เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักแดรกคิวล่า จากนิยายของแบรม สโตเกอร์
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า แดรกคิวล่า มีต้นแบบมาจาก “เจ้าชายวลาด ดรากูล” หรือวลาดที่3ของโรมาเนีย
ดังนั้นวันนี้จีนจะมาเล่าเรื่องของวลาดที่3ให้ฟังค่า✨
เจ้าชายวลาดที่3 เป็นบุตรชายของวลาดที่2 วอยโหวด(ราชา)แห่งแคว้นวัลลาเคีย เกิดในปี1431 ที่ แคว้นวัลลาเคีย ภูมิภาคทรานซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย
วลาดที่3มีน้องอีกคนชื่อเจ้าชายราดู
วลาดที่2กับเจ้าชายราดู
วลาดที่2 เป็นสมาชิกของ Order of the dragon เป็นองค์กรของอัศวินคริสเตียน ก่อตั้งโดยจักรวรรดิโรมันศักดิ์สิทธิ์และฮังการี มีไว้ต่อสู้กับพวกมุสลิมในออตโตมัน
วลาดที่2เลือกใช้นามแฝงว่า “ดรากูล” ซึ่งแปลว่ามังกรในภาษาโรมาเนีย
วลาดที่2นางค่อนข้างภูมิใจและเห่อชื่อนี้มากๆเลยตั้งนามแฝงให้วลาดที่3ว่า”ดรากูล่า” ซึ่งแปลว่าบุตรชายของมังกรนั่นเองค่ะ!✨
ภายหลังวลาดที่3 ได้เข้าร่วมองค์กรนี้ด้วย เพราะว่าเค้าเป็นคนที่เคร่งศาสนามากๆค่ะ
ตอนนั้นแคว้นวัลลาเคียถูกฮังการีปกครอง วลาดที่2จึงทรยศองค์กร เข้าร่วมกับ เติร์ก(จักรวรรดิออตโตมัน-ปัจจุบันคือประเทศตุรกี)
แล้วส่งลูกชายสองคนไปเป็นตัวประกันของ สุลต่านมูรัดที่คอนสแตนติโนเปิลซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักวรรดิออตโตมัน(ปัจจุบันชื่อ”อิสตันบูล”) เพื่อแสดงความจงรักภักดี
ที่นั้นเจ้าชาย2คนต้องเรียนรู้ศาสตร์สงคราม การขี่ม้า เพราะว่าทรานซิลเวเนียอยู่ตรงกลางจักรวรรดิออตโตมัน(พวกเติร์ก)กับจักรวรรดิออสเตรีย(ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค) ซึ่ง2จักรววรดินี้ ไฟว้กันอย่างหนักมาก
วลาดที่3 ไม่พอใจที่พ่อทรยศองค์กร แล้วที่สำคัญ เขาเกลียดพวกเติร์กอย่างที่สุด
เอาเป็นว่าใครเป็นเติร์ก วลาดที่3เกลียดหมด เหมารวมเติร์กทุกคนว่าเป็นคนชั่ว
ที่วลาดที่3โมโหอีกอย่างเพราะว่า เจ้าชายราดู ชอบพวกเติร์ก สนิทกับลูกชายสุลต่านมาก ขนาดเปลี่ยนศาสนาจากคริสต์เป็นอิสลาม
จักวรรดิออตโตมันสอนเจ้าชายทั้งสองเรื่องการรบ,ภาษาตุรกี,การสู้บนหลังม้า
แต่วลาดที่3ก็ยังเกลียดเติร์กอยู่ดี แถมยังก้าวร้าว จนถูกลงโทษอยู่บ่อยๆ
เจ้าชายวลาดยิ่งเกลียดเติร์กเข้าไปใหญ่ เกลียดจนเข้ากระดูกดำ
ภาษาเติร์ก
องค์กรของฮังการีไม่พอใจที่วลาดที่2ไปเข้าร่วมกับเติร์ก จึงจัดการเก็บวลาดที่2
เมื่อวลาดที่2ตาย สุลต่านจึงส่งกองทัพมายึดวัลลาเคียคืนจากฮังการี แล้วแต่งตั้งวลาดที่3ครองราชย์ แต่ครองได้ไม่นาน ก็ถูกฮังการียึดกลับ
ซึ่งเข้าทางวลาดพอดี เพราะนางเกลียดเติร์ก จึงฉวยโอกาสนี้เข้าร่วมกับฮังการี แล้วตีเติร์กในวัลลาเคีย ขึ้นครองเป็นกษัตริย์
หลังจากนั้น วลาดที่3ก็ได้แก้แค้นพวกเติร์กอย่างสมใจอยาก...
