19 ม.ค. 2020 เวลา 16:15 • ศิลปะ & ออกแบบ
ขัดเกลาจิตใจผ่านการวาดรูป
ถ้าในครั้งนี้ผมจะเปรียบเทียบการวาดรูปสักรูปหนึ่งเป็นการต่อสู้ดวลดาบกับคู่ต่อสู้สักหนึ่งยก จำนวนครั้งที่ผมจรดปลายปากกาลงไปขีดเส้น ถือเป็นการฟาดฟัน 1 ครั้ง
คุณอาจจะเห็นภาพมากขึ้นก็ได้
ตั้งแต่เริ่มจำความได้ ผมก็จับดินสอมาขีดบนกระดาษขาวแล้ว และยิ่งขีดมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งวาดเยอะเข้า. ครอบครัวก็ซื้อสมุดให้เพื่อจะได้วาดรวมๆเก็บไว้โชว์ใครได้เป็นหลักเป็นแหล่ง. ผมเคยวาดภาพด้วยดินสอจนหมดไปครึ่งเล่ม โดยไม่รู้ตัว และทุกหน้า อัดแน่นไปด้วยภาพสเกตชที่พรั่งพรูออกมาจากหัวผม
ในเวลานั้นเรียกได้ว่า ผมเปรียบเหมือนนักดาบตัวน้อยที่พร้อมออกศึกทุกสมรภูมิ
จนมาถึงช่วงที่ผมโตขึ้น และได้เริ่มมาเจอกับพญามารที่ทำให้ผมไขว้เขว จนรบแพ้ทุกศึก
สิ่งนั้นคือ Social Media
ทุกครั้งที่วาดรูป มันกลับดึงผมให้ออกไปคิดถึงเรื่องที่เคยดู คนโน้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง สารพัดไปหมด
การไม่ได้วาดรูปจนจบเท่ากับพ่ายแพ้. การวาดงานให้ลูกค้าแล้วงานจบในแบบที่ผมไม่รู้สึกยินดี นั่นคือแพ้ยิ่งกว่า
ผมจึงต้องหยุด แล้วพิจารณาตัวเอง
โชคดีอย่างยิ่งที่ การวาดรูป ก็เป็นการทำสมาธิในตัวมันเองอยู่แล้ว. มันทำให้ผมรู้สึกตัวได้ไวมากว่า ‘เกิดอะไรขึ้นกับเรากัน?’
จนผมได้มารู้ว่า ไม่มีพญามารอะไรทั้งนั้น. ผมพ่ายให้กับจิตใจตัวเองมากกว่า จิตที่อยากออกไปดู youtube , จิตที่อยากไปอ่านเรื่องชาวบ้านใน facebook , จิตที่อยากไปแอบส่องรูปหญิงที่แอบชอบ.
เรียกได้ว่า ผมรู้แล้วว่าที่ผมวาดรูปไม่จบสักรูป ต้นเหตุก็มาจากตัวเอง
ขีดได้เส้นสองเส้นแล้วก็กระโดดออกไปส่องรูปสาวแบบนี้ งานมันจะเสร็จได้ไงล่ะ
ผ่านมาเป็นปีๆแล้ว ที่ผมยุ่งกับเรื่องชาวบ้านน้อยลง. ความรู้สึกที่สนุกสนานเหมือนเด็กวิ่งเล่นกลับมาอีกครั้งเมื่อผมได้จับปากกามาวาดรูป
แปลกดีไหมครับ ปัญหาเหมือนจะเกิดจากการวาดรูป และ ทุกอย่างเหมือนจะคลี่คลายออกได้จากการวาดรูปเช่นกัน
นี่เป็นในกรณีชีวิตผมที่บ้างาดรูปการ์ตูนนะครับ ถือเป็นวิทยาทานให้ทุกท่านที่ผ่านมาอ่านก็แล้วกัน
บทเรียนนี้ ผมว่าสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกๆคนที่เข้ามาอ่านครับ ไม่ว่าคุณจะเจอสิ่งที่อยากทำไปจนตายแล้ว หรือยังไม่เจอ จงทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตคุณ
อย่าให้พญามารมันเล่นงานคุณ เหมือนที่ผมโดน
โฆษณา