18 ม.ค. 2020 เวลา 06:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
MakerDao คืออะไร ? ทุกอย่างที่ต้องรู้เกี่ยวกับ MakerDao ?, สาย Vi วิเคราะห์อย่างไร ? , ความคิดเห็นจากคุณ Tonhor CEO ของ Kulap Decentralized Exchange. By : Crypto Vi man
1
Project
MakerDao คือแพลทฟอร์มการกู้ยืมเงินที่มาจากการพัฒนาจากแนวคิด Decentralized Autonomous Organization หรือ DAO ที่มีความประสงค์ที่ต้องการสร้าง Decentralized stable coin (เหรียญที่มีมูลค่าคงที่โดยปราศจากตัวกลาง ) ในชื่อที่เรียกว่า DAI ที่มีมูลค่าเทียบเท่า ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1$ และมีผู้ครอบครองเหรียญ MKR เป็นคนดูแลระบบและกลไก
Decentralized Autonomous Organization หรือ DAO คืออะไร ?
คือ องกรณ์นักพัฒนาที่มีความประสงค์ที่จะกระจายอำนาจให้กับทุกคน ดังเช่นรูปภาพด้านบนในด้านขวา
ส่วนด้านซ้ายนั้นเป็นแบบ Traditional Top Down ที่มีเพียง CEO เป็นมีอำนาจมากที่สุด
ซึ่งจริงๆแล้วเหรียญอย่าง Bitcoin หรือ Dash ก็ได้เอาแนวคิดของ DAO มาใช้เช่นกัน
2
MKR คืออะไร
MKR เป็นเหรียญ Cryptocurrency ที่มีความผันผวนตามกลไกตลาด MKR เปรียบเสมือน Governance Token ที่เอาไว้ใช้จ่ายในการทำ Collateralized Debt Positions หรือ CDP (CDP นั้นเป็นขั้นตอนในการสร้างเหรียญ DAI ขึ้นมา) โดยเมื่อเราทำการจ่ายค่า Fee ในส่วนนี้ เหรียญ MKR นั้นก็จะถูกเผาไปเรื่อยๆ
ผู้ที่ถือเหรียญ MKR นั้นจะมีสิทธิในการโหวต Business Logic อย่าง Stability Fee หรืออัตราดอกเบี้ย( interest rate ) และ Risk Management อย่างเช่น สิทธิในการเสนอทางแก้ไขหากพบเจอบัคหรือช่องโหว่ของ Maker Eco-system เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่าง The DAO ที่มีการแฮก Ethereum ครั้งใหญ่จนเป็นจุดกำเนิด Ethereum classic (ปัจจุบันจำนวนการเผาเหรียญ MKR อยู่ที่ 10178 ณ วันที่แอดมินเขียน)
3
แล้ว DAI แตกต่างจาก stable coin อันอื่นอย่างไรละ ?
ก่อนอื่นนั้น DAI ถูกสร้างขึ้นมาโดยมี Ethreuem เป็น Backup Asset โดยการสร้างเหรียญ DAI นั้นต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Collateralized Debt Positions หรือ CDP (ปัจจุบันถูกเรียกว่า Vaults) คือการที่เราเอาเหรียญ Ethereum ไปคำ้ประกัน ผ่านทาง Smart Contract ซึ่งเหรียญ Ethereum ที่เราเอาไปคำ้ประกันนั้นจะถูกล็อคใน Escrow จนกว่าเราจะคืน DAI จนครบ และ CDP นั้นยังได้ทำการเผา DAI เท่าจำนวนกับที่เรายืมมา จนเกิดเป็นวัฎจักรที่เรียกว่า “ Creating and buring ”หรือการสร้างเหรียญและการเผาเหรียญ เพื่อให้ DAI มีเท่ากับจำนวนอุปสงค์ในตลาดตาม Money circulating นั้นเอง
3
วิธีที่ DAI ใช้เพื่อให้มีมูลค่าคงที่
1
โดยมีกฎหลักคือ การที่จะ สร้าง DAI ที่มีมูลค่า 100$ นั้นต้องทำการ Lock-Up Ethereum ที่มีมูลค่ามากกว่า 125 $ โดยค่า Premium ตรงนี้จะถือเป็นส่วนต่างที่เอาไว้ป้องกันความเสี่ยงของ ราคา Ethereum ที่มีความผันผวน