วลาดที่3ยังเคร่งศาสนามาก ปกป้องศาสนาคริสต์อย่างเคร่งครัด เขาได้สร้างโบสถ์ขึ้นมา5แห่ง และห้อมบ้อมตัวเองด้วยพระ และนักบวช เขาเชื่อว่าพวกเติร์กน่ะบาปมาก พวกนั้นต้องตกนรก
หลังสงครามเชลยชาวเติร์กยังเหลือในวัลลาเคีย
ตอนวลาดอยู่ที่ออตโตมันชอบการทรมานเชลยแบบหนึ่งมากเป็นพิเศษ ซึ่งการทรมานแบบนี้เรียกว่า “การเสียบ”
ก็คือนำเหล็กแหลมมา แล้วเสียบกลางร่างให้ตายทันที
แต่สำหรับวลาด นางหลีกเลี่ยงการเสียบโดนอวัยวะสำคัญ เพราะว่าอยากให้นักโทษทรมาน และตายอย่างช้าๆ
บางครั้งเหยื่อที่โดนวลาดเสียบกว่าจะตาย ใช้เวลาหลายวัน บางคนอยู่เป็นเดือนก็มี
เมื่อเสียบเชลยหมด วลาดว่าง เลยยัดเยียดข้อหาปัญญาอ่อนลงโทษคนไปเรื่อย เช่นผู้หญิงมีชู้ พ่อค้าหลอกลวง,ไม่นอมลดราคาของให้นาง,ภรรยาที่เย็บเสื้อสามีแล้วแขนเสื้อสั้นเกินไป(อันนี้คืออิหยังวะมากค่ะ😂)
ซึ่งคนพวกนี้จะโดนเสียบประจานจนเหลือแค่กระดูก เพื่อเป็นบทเรียนให้ประชาชน
แต่วลาดมักเสียบในเวลาสำคัญ หรือโอกาสพิเศษ โดยเฉพาะตอนมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อให้เป็นเกียรติแก่แขกผู้มาเยือนและเพื่อความตื่นเต้น
เหยื่อที่วลาดชอบเป็นพิเศษคือหญิงมีชู้
จะพิเศษใส่ไข่กว่าแบบอื่น เพราะว่าผู้ทำผิดจะถูกทรมานโดยการตัดอวัยวะเพศหรือเต้านมออกก่อน จากนั้นจะถูกเหล็กเผาไฟจนแดงแทงกระพุ้งแก้มจนทะลุออกปาก
มีครั้งหนึ่ง ภรรยามีชู้โดนถลกหนังและสับแขนขาก่อนถูกนำไปเสียบประจาน
วลาดกับเพื่อนๆนางชอบเอนจอยอีตติ้ง เฮฮาปาร์ตี้ใกล้ๆเหยื่อที่โดนเสียบ แม้ว่าจะมีเสียงรัองครวญคราง หรือ กลิ่นคาวเลือด
ตอนนางโดนขังก็ยังหมกมุ่นเรื่องเสียบ
นางเอาสัตว์เล็กๆแบบนกมาเสียบๆๆๆจนเต็มห้องในคุกนาง😱
ทุกคนต่างให้ฉายาวลาดว่า
“Vlad The Impaler” หรือวลาดจอมเสียบ
ในปีคศ1459 ณเมืองราซอฟ พ่อค้าในเมืองไม่ยอมจ่ายภาษีที่วลาดทวงมาหลายครั้ง นางโกรธมาก ถล่มเมืองอย่างบ้าคลั่ง เมืองถูกเผาเรียบ ชาวเมืองถูกเสียบไว้ใกล้ๆเมือง
แล้วนางก็กินอาหารแถวๆนั้น ลูกน้องนางคนนึงอ้วกเพราะเหม็นเลือด วลาดจึงสั่งเสียบอีคนนั้น แต่ไม้สูงที่สุด เพราะถือว่าเป็นสหายร่วมรบ
นอกจากนี้วลาดนางก็มีวิธีการทรมานวิธีอื่นนอกจากเสียบด้วยเหมือนกันนะคะ นางเคยสั่งให้ฝังคนลงดินถึงสะดือ โดนใช้เป็นเป้าซ้อมธนู บ้างถูกถลกหนัง บ้างก็โดนเผา บ้างโดนต้มในหม้อใหญ่ๆ
