17 ม.ค. 2020 เวลา 13:31 • ไลฟ์สไตล์
พอครูประกาศรายชื่อดรัมเมเยอร์แล้วไม่มีซื่อเธอ เธอก้มหน้า คิ้วขมวด
"กลับบ้านกันเถอะลุง" เธอจูงมือเฮียพร้อมเดินนำหน้าขึ้นรถ
ทำหนูไม่ได้เป็นดรัมเมเยอร์หล่ะลุง? เธอพูดบนรถ
ลุงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าครูใช้เกณฑ์อะไรตัดสิน แต่ดรัมเมเยอร์ห้องหนูมี5คน ซึ่งมีคนอีก20คนไม่ได้เป็น
แบบนี้เขาเรียกว่าระบบตัวแทน 5คนนั้นเป็นตัวแทนเพื่อนโดยครูเลือก
หนูอยากเป็นนี่ลุง เธอเริ่มเบะปาก ร้องไห้ไม่เสียง น้ำตาอาบแก้มบนคาร์ซีท
เฮียยื่นมือไปด้านหลังเพื่อจับมือ เธอบีบมือตอบ มองข้างทาง ไม่พูดอะไร น้ำตาไม่หยุดไหล
หนูไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว เธอเริ่มงอแง ร้องไห้เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
เฮียแวะจอดที่ปั้มเพื่อเข้าไปกอดเธอ แล้วลูบหลัง
ที่โรงเรียนยังอีกหลายกิจกรรมให้เราแก้มือ หนูเคยได้ถือพาน อันนั้นหนูเป็นตัวแทนผู้หญิงทั้งห้องเลยนะ
ปีนี้ไม่ได้เป็น ปีหน้าเราต้องซ้อมเดินเท้าให้พร้อมกว่านี้
หนูอยากเป็นปีนี้ เธอยิ่งร้องไห้ เสียงดังกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้เธอใช้กิ่งไม้แทนคฑาซ้อมที่บ้านราว1สัปดาห์ เธอย้ำบ่อยๆว่าถ้าได้เป็น ลุงต้องมาถ่ายรูปกับหนู พอผลไม่เป็นอย่างที่คิด เธอร้องไห้กระสับกระสาย ความผิดหวังใหญ่ครั้งแรกของชีวิต เด็ก5ขวบคงรับไหวได้เท่านี้
เธอเริ่มเงียบลง น้ำตาหยุดไหล ลุงไปขอครูให้หนูได้ไหม?
ลุงทำให้ไม่ได้ ครูคัดเลือกไปแล้ว ทำแบบนั้นเหมือนกับเราโกงคนอื่น
สีหน้าเธอไม่พอใจ แต่ก็พยักหน้าว่าเข้าใจ เฮียจึงไปขับรถต่อ
"ทำไมลุงไม่พาหนูไปทะเลบ้างหล่ะ"
ไว้ปิดเทอมนี้ลุงจะพาไป ถ้าหนูว่ายน้ำเป็นจะสนุกมาก(ที่โรงเรียนสอนว่าย แต่เธอไม่ชอบ)
ถ้านั่งเครื่องบินไปหาเอลซ่ากับแอนนาใช้เงินเยอะไหม หนูเก็บเงินได้ครึ่งกระปุก ลุงพาไปได้ยัง?
เฮียตอบว่ายังไม่พอ ฟังจากเธอเล่า เพื่อนเธอคงไปเที่ยวดิสนี่ย์แลนด์กัน เพราะตอนไปดรีมเวิร์ลไม่เจอเอลซ่า แต่สัญญาว่าถ้าเงินครบเมื่อไหร่ ลุงพาไปแน่ แต่หนูต้องเข้มแข้ง และตั้งใจเรียน
เธอพยักหน้า "อย่านานนะลุง"
บ้านเราจนไหม?
ไม่จนลูก เราอยู่ตรงกลาง เหมือนคนสอบได้ที่ 12-15
หนูเบื่อขนมที่ลุงไปเอาของพระมากิน ทำไมเราไม่ไปกินไอติมที่โรบินสัน?