1
ถ้า สมมุติเกิดเหตุการณ์ที่ Ethereum มีความผันผวนมากจนราคาของ ETH ลดลงไป ตำ่กว่าเกณฑ์ของ Premium mark นั้น CDP อันนี้จะถูกบังคับให้ปิด หรือไม่ ผู้ที่ทำการ Lock-up Ethereum จำเป็นต้องฝาก ETH เพิ่มในการแก้ปัญหานี้
3 ตัวอย่างในแต่ละ senario ( สมมุติ หนึ่ง Ethereum = 150$ แล้วนาย Satoshi มีความประสงค์ที่ต้องการจะฝาก หนึ่ง Ethereum และ Collateral rate อยู่ที่ 150% )
1.นาย Satoshi ต้องการยืม 50 DAI นั้นหมายความว่า CDP ของ
นาย Satoshi ถูก Collateralised 300% ถ้าราคา Ethereum ไม่ร่วงตำ่กว่า 75 $ position นี้ก็จะปลอดภัย และเมื่อครบกำหนดนาย Satosho ก็คืน DAI และจ่าย Stability Fee หรือดอกเบี้ยกู้ยืม
2.นาย Satoshi ต้องการยืม 75 DAI นั้นหมายความว่า CDP ของ
นาย Satoshi ถูก Collateralised ที่ 200% ถ้าหากราคาของ Ethereum ขึ่นไป 300$ นั้นหมายความว่านาย Satoshi สามารถ กู้ยืมได้อีก 100 DAI
3.นาย Satoshi ต้องการยืม 100 DAI นั้นหมายความว่า CDP ของนาย Satoshi ถูก Collateralised ที่ 150% ถ้าหากราคาของ Ethereum ร่วงตำ่กว่า 100$ ซึ่งตำ่กว่า Premium Mark และ นาย Satoshi ไม่มี Ethereum พอที่จะเอาไปฝากเพิ่มเพื่อรักษา Position ก็จะทำให้เกิดการ Liquidate จาก
Third party
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการการเทรด DAI ที่ราคามากกว่า หรือ น้อยกว่า 1 $ ( Extreme Market Volatility ) DAI จะควบคุม Demand , Supply และจัดการอย่างไร ?
1
MarkerDao จึงมีระบบที่เรียกว่า Target Price Feedback Mechanism (TRFM) เป็น Automatic Mechanism ที่คอยดูแลกลไกตลาด โดยใช้แรงจูงใจของผู้ใช้งาน
เช่น
ถ้าเกิดการเทรดที่มีมูลค่าน้อยกว่า $ 1 ก็ต่อเมื่อ Supply มากกว่า Demand
TRFM เป็น Positive หมายความว่า ต้องลดจำนวน Supply โดยการ เพิ่มกำแพงในการสร้าง DAI ( Decreased Supply ) หรือให้แรงจูงใจแก่ผู้ถือเหรียญ DAI (increase Demand )
ถ้าเกิดการเทรดที่มีมูลค่ามากกว่า $ 1 ก็ต่อเมื่อ Demand มากกว่า Supply
ในตลาด
TRFM เป็น Negative หมายความว่าต้องลดแรงจูงใจในการถือ DAI ( Decreased Demand ) ลดกำแพงในการสร้าง DAI ( Increased Supply )
และแน่นอนอัดตราดอกเบี้ยเงินปล่อยกู้ (stability Fee) ในการทำธุรกรรมนั้นขึ้นอยู่กับ ทาง Community ว่ามีความเห็นอย่างไร การมีดอกเบี้ยต่ำคือแรงจูงใจ ให้ผู้คนมา Lock-up Ethereum และปล่อยกู้ DAI มากขึ้น ส่วนดอกเบี้ยสูงนั้นก็คือตรงกันข้าม
ปัจจุบันมาการ Locked-up Ethereum อยู่ที่ 822,423 ETH
( นับแค่ CDP เท่านั้น )
ถ้านับในส่วนของ MCD Vault ( Multi-collateral Dai เดียวมาขยายความน่ะครับ ) ด้วยจะอยู่ที่ ราวๆ 2.35 ล้าน ETH และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วทำไมไม่ใช้ Tether ?
สำหรับ Tether นั้นถูกยกย่องให้เป็น Stable coin ที่ผู้คนใช้เยอะสุด แต่ก็มีข้อกังขามากมาย ทั้งการตรวจสอบ บัญชี ว่ามีเงิน USD มาคำ้จริงไหม ? และ Third party risk เช่นการที่บริษัทถูกฟ้องร้องในข้อหาปั่นราคาและอีกมาก
มายที่สามารถส่งผลกระทบ sentiment ของนักลงทุน
จำนวนผู้ใช้งาน DAI
ในช่วงปี 2019 จำนวนผู้ถือครอง DAI (เส้นฟ้า) จำนวน DAI ในระบบ (เส้นสีเขียว) จำนวนบัญชีที่ Actice (เส้นสีแดง) มีจำนวน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากความต้องการ Stable coin ในตลาดและจำนวนผู้ใช้งาน DeFi ที่เพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของเส้นสีแดงที่มีการ Spike ขึ้นในเดือนสิงหาคมเพราะ เกิดจากการที่ Coinbase ปล่อยแคมเปญ เกี่ยวกับ DAI ร่วมไปถึงสอนวิธีการใช้ วิธีการ
Lock-Up Ethereum เพื่อสร้าง DAI, Collateralized Debt Positions โดยคาดการณ์ว่า แคมเปญของ Coinbase นั้น สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้าถึง
Maker Protocal ถึง 76,000 คน
สัดส่วนผู้ที่ครอบครอง DAI ส่วนใหญ่
สำหรับผู้ที่ครอบครอง DAI ส่วนใหญ่มากกว่า 60 % ตกไปอยู่ที่รายย่อย หรือ Private user นั้นเอง ในส่วนของ Dapp นั้นที่ครอบคลองเยอะที่สุดคงหนีไม่พ้น Compound และถ้าในอนาคตมีการใช้งาน DeFi มากขึ้น Compound จะกลายมาเป็น Modern Financial Service และนี้ก็จะเป็นตัวแปรบวกที่ส่งผลถึง DAI แน่นอนครับ
*ข้อมูลนี้มีประโยชน์อะไร*
อย่าลืมน่ะครับ ยิ่งมีผู้ใช้งานมากเท่าไร เท่ากับว่าจะเกิดการเผาเหรียญ MKR มากขึ้นเพื่อเป็น Processer Fee นี้ยังไม่ร่วมถึงกราฟที่แอดโชว์นั้น คือการใช้งานในช่วงปี 2019 ซึ่งเป็นตลาดหมีทีซบเซา
หลักการเศรษฐศาสตร์ 101 ถ้า Supply มีจำกัด แต่ Demand มีเท่าเดิม จะส่งผลให้ราคาขยับตัวสูงขึ้น
แต่สมมุติถ้าเราอยู่ใน Extreme Scarcity case ที่ Supply gradualy decrease , Demand steady increase นั้นแน่นอนว่าจะส่งผลทำให้ราคาทะยานขึ้นอย่างแน่นอน
Team
ในตอนนี้ขอนำเสนอแค่ บุคคลเป็น Rising star น่ะครับ
คุณ Torbem Jergensen เป็น ผู้อำนวยการด้านการเงิน เคยทำงาน
อยู่ใน PwC ซึ่งเป็นหนึ่งใน Big 4 ของบริษัทตรวจสอบบัญชี
และมีประสบการณ์เป็นถึง CFO ในบริษัทอย่าง Saxo Markets
ซึ่งเป็น วาณิชธนกิจ ของประเทศอังกฤษ
คุณ Søren Peter Nielsen เป็นผู้อำนวยการด้านสินค้า มีประสบการณ์ใน IBM มานานถึง 20 ปี ซึ่งเป็นบริษัท ผลิตคอมพิวเตอร์และให้บริการด้านคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ รายใหญ่ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีพนักงานมากกว่า 330,000 คนทั่วโลก
ในส่วนของทีมงานที่เหลือนั้นอาจไม่จุดเด่นที่สุดแต่ก็สามารถบอกได้ว่าแต่
ละคนเหมาะสมกับตำแหน่งครับ และตอนก็นี้มีพนักงานถึง 100 คนรอบโลก
Makerting
Blog: Update ทุก announcement อย่างสมำ่เสมอ. 5/5
Reddit : มีการช่วยเหลือ Community อยู่บ่อยๆ. 5/5
twitter : Update ข่าวสาร ตลอด 5/5
Facebook เน้น Post Blogและ active มาก 5/5
Youtube : มี update video สมำ่เสมอ. 5/5
Goal
ก็ตอนนี้ทาง MakerDao ไม่มี RoadMap แล้วน่ะครับแต่ Main Objective
หลักแต่ ณ ปัจจุบันคือต้องการขยาย EcoSystem ของ MakerDAO
เช่น เพิ่มการใช้งานของ DAI ใน Dapp ต่างๆ
เท่าที่ทราบเพิ่มเติมภายในปีนี้ DAI พยายามที่จะไปลิสใน Exchange ใหญ่ๆ ให้ได้
ทุกอย่างที่ต้องรู้เกี่ยวกับ MakerDAO
MakerDAO นั้นก่อตั้งในปี 2014 ระดมทุนไปทั้งหมด 4 รอบได้เงินไปถึง 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยมีกลุ่มทุนชื่อดังอย่าง Andreessen Horowitz ซึ่งเป็น Ventuer Capital และในอดีตเคยได้ลงทุนในบริษัทดังๆมากมายอย่าง Facebook , Lyft , Skype และจากรายงานได้ระบุว่า Andreessen Horowitz ได้ทำการเข้าซื้อ
MKR ถึง 6% จาก total Supply
ปัจจุบัน MakerDAO ได้ทำการอัพเกรดระบบจากการโหวตของชุมชน
โดย
ตอนแรกเหรียญอย่าง SAI หรือ Single- Collatereal (หรือ DAI เก่า)
นั้นสามารถไปคำประกันกับแค่เหรียญเดียวนั้นก็คือ ETH
แต่
ปัจจุบัน Multi-Collateral (DAI ใหม่) คือการไปคำ้กับสกุลเงินหลายๆสกุล
ซึ่งปัจจุบันรับรอง ETH กับ BAT
เพื่อเป็นการลด Risk ของ Volitility ในเหรียญเดียว
โดยทาง MakerDAO Community นั้น
กำลังที่จะพิจารณาที่จะเพิ่มเหรียญไปคำ้ประกันอย่าง
Augur (REP), DigixDAO (DGD), Golem (GNT), OmiseGo (OMG),
0x (ZRX)
1
Dai Savings Rate หรือ (DSR)
นั้นก็คืออัตราดอกเบี้ยเมื่อเรา ฝาก DAI ไว้ใน https://oasis.app/save โดย Dai Savings Rate นั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพตลาดแต่ DSR
ดังเช่นตัวอย่างในรูปภาพ
สมมุติให้เงินต้น 100 DAI และ DSR อยู่ที่ 5 % ต่อปี เมื่อครบกำหนดเราถอด DAI ก็จำได้จำนวน
100 DAI (เงินต้น) + 5 DAI (ดอกเบี้ย)
Note : ในส่วนสำหรับคนที่ครอบครอง SAI อยู่ก็ต้องไปเปลี่ยนเป็น DAI ได้ที่ https://migrate.makerdao.com/
ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 438.16 $
MakerDao นั้นเป็น DeFi อันแรกๆ
ที่ได้รับความสนใจจากชุมชนเป็นอย่างมาก
สาย Vi วิเคราะห์อย่างไร
MakerDAO นั้นเปรียบเสมือนธนาคารกลางของโลก Cryptocurrency ที่ผู้คนที่มีอินเตอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงได้
1
แล้วพอมี Stable coin อย่าง DAI นั้นก็เปรียบเสมือน Base Layer ที่จะมีนวัตกรรมทางการเงิน หรือ Financial Innovation เข้ามาเพื่อสร้าง Value added ในระบบขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างเช่น Compound , InstaDapp , Uniswap , dydx
ในส่วนของความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือของ DAI อยู่ในเกณ์เดียวกันกับ USDC หรือ Pax ที่มี Regulate Audit และการที่ DAI Lock-Up ETH หรือ BAT นั้นจะยิ่งทำให้ Status ของสองเหรียญนั้นเปลี่ยนไปจาก Current Asset ไปเป็น Fixed Asset ถ้าเทียบกับ stable coin อย่าง Tethers นั้นทาง Tether นั้นมีความเสี่ยงอย่าง Counterparty Risk และ Credit risk ในส่วนของ DAI นั้นมีข้อเสียอย่างเช่นมุมของ User expirence เนื่องจากมี Complex Machanism
ในส่วนของ DAI User Base นั้นคาดการณ์ว่าจะโตตามการ Adoption ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะอิงไปกับเติบโต DeFi ขัอสังเกตุคือ “DeFi Trend ” นั้นจะไปได้ไกลแค่ไหน ซึ่งถ้าเราลองดูมูลค่าดอลลาร์สหรัฐที่ถูกล็อกบน DeFi นั้นจะอยู่เทรนขาขึ้นอย่างชัดเจน (increasing returns to scale)
2
แต่ !!!
