22 ม.ค. 2020 เวลา 05:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
อะไรจะเกิดขึ้นบ้างหากโลกนี้ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่? (EP.3 ตอนจบ)
มาถึงตอนสุดท้ายของซีรีส์ เมื่อโลกไม่มีมุนษย์ หลังจากที่ผ่านมาแล้ว 25 ปีหลังจากที่มนุษย์ได้สูญพันธุ์ไปจากโลก มาติดตามตอนจบกันครับว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร
50 ปี หลังจากโลกไม่มีมนุษย์
เมื่อถึงช่วงนี้ตึกที่มีโครงสร้างแข็งแรงต่างๆจะพังทลาย ประติมากรรมพระเยซูตั้งอยู่บนยอดเขากอร์โกวาดู ประเทศบราซิล จะพังลงมา ตึกใหญ่ๆพังพาบเป็นหน้ากลอง เนื่องจากโครงสร้างถูกรบกวนด้วยรากพืช ความชื้น และสภาพอากาศอันโหดร้าย (ลองนึกถึงภาพต้นไทรที่ขึ้นบนหินครับ ซึ่งตึกไม่ได้แข็งแรงดั่งหิน) กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ของไทยกลับกลายเป็นสวรรค์ของต้นไม้และฝูงสัตว์
กริชตูเรเดงโตร์ (พระคริสต์ผู้ไถ่)
ตึกพังถล่มลงกับพื้น
เมืองในแถบทะเลทรายถูกทรายปกคลุมด้วยทรายและถูกทรายกลืนกิน ก้อนอิฐจะถูกทรายกัดเซาะและโครงสร้างต่างๆก็พังลง
เมืองทะเลทรายถูกทรายปกคลุม
มาถึงตอนนี้ตึก บ้านเรือน โบสถ์วิหาร ต่างๆ พังหมดแล้วนะครับ มาดูกันต่อครับ
75 ปี หลังจากโลกไม่มีมนุษย์
ตอนนี้โลกของเราหากนับตั้งแต่วันที่มนุษย์หายไป ถ้าเป็นอายุคนก็เข้าสู่วัยชราแล้วนะครับ แต่โลกไม่ใช่แบบนั้นครับยิ่งนานวันโลกยิ่งกลับเป็นเหมือนหนุ่มไฟแรง สภาพแวดล้อม อากาศ และธรรมชาติกลับฟื้นมาอีกครั้ง มาชมกันเลยครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างต่อจากนี้
ท่ามกลางซากปะรักหักพังของบ้านเรือน ตึกสูง ที่เสื่อมสลายตามสภาพของอายุและจากการขาดคนดูแล ทำให้ผนังคอนกรีตไม่อาจทนต่อสภาพแวดล้อมได้อีกต่อไป บางส่วนสลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของดิน แต่ว่ายังมีสถานที่แห่งหนึ่งครับที่ผนังคอนกรีตสามารถต่อสู้กับสภาพแวดล้อมได้อย่างแข็งแรงและพืชไม่สามารถแทรกรากเข้าไปทำลายได้ สถานที่แห่งนี้ คือ โบสถ์ Jubelee เป็นโบสถ์คาทอลิก ตั้งอยู่ในกรุงโรม
Jubilee Church
โบสถ์แห่งนี้ คงเป็นแห่งเดียวที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้แม้ปราศจากมนุษย์ดูแล เป็นความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งผนังคอนกรีตมีส่วนผสมของไทเทเนียมไดออกไซค์เคลือบด้วยซีเมนต์ เรียกว่า โฟโตคาตาทาลิติกซีเมนต์ (Photocatalyst) โดยเมื่อมันโดนแสงแดดมันจะเกิดการสลายคาร์บอนไดออกไซค์ และมลพิษต่างๆ ซึ่งเรียนได้ว่าเป็นผนังแบบทำความสะอาดตัวเองได้นั่นเองครับ (ลักษณะของผนังแบบนี้เป็นแนวคิดคล้ายกับการสังเคราะห์แสงของพืช โดยเมื่อได้รับแสงก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีนั่นเองครับ)
ทำให้โบสถ์แห่งนี้ยังคงสีสดใสไว้เหมือนเดิมพืชไม่อาจเข้ายึดครองได้ และตามทฤษฎีแล้วโบสถ์นี้จะคงอยู่ตลอดไปนั่นเองครับ
มาถึงตอนนี้วัสดุที่ยังคงพอหลงเหลืออยู่ของพวกตึกและอาคารของเรานั่นก็คือเหล็กครับ โดยระยะเวลา 75 ปี นี้เหล็กจะยังคงไม่ย่อยสลายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พังนะครับ แค่ยังไม่ผุกร่อนหมดเท่านั้นเอง
150 ปี หลังจากโลกไม่มีมนุษย์
มาถึงตอนนี้เหล็กโครงสร้างต่างๆ ไม่เหลือแล้วครับ ตอนนี้ทุกอย่างแทบจบแล้ว โลกกำลังจะเข้าสู่ช่วงแรกเริ่มของมันอีกครั้ง หลังจากที่ไร้มนุษย์มา 150 ปี ทุกอย่างกำลังจะถูกรีเซ็ท
500 ปี หลังจากโลกไม่มีมนุยษย์
โลกที่ไร้มนุษย์ตอนกำลังจะเป็นไปตามคำพยากรณ์ของพระเจ้านั่นก็คือ เรามาจากธุลี และก็จะกลับคืนสู่ธุลี ทุกอย่างจะกลับสู่จุดเริ่มต้น โลกของเรากำลังปรับปรุงและซ่อมแซมตัวเอง ซากอาคารที่ยังหลงเหลืออยู่มีเพียงส่วนน้อย และต้นไม้ทุกต้นกำลังจะกลายเป็นป่าดึกดำบรรพ์
การกลับคืนสู่ป่าแบบดั้งเดิม
1000 ปี หลังจากโลกไม่มีมนุษย์
หลังจากนี้คือชัยชนะของพืชอย่างแท้จริง พืชเข้ายึดครองทั้งหมด กำแพงหินของโบราณสถานถูกรากพืชเข้าคลุมทั้งหมด ป่ากลับฟื้นคืน เป็นยุคทองของสัตว์ อากาศบริสุทธิ์ ภาวะโลกร้อนไม่มีอีกต่อไป ตอนนี้ทุกอย่างถูกรีเซ็ทกลับสู่สภาพเดิมหมดแล้วครับ ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อนโลกกำเนิดดมนุษย์
ลองจินตนาการดูนะครับว่าหากเราเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เห็นธรรมชาติแบบนี้ และยุคเริ่มแรกมีมนุษย์มีไม่ถึง 1000 คน กับทรัพยากรแบบนี้ เรายังอยากทำให้โลกเป็นแบบทุกวันนี้หรือไม่ ทั้งหมดนี้เป็นการบอกกล่าวจากเรื่องที่ได้ฟังได้อ่านมาเท่านั้นครับ หากแต่ในชีวิตจริงไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า รู้แต่เพียงว่าวันนี้เรามารักษ์โลกของเราให้น่าอยู่ไปอีกนานๆ ดีกว่าครับ
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามรับชมครับ แล้วคุณคิดว่าหลังจากอ่านบทความนี้จบคุณจะทำยังไงกับโลกใบนี้ครับ... ขอให้ทุกท่านโชคดี สวัสดีครับ
โฆษณา