ของที่วัดมีเหลือเยอะมาก เราต้องช่วยหลวงพี่ไง เดี๋ยววันนี้ลุงแวะให้ก็ได้
เธอใช้เวลาไม่นานไอ้ติมก็หมด อารมณ์ดีขึ้นเหมือนลืมเรื่องวันนี้ได้ เฮียจึงพากลับ
พอถึงบ้านเธอไม่ยอมลงจากรถ "หนูขออยู่ตรงนี้ก่อน ลุงอย่าเพิ่งบอกปู่กับย่านะ" เธอร้องไห้อีกรอบ
เฮียไม่ขัดใจเธอ แต่ลดกระจดคู่หน้าให้เธอนั่งในรถซักพัก เรื่องความเสียใจ บางทีก็ต้องให้เธอได้เรียนรู้เอง
ซักพักเธอเปิดประตูรถลงมา วิ่งกอดย่า ร้องไห้โฮอยู่ดี
ย่าโกรธหนูไหม?
ย่าตอบไม่มีใครโกรธหนูหรอก ที่นี่มีแต่คนรักหนู
ไม่เป็นไรเลย ปีหน้าเอาใหม่
เธอพูดตามย่า แล้วพยักหน้า พอเพื่อนข้างบ้านมาเล่นด้วย
เรื่องดรัมเมเยอร์หายไป เธอกลับมาร่าเริง หัวเราะเป็นคนเก่า
หลังจากทานข้าวเย็น อาบน้ำ เล่านิทานก่อนนอนจบ เฮียห่มผ้าให้พร้อมตุ๊กตากระต่ายที่เธอต้องกอด
ปีหน้าเอาใหม่เนอะลุง เธอพยักหน้า เฮียหอมหน้าผากเธอก่อนนอน
เธอพลิกตัวหลายรอบมาก กว่าจะหลับ
เฮียนอนทบทวนว่าเจอความผิดหวังครั้งแรกเมื่อไร น่าจะเป็นช่วงป.2 ที่ถูกครูตีเพราะเล่นกับเพื่อนในห้องขณะสอน เฮียพยามอธิบายว่าไม่ได้เล่น เพื่อนปาเศษกระดาษใส่อีกคน แล้วมันกระเด็กมาทางนี้ เฮียไม่ได้ปาคืน พอเพื่อนลุกมาหยิบที่โต๊ะ ครูหันมาพอดี เลยโดนฟาดด้วยวงเวียนอันใหญ่ เฮียเจ็บแต่พอทนได้
"ไอ้เด็กเลว สอนแล้วไม่ฟัง ตัวเท่านี้ยังกล้าเถียง" ครูจ้องหน้า แล้วด่าเสียงดัง น้ำตาเด็กชายเฮียหมาอาบแก้ม
หลายคำถามของหลานวันนี้เฮียก็กลั่นน้ำตาตอบเหมือนกัน เฮียพยามให้ชีวิตเราดีขึ้นกว่านี้แล้ว แต่มันได้เท่านี้จริงๆ
ปิดเทอมนี้คงต้องพาเธอไปทะเลอย่างที่สัญญาไว้ก่อน เพราะใช้เงินไม่มาก
นึกถึงตอนอายุเท่าหลาน เฮียไม่กล้าพูดอะไรกับผู้ใหญ่ ช่วยงานบ้านเท่าที่ทำได้ แต่ใครสัญญาอะไรไว้เราจำแม่น
ทบทวนเรื่องการเงินเราหมดไปกับกิเลสชั่ววูบหลายครั้ง ปีนี้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เที่ยวอ่าง ยกเว้นเพื่อนเลี้ยง
เฮียตื่นเช้าไปเอากับข้าววัด หลวงพี่สนิทกันเขาเลือกกับข้าวที่หลานพอกินได้ไว้ไห้ทุกวัน
พอถึงบ้านเธอตื่นมาพอดี กำลังนั่งนิ่งสมองเริ่มรันข้อมูลตามประสาเด็กเพิ่งตื่น
ลุง! หนูไม่ได้เป็นดรัมเมเยอร์จริงๆใช่ไหม
ประโยคแรกที่เธอพูด
โฆษณา