ถ้าเราดูลึกขึ้นไปอีกนิดเราจะเห็นว่า Category ของ Defi ที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะ มีเพียงแค่ในส่วนของ Lending เท่านั้นซึ่งห่างจากในส่วนอื่นๆอย่าง DEXS , Derivative , Asset ที่จำนวนการใช้งานยังน้อยอยู่มาก [ ข้อมูลต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเล็กน้อย เพราะเอาข้อมูลมา ณ เวลาที่แอดมินเขียน ]
รูปข้างต้นคือจำนวนผู้ใช้งาน DeFi ในแต่ละ protocol
[ เดียวตอนหน้าแอดจะมาเขียนเรื่อง DeFi น่ะครับ ข้อดี -ข้อเสีย และอนาคตของ Defi ]
ความคิดเห็นจากคุณต้นฮ้อ
จริงๆแล้วคำว่า DAO มาจาก Decentralized autonomous Organization และ Concept ของมันคือองกรณ์ที่ไม่มีลำดํบชนชั้นหรือตัวกลางและมีการจ่ายผลตอบแทนผ่าน Smart Contract ซึ่งองกรณ์นี้ก็สร้าง stable coin system ที่เรารู้จักกันดีอย่างเหรียญ DAI
ย้อนความไปนิดนึง จริงๆแล้ว Stable coin นั้นมีอยู่ 3 ประเภท
1.การที่เอา Asset จริงๆมาคำ้ อย่างเช่น USDT
2.Asset ที่อยู่บนโลกของ Crypto
3.Stable coin ที่ไม่มีอะไรคำ้เลย แต่ใช้ระบบ Algorithm บางอย่างที่ทำให้เหรียญมัน Stable ตอนที่เป็นเพียงทฤษฎี ถึงแม้มีคนพยายามทำแต่ก็ยังไม่ success
ในส่วนของ MakerDao
ใน Version 1 สมมุติตัวเรายืมมา 100$ และ Stability Fee อยู่ที่ 1$ ตรง 1$ ที่เสียนี้ก็คือเสียเป็นเหรียญ Maker เพราะฉะนั้นเหรียญ Maker ก็จะ Burn ไปเรื่อยๆ แต่ใน Version 2 ตรง 1$ เนี่ย ไม่ได้เอาไป Burn เหรียญ Maker แล้วแต่เอาไปให้คนที่ถือเหรียญ DAI ที่เอาไปฝากไว้ในระบบว่า Dai Saving rate หรือ DSR
สิ่งที่ MakerDao ทำเนี่ยเปรียบเสมือน สิ่งที่ Federal Reserve หรือ FED ที่คอยควบคุมอันตราดอกเบี้ยต่างๆ แต่กลับกับในส่วนของ MakerDao คนที่ดูแลกลไกก็คือทุกคนที่ถือเหรียญ MKR ซึ่งพอทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนนั้นก็ต้องอยากกำหนดทิศทางให้ดีที่สุดตาม Game Theory
1
เราอาจคุ้นชื่อคำว่า DeFi ซึ่งเปรียบเสมือนโลกการเงินใหม่ ที่พึ่งเริ่มต้น เกือบ ๆ 2 ปีได้ ซึ่งก็เริ่มต้นจากเหรียญ DAI นี้แหละ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยมี Compound , Synethetix
Vi man : แล้วคุณฮ้อมีความกังวลเกี่ยวกับด้าน Regulation กับ DeFi ไหมครับ ?
TonHor : จริงๆในมุมมองกฎหมายเข้าจะมุ่งเน้นไปที่ Crypto-to-fiat แต่ในมุมมอง Crypto-to-Crypto อันนี้ยังไม่แน่ใจ ซึ่งถ้ามีกฎเกณฑ์มากำกับจริงๆ DeFi คงโตไปไกลมากแล้ว
แต่ที่กังวลกว่าคือความรู้และความเข้าใจของ user มากกว่าเพราะต้องเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้พื้นฐานด้าน IT ประมาณนึง อย่างแรกคือการใช้งาน Decentralized wallet เพราะไม่งั้นก็อาจมีเหตุการณ์อย่างช่วงที่ BX ปิดตัวลง และมีกลุ่มคนจำนวนมาก ที่ไม่รู้วิธีการโอนออก เกิดขึ้นอีกครั้ง
ขอขอบคุณ คุณต้นฮ้อจาก Kulap อีกรอบน่ะครับ
By : Crypto Vi man
ไปอ่านความรู้เก่าๆได้ที่ https://www.facebook.com/CryptoViman/
โฆษณา