึง ไก่จะไม่ถูกเลี้ยงให้แออัดเหมือนไก่อื่นๆแต่จะมีพื้นที่ให้เดินเฉิดฉาย🐓🐓🐓และกางปีก🐥🐥🐥อย่างมีความสุข โดยพื้นที่สำหรับเลี้ยงไก่ไข่แบบออแกนนิค หลายองค์กรที่รับรองมักจะกำหนดให้มีพื้นที่มากกว่าแบบ free range ซึ่งหมายความว่า ถ้าพิจารณาจากการกำหนดขนาดพื้นที่การเลี้ยงไก่ ไข่ไก่ออแกนิค🥚🐣🐥ก็คือไข่ไก่แบบ free range ด้วยนั่นเอง แต่ free range ไม่จำเป็นต้องหมายถึง ออแกนนิค นะจ๊ะ เข้าใจตรงกันเนอะ 😊
มาถึงตรงนี้ ก็คงจะเห็นภาพมากขึ้นว่าไข่ไก่แต่ละแบบมาจากการเลี้ยงไก่ที่ต่างกัน และทั้ง 4 แบบที่ว่ามาก็เรียกว่ามีมาตรฐานที่สูงกว่าไก่ที่ให้ไข่แบบปกติ ซึ่งแปลว่าต้นทุนการเลี้ยงดูไก่ไข่ทั้ง 4 แบบนี้ก็สูงกว่าด้วย
ผู้บริโภคหลายคนต้องการซื้อไข่ที่มาจากการเลี้ยงดูไก่ด้วยวิธีเหล่านี้ด้วยเหตุผลต่างๆกัน เช่น รู้สึกว่าการเลี้ยงดูแบบดังกล่าวมีมนุษยธรรมและมีเมตตาธรรมต่อสัตว์มากกว่าการนำไก่เข้าไปแออัดกันจนเดินไม่ได้และกางปีกไม่ได้ จึงอยากสนับสนุนการเลี้ยงไก่ที่มีสภาพการเลี้ยงดูที่ดีกว่าและอิสระการใช้ชีวิตของไก่ที่มากกว่า ในขณะที่ผู้บริโภคบางกลุ่มเชื่อว่าการเลี้ยงแบบมีอิสระมากกว่าจะทำให้ไก่ไม่เครียดและให้ไข่ที่มีคุณภาพและปลอดภัยกว่า และหลายคนเชื่อว่าไข่แบบออแกนนิคจะไม่มีสารพิษตกค้าง และคุณภาพดีกว่า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้บริโภคไข่ไก่ควรตระหนักคือ ไข่ที่มีป้ายกำกับว่าเป็นไข่ในแบบต่างๆที่ว่ามา มีการตรวจสอบว่ามาจากฟาร์มที่มีการเลี้ยงไก่ตามหลักที่ว่ามาจริงหรือไม่ เพราะแม้แต่หน่วยงานหรือองค์กรที่รับรองในต่างประเทศเองก็ยังมีหลากหลายหน่วยงานที่มีมาตรฐานต่างกัน ดังนั้นในประเทศไทยที่มีการขายไข่ไก่ในแบบต่างๆ เช่น ไข่ออแกนนิค เราก็ควรสังเกตว่ามีการรับรองจากหน่วยงานใด และหน่วยงานนั้นๆมีความน่าเชื่อมากน้อยเพียงใด มีการเข้าไปสุ่มตรวจสอบบ้างหรือไม่ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจที่จ่ายเงินในราคาที่สูงกว่าหากคาดหวังในสิ่งที่ดีกว่านั่นเอง
อ้างอิงและอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา