20 ม.ค. 2020 เวลา 03:28 • ธุรกิจ
#sprintตัวช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ง่ายขึ้น
อย่างที่แชร์ไปในโพสต์ก่อนหน้า ทั้งการทำ Sprint ของ Google Venture และ Sprint ในบริษัทผม โพสต์นี้จะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้ว เพื่ออรรถรสและความเข้าใจที่มากขึ้น แนะนำให้อ่านสองโพสต์ข้างล่างก่อนนะครับ
◼วิธีการทำ Change ของผมเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
ตอนเป็น HR ใหม่ๆ ผมเคยได้รับโจทย์ให้ทำเรื่องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ พูดง่ายๆ คือ ให้พนักงานเปลี่ยนวิธีการทำงานแบบเดิมมาเป็นแบบใหม่นี่ล่ะ ตอนนั้นโมเดลที่ใช้คือ "เข้าใจ เข้าใจตรงกัน ยอมรับ แสดงพฤติกรรม" (ใครเป็น HR รุ่นผม คุ้นแน่นอน) พอโมเดลมันเป็นแบบนี้ สิ่งแรกที่คิดคือ ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ให้คนแสดงพฤติกรรมใหม่ออกมา ดังนั้นวิธีการมันก็หนีไม่พ้น... การทำ Team Building, แปะป้ายโปสเตอร์หรือสติกเกอร์ตามที่ต่างๆ, กิจกรรมสันทนาการมากมาย เช่น ทำคลิป แต่งเพลง ประกวดนู่นนี่ และที่สำคัญมีนัดประชุมทุก 2 สัปดาห์ ผลเป็นยังไง ทุกคนคงพอเดาได้ #มันเหมือนเป็นการจุดพลุแล้วสุดท้ายมันก็หายไป เพราะพนักงาน #ไม่ได้รู้สึกมีส่วนร่วม กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากเท่าไหร่
◼พลังของ Sprint กับ Change Management
ถ้าเรามีโจทย์อยากแก้ หรืออยากหาไอเดียใหม่ๆ แน่นอนสามารถใช้ Sprint เป็นเครื่องมือหลักได้เลย แต่สำหรับผม คิดว่า Sprint สามารถต่อยอดได้อีกนะ ทำให้ผมนึกถึงโมเดลนึง ซึ่งเชื่อว่า มนุษย์ HR ทุกคน หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงในองค์กรต้องเคยรู้จักกับ Model ที่ชื่อว่า #8StepsKotter ของ John Kotter ซึ่งเป็นโมเดลที่คลาสสิคมาก พูดกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว แค่ 8 Steps นี้แหละที่ผมเอามาใช้จริงแล้วมันก็ได้ผลน่าพอใจทีเดียว
.
สำหรับผม โมเดลนี้หลักๆ มันมี 3 ส่วน คือ 1. ทำให้รู้สึกว่าทำไมต้องเปลี่ยน เหมือนเป็นการส่งสัญญาณ "เชิงบวก" ออกไป ว่าถึงเวลาแล้วนะ (Create Positive Sense of Urgency) 2. #สร้างความรู้สึกอยากมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความรู้สึกอยากทำให้มากที่สุด และเกิดแรงต้านให้น้อยที่สุด (Encourage and Engage Team) 3. ทำให้มันเกิดขึ้นจริงและคงอยู่ต่อไป (Implement and Sustain Change) ตอนทำ Change Management ผมยึดหลักการนี้ไว้ตลอด
.
"เอามาเข้า Sprint เดี๋ยวก็ทำเองแหละ" นี่คือสิ่งที่สมาชิกหลายคนของ Transformation Team คิดตอนที่เราวางแผนทำ Change Management ด้วยกัน และมันจริง #เพราะไอเดียที่เราได้มีส่วนร่วมในการคิดเราย่อมรู้สึกอยากทำมากกว่าไอเดียที่คนอื่นสั่งให้ทำอยู่แล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ประกาศรับสมัครคนเข้า Design Sprint แต่ละทีม ล่มหัวจมท้ายกันไปในแต่ละวัน เวลาที่ได้ใช้ด้วยกันเหล่านี้แหละ มันสร้าง Sense of Ownership ขึ้นมา โดยที่รู้ตัวอีกทีเราก็รู้สึกเป็นเจ้าของสิ่งนั้นไปแล้ว
.
ไม่ใช่แค่คนใน Sprint ที่รู้สึกมีส่วนร่วม แต่คนวงนอกที่ต้องให้ Feedback ก็เกิดการมีส่วนร่วมด้วยเหมือนกัน ถึงแม้บางไอเดียจะไม่ได้เอามาใช้ แต่มั่นใจได้ว่า ทุกไอเดียจะถูกรับฟัง และสิ่งที่ผมเองก็ประหลาดใจไม่น้อยคือ วันที่เสนอ Final Product จากแต่ละ Sprint มันมี #แรงต้านจากคนรอบนอกน้อยกว่าที่คาดไปมาก เพราะทุกคนรู้สึกว่า ในนั้นมันก็มีไอเดียของเค้าหรือ Feedback จากเค้าอยู่เหมือนกัน นี่แหละพลังของ Sprint
จากที่เล่ามาทั้งหมด ผมคิดว่าเครื่องมือนึงที่จะช่วยให้กระบวนการทำ Change Management มีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ผู้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น และลดแรงต้านในช่วง Implement ลงได้ คือ Sprint นี่แหละ
ดังนั้น ชาว HR ที่รักทั้งหลาย หรือใครก็ตามที่กำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในองค์กรอยู่ ผมอยากให้ลองนึกถึงการทำ Sprint ดู ด้วยทรัพยากรที่มีมันจำกัด ผมว่าใช้ไปกับการทำสิ่งที่เห็นผลน่าจะดีกว่าครับ
"#คิดจะChangeคิดถึงSprint"
ไว้มีโอกาสและมีคนสนใจ จะมาเล่าเคสจริงที่ผมใช้ Sprint ช่วยในการทำ Change Management นะครับ
#TheSomersault
#TheSomersaulThink
#Sprint
#ChangeManagement
#BuildEngagementwithSprint
โฆษณา