Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โมผู้มีความสุขบนรถเข็น
•
ติดตาม
19 ม.ค. 2020 เวลา 08:35 • ครอบครัว & เด็ก
บทที่ 2 : โมกับอาการป่วย
การดำเนินชีวิตของโมกับครอบครัวที่จังหวัดชุมพรจบลงเมื่อโมอายุได้ 6 เดือน แม่รับโมกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมตัวผ่าตัด...ถึงเวลาที่โมจะต้องเจอมีดหมอโรงพยาบาลรามาธิบดีแล้ว
ครั้งเมื่อแรกคลอด โมมีอาการตัวเหลือง ซึ่งหลังจากทีมแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งตรวจหาสาเหตุ พบว่าไตข้างซ้ายของโมมีผังผืดเกาะ ทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ การรักษามีทางเดียวคือการผ่าตัดเลาะผังผืดออกและใส่ท่อที่กรวยไตเพื่อช่วยให้ไตของโมทำงานได้ดีขึ้น
แม่ย้ายโมมานอนรอการรักษาที่โรงพยาบาลรามาฯ กว่า 3 สัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด โมร้องไห้ตลอดเวลา เพราะอาการเจ็บที่ไต โมร้องจนสะดือปูดโตเท่าลูกมะนาว (น้าๆ จึงเรียกโมว่า "จุ่น") สิ่งเดียวที่จะทำให้โมหยุดร้องคือ กอดของแม่ และจุกนมหลอกซึ่งมีความพิเศษกว่าจุกนมหลอกที่มีขายอยู่ทั่วๆ ไป
เมื่อถึงวันผ่าตัด ทีมคุณพยาบาลตึกเด็ก ชั้น 8 มารับโมไปห้องผ่าตัดอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง โดยมีแม่อุ้มโมแนบไว้กับอกไม่ห่าง ถึงหน้าห้องผ่าตัด...แม่ประคองแขนยื่นโมให้กับคุณพยาบาล หัวใจของแม่คงกำลังแตกสลาย...แต่เปล่าเลย แม่โล่งใจกว่าวันไหนๆ ที่ผ่านมา "โมกำลังจะหาย ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เพราะหมอและพยาบาลจะรักษาโมอย่างสุดความสามารถ โมจะไม่ปวดอีกต่อไปแล้ว"
3 ชั่วโมงผ่านไปสำหรับการผ่าตัด โมออกจากห้องพักฟื้นในสภาพเปลือยร่าง มีผ้าพันแผลหนาเตอะตรงบริเวณด้านล่างชายโครงข้างซ้าย พร้อมด้วยเครื่องประดับเป็นสายยางระโยงระยางมากมาย โมคงสะบักสะบอมน่าดูเลยสิท่า...:D
ข่าวดีหลังจากการผ่าตัดจบลง คือทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่บางครั้งเรื่องท้าทายในชีวิตมันก็ไม่ได้จบลงง่ายๆ คุณหมอบอกกับแม่ว่า "คุณแม่ครับ สัปดาห์หน้าหมอจะผ่าตัดไตข้างขวาของโมนะครับ เพราะมีผังผืดเกาะเหมือนข้างซ้ายเลย" แม่คงพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำว่า "ค่ะคุณหมอ" รอบนี้หัวใจแม่ไม่สลายแล้วล่ะ แม่บอกว่าผ่านรอบแรกมาได้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วล่ะโม "ลูกผู้ชายต้องมีบาดแผล"...มันคงไม่ง่ายที่จะยอมรับกับสิ่งนี้ แต่มันก็ไม่ยากเช่นเดียวกันที่แม่จะเข้มแข็ง เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับโม
หลังจากการผ่าตัดครั้งที่ 2 สำเร็จลงอย่างสวยสดงดงาม คุณหมออนุญาตให้แม่กลับบ้านได้ในตอนเย็นของทุกวัน ส่วนการดูแลนั้นคุณพยาบาลจะคอยทำหน้าที่นี้ให้ แต่แม่คงไม่มีความสุขถ้ากลับบ้านโดยไม่มีลูกชาย แม่ขออยู่ดูแลโมที่โรงพยาบาลจนกว่าโมจะหายดี แม่คือหนึ่งในทีมพยาบาลที่เก่งที่สุด พยาบาลคนนี้รู้ใจโมไปเสียทุกเรื่อง กอดของพยาบาลคนนี้อุ่นและปลอดภัยจนทำให้โมหยุดร้องและหลับลงได้ในทุกๆ ค่ำคืน