พวกยิปซีเคยหลงมา300คน นางเลือกมา3คนแล้วจับเผาทั้งเป็นแล้วให้กินกันเอง
ชื่อเสียงความโหดของนาง ทำให้พวกเติร์กกลัวนางมาก(ขนาดนี้ใครๆก็ต้องกลัวแหละ) แต่ก็อยากได้เมืองคืนจึงยกทัพชุดใหญ่มา วลาดมีทหารน้อยดว่าเยอะ ใช้วิธีโรยยาพิษใส่น้ำฝั่งนั้น,ให้คนเป็นโรคไปแพร่เชื้อในเขตข้าศึก
แต่สิ่งที่ทำให้ทหารกลัวที่สุดก็คือ สุลต่านเดินทัพมา5กิโล เห็นทหารเติร์กกับร่างผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ถูกเสียบ2หมื่นกว่าคน เป็นพื้นที่ยาว3กิโล กว้าง1กิโล ทหารเติร์กทั้งกองทัพกลัวมาก สุลต่านไม่อยากได้ดินแดนโหดร้ายแบบนี้เป็นอาณานิคมจึงยกทัพกลับทันที
วลาดครองราชย์ได้16ปีก็ถูกฆ่าตายระหว่างสู้กับเติร์กมนปี1476 จากนั้นก็ถูกตัดหัวเสียบประจาน ณ กรุงคอนแสตนติโนเปิล เพื่อให้ชาวเมืองทุกคนกลัว
เป็นอันว่าปิดตำนานวลาดจอมเสียบ
ส่วนเรื่องแดรกคิวลา เป็นนิยายเรื่องที่5ของบราม เป็นแนวสยองขวัญ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ1857 เขียนในรูปแบบันทึกจดหมายโต้ตอบกันของตัวละครในเรื่อง
โดยผลงาน21เรื่องบราม เรื่องนี้ดังที่สุดแล้ว
นายบราม สโตเกอร์ได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องแดรกคิวลาจากความเจ็บป่วยตัวเองตอนเด็ก(บรามยืนไม่ได้จนถึง7ขวบ หลังจากนั้นก็แข็งแรงดี) และเขาได้เรฟท่านเคานท์แดรกคิวลามาจากวลาดที่3 เพราะแบรมถูกใจความโหดของนางมาก เลยขอยืมชื่อมาใช้ซะเลย
โดยเพิ่มให้แดรกคิวล่าแวมไพร์เป็นอมตะ ผิวซีด มีเขี้ยวยาว สวมผ้าคลุมด ชอบดื่มเลือด เมื่อถูกกัดจะกลายเป็นแวมไพร์ำ จะนอนในโลงศพตอนเช้า จะล่าเหยื่อตอนกลางคืน
มีจุดอ่อนก็คือไม้กางเขนและกระเทียม
วิธีฆ่าแวมไพร์คือ ใช้ลิ่มตอกที่หัวใจแวมไพร์ตอนนอนในโลง แล้วตัดหัว
ปัจจุบันกลายเป็นว่าเคานท์แดรกคิวล่า กลายเป็นสัญลักษณ์ไอคอนิกประจำประเทศโรมาเนียไปซะแล้วล่ะค่ะ✨
ในแต่ละปี นักท่องเที่ยวกว่า15.7ล้านคนได้มาเดินทางชมปราสาทแดรกคิวลาที่โรมาเนีย
ชาวโรมาเนียยกย่องวลาดมากๆ วลาดเปรียบเหมือนวีรบุรุษกู้ชาติของพวกเขาเลยแหละค่ะ✨
จบแล้วค่าา ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ🙏💗✨
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