บนเตียงของโมรายล้อมไปด้วยตุ๊กตาที่ตั้งชื่อให้เป็น พี่นั่นนู่นนี่ มีของเล่นชิ้นเล็กๆ เป็นอุปกรณ์เสริมให้โมคลายปวดแผลได้บ้าง แต่สิ่งเดียวที่ไม่มีอะไรช่วยได้เลย คือการป้องกันไม่ให้แผลผ่าตัดถูกกดทับกับเตียง...เพราะโมไม่ยอมนอนหงาย จินตนาการของแม่จึงต้องทำงานต่อ ทำอย่างไรให้แผลผ่าตัดไม่อักเสบติดเชื้อในขณะที่โมต้องนอนคว่ำ พิเศษกว่านั้นคือ โมไม่ได้มีแค่แผลที่ด้านล่างชายโครงซ้าย ขวา แต่เจ้าชายน้อยของโมก็ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าพันแผลเช่นเดียวกัน...โมถูกขลิบปลายเจ้าชายน้อยไปซะแล้ว :D
ไม่ว่าความท้าทายจะมาในรูปแบบไหน แม่รับมือและจัดการมันได้เสมอ รวมทั้งการหาอุปกรณ์เสริมเป็นท่อสายยางอันเล็กๆ ขนาดเท่าหลอดยาคูล ปลายสายถ่วงด้วยตุ้มเหล็ก อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกออกแบบมาใช้ใส่ในขวดนม เพื่อไม่ให้เด็กดูดอากาศในขวดเข้าปาก ในเมื่อโมต้องนอนคว่ำกินนม อุปกรณ์นี้แหละเหมาะกับคนพิเศษอย่างโมที่สุดแล้ว
หรือแม้กระทั่งจุกนมหลอก ที่ต้องมีความยาวของจุกนมมากกว่าขนาดปกติทั่วไป เพราะโมมีเพดานปากสูง ถ้าใช้ขนาดสั้นๆ เพดานจะไม่รู้สึกถึงความสุขในขณะที่จุกนมกระทบเพดานปาก ซึ่งทำให้โมเคลิ้มหลับลงได้...แต่แม่ก็หาสิ่งเหล่านี้จนเจอ
ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่แม่เชื่อเสมอว่าทุกอุปสรรคมีทางออก และเมื่อเราเชื่อ ทางออกจะมาอยู่ข้างหน้าเรา...แม่เล่าเรื่องนี้พร้อมหัวเราะไปกับความพิศดารของลูกชายและความวุ่นวายที่แม่ต้องเจอ
จนถึงทุกวันนี้ ภาพความเจ็บปวดของโมและความยากลำบากของแม่ไม่ได้กลายเป็นภาพจำที่แสนจะทรมานสำหรับแม่และทุกคนในครอบครัว มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้รู้สึกเคืองอยู่นิดๆ คือคุณหมอเย็บแผลให้โมสวยไม่เท่ากันทั้ง 2 ข้าง คุณหมอควรมีทักษะเย็บปักถักร้อยเพิ่มเติม อย่างน้อยๆ แผลเป็นที่สวยงามและต้องติดตัวไปตลอดชีวิตจะได้เป็นศิลปะงดงามทุกครั้งที่ชำเลืองมอง :D
ช่วงเวลาความเจ็บป่วยของโมผ่านไป 26 ปีแล้ว ผ่านไปพร้อมคะแนนเต็ม 100 ที่แม่ได้จากการสอบผ่านบทเรียนนี้ บทเรียนที่พิสูจน์กำลังใจที่แม่มีให้ตัวเอง ภายใต้ความเข้มแข็ง แม่บอบช้ำ แม่เสียขวัญ แม่เจ็บยิ่งกว่าโม แต่แม่ไม่มีเวลามานั่งพิรี้พิไรให้กับความทุกข์นี้ แม่ใช้เวลาทั้งหมดที่มีเพื่อทำหน้าที่เป็นทีมรักษาโมร่วมกับคุณหมอและคุณพยาบาล แม้ว่าตอนนั้นโมจะยังไร้เดียงสา แต่โมจำหน้าแม่ได้ จำเสียงของแม่ได้ จำสัมผัสของแม่ได้ คุณหมอที่ว่าเก่งแล้ว ยารักษาที่ว่าดีที่สุดแล้ว คงไม่เท่า "รัก" ของแม่ที่สื่อสารออกมาถึงโมผ่านทุกท่วงท่าและน้ำเสียง โมจึงมีแม่ที่เป็นทุกสิ่งและแม่จึงโมที่เป็นทุกอย่าง...เสมอมา และแบบอย่างความเข้มแข็งของแม่ถูกส่งผ่านมาถึงโมจนถึงทุกวันนี้....
ครั้งหน้าจะมาเล่าให้อ่านนะคะ ว่าหลังจากโมออกจากโรงพยาบาลแล้ว แม่กับโมต้องเจอกับอะไรบ้าง...ความท้าทายไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ยังมีบททดสอบความเป็นทีมเวิร์คระหว่างโม แม่ พี่เม และน้าสาวที่โหดหินกว่านี้...ไว้จะมาเล่าให้อ่านค่ะ
บันทึก
19
25
4
19
25
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย