21 ม.ค. 2020 เวลา 23:07 • ปรัชญา
เงินซื้อได้ทุกอย่าง..ผมใช้เงินซื้อ"ความดี"
.....หากคุณไม่มีเงิน คุณอาจจะทำสิ่งเลว ๆ...
.....หากคุณมีเงิน คุณอาจหลีกเลี่ยงการทำสิ่งเลวๆได้..
.....หลายคนอาจจะโต้แย้งในใจว่า ถ้าคนดีจริงๆ ถึงไม่มีเงินเขาก็คงไม่ทำสิ่งเลวๆหรอก..
.....แต่สำหรับผมแล้วอาจไม่ใช่คนที่ดีขนาดนั้น เรื่องเลวๆนี้จึงเกิดขึ้นกับชีวิตผมและผมก็แก้ปัญหาด้วยเงิน.
...หลังจากเรียนจบ ผมเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม และเช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ต้องทำงานต่างจังหวัด เมื่อถึงวันหยุดเทศกาลก็ต้องเดินทางกลับบ้านด้วยรถโดยสารประจำทาง และจุดขึ้นรถประจำของผมก็คือ "สถานีขนส่งหมอชิต" เพื่อจุดหมายปลายทางคือบ้านแม่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์..
.....การเดินทางกลับบ้านคือสิ่งที่รอคอยมาตลอดหลายเดือน แต่การเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาล ก็เป็นบททดสอบความอดทนอย่างมากเลยทีเดียว..
.....เมื่อถึงวันที่จะเดินทางกลับบ้าน ผมตะลางาน 2 ชั่วโมง และเริ่มออกเดินทางประมาณ15.30 น.ด้วยรถสองแถวจากอำเภอดอนตูมเพื่อเข้าไปยังตัวเมืองนครปฐม ใช้เวลาราวๆ 30นาที จากนั้นก็ต่อรถโดยสารจากตัวจังหวัดมายังสายใต้ใหม่ใช้เวลาอีกราว1.5 ชั่วโมง
.....เสร็จแล้วก็รอรถตู้อีก 30 นาที พอรถตู้เต็มก็นั่งรถตู้จากสายใต้ใหม่ไปยังหมอชิตซึ่งก็ใช้เวลา1-3ชั่วโมง.ขึ้นกับว่ารถจะติดมากมั๊ย (แต่ปกติช่วงเทศกาลรถก็ติดทุกครั้ง) กว่าจะถึงหมอชิตก็ใช้เวลารวม 4-5 ชั่วโมง.
.....หลังจากนั้นก็เข้าคิวซื้อตั๋วรถทัวร์อีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง และรอคิวรถออกอีก ราว 1-2 ชั่วโมง.
.....บางที่ตั๋วรถก็หมดก่อน. ซึ่งผมเคยไม่ได้ตั๋วและไม่มีที่นอน จนต้องตัดสินใจซื้อตั๋วไปหลับบนรถทัวร์สายโคราชตื่นเช้าที่โคราชแล้วค่อยไปต่อรถจากโคราชกลับเพชรบูรณ์ แบบนี้ผมก็เคยมาแล้ว..
.....แต่นั่นยังไม่ใช่ความเลวอะไรที่ผมทำหรอกครับ ความเลวของผมมันเกิดขึ้นในอีกวันหนึ่ง.
วันเลวๆของผม มันตรงกับเทศกาลปีใหม่ของปีพ.ศ 2547 วันที่ผมเดินทางมาหมอชิตโดยใช้เวลา 5 ชม.นั่งรอคิวซื้อตั๋วรถราวๆ1.5 ชม.เหลือคิวอีกแค่3คนก็จะถึงผมแล้วแต่ไม่รู้เวรกรรมอันใดที่ผมเคยก่อไว้ อยู่ดีๆพนักงานขายตั๋วบอกตั๋วหมดแล้ว ให้ไปซื้อตั๋วรถธรรมดาหรือ ป.2(ปรับอากาศชั้น2)ที่ช่องขายตั๋วอื่น ผมและคนที่พลาดตั๋วอีกราวๆ40คน จึงต้องย้ายไปต่อคิวซื้อตั๋วที่ช่องจายตั๋วช่องใหม่
.....เมื่อมาต่อคิวที่ช่องขายตั๋วช่องใหม่ มีคนต่ออยู่แล้ว 2 แถว รวมกันน่าจะสัก 200 คนเห็นจะได้ ผมเดินไปต่อคิวตามมารยาทจองพลเมืองดีคนหนึ่ง แต่ในใจก็คิดว่ามันจะมีตั๋วเหลือมาจนถึงคิวผมมั๊ย?
.....ผมยืนรอได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงอื้ออึง อยู่ด้านหน้าช่องขายตั๋ว ผมมองไปด้านหน้าแถว ผมก็พบว่าผู้คนด้านหน้าแตกแถวและแย่งกันไปที่หน้าช่องเพื่อแย่งกันซื้อตั๋ว มองดูเหมือนมดรุมกินหยดน้ำผึ้งยังไงยังงั้น..
.....ในใจผมตอนนั้นคิดทบทวนถึงสิ่งที่เราได้พยายามทำมาทั้งหมด ผมเดินทางมาแล้ว 5 ชั่วโมง รอคิวมา 2 ชั่วโมง พลาดตั๋วมาแล้วหนึ่งครั้ง ถ้าพลาดตั๋วอีกรอบ สิ่งที่ทำมาก็สูญเปล่า แล้วถ้าไม่ได้ตั๋วจะไปนอนที่ไหนกัน..
คิดได้ดังนั้นปฏิบัติการเลวๆของผมก็เริ่มขึ้น ในเมื่อคนอื่นเขายังแย่งกันได้ ทำไมเราจะแย่งกับเขาไม่ได้..
ผมดึงเป้ที่สะพายอยู่ที่หลัง ยกชูขึ้นเหนือหัว เดินเข้าไปยังฝูงชนที่รุมอยู่หน้าช่องขายตั๋วนับร้อยชีวิต ผมแทรกตัวเจ้าไปในช่องที่พอจะมีอยู่น้อยนิด ดันตัวเองแทรกไปเรื่อยๆ แซงทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนแก่ หลายสิบคน ..
.....จากความพยายามนั้น ผมได้ตั๋วสมใจ แถมซื้อมา 2 ใบเลย เพราะกว่าจะได้มามันยากยิ่งเหลือเกิน (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นซื้อมาทำไมเหมือนกัน) ผมมีที่นั่งบนรถกลับบ้าน .
.....รถขับเคลื่อนตัวออกจากจุดจอดรถ ผมมองผ่านหน้าต่างรถ มองเห็นผู้คนอีกเป็นร้อยคนที่ไม่ได้ตั๋วกลับบ้าน..แม้ว่าหลายๆคนในนั้นอาจจะเป็นคนที่ผมแซงหน้าไปซื้อตั๋ว แต่จะแคร์อะไรในเมื่อผมไม่รู้จักใครสักคน และก็ไม่มีใครรู้จักผมด้วย ผมหลับไปบนรถด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นอีกทีรถก็พาผมมาถึงตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ จุดหมายปลายทางของผมแล้ว.
.....ผมได้พบกับแม่ และพี่น้องทุกคนพร้อมหน้ากัน ทุกคนมีความสุขมากๆ รวมทั้งผมด้วย เย็นวันนั้นครอบครัวผมก็ทำอาหารและเครื่องดื่มมากมาย เพื่อสังสรรค์วันรวมญาติ จากนั้นราวๆสี่ทุ่มก็เริ่มแยกย้ายกันไปนอน ผมล้มตัวลงนอนบนที่นอนข้างๆแม่ กะว่าจะนอนหลับข้างๆแม่ให้หายคิดถึงสักหน่อย.
.....แต่มันผิดคาด ผมนอนไม่หลับ ภาพของวันวานกลับมารบกวนผมทั้งคืน สายตาเด็กผู้หญิงอายุสิบสองที่แหงนมองหน้าผมตอนผมแทรกตัวผ่านเธอไป เสียงร้อง"โอ๊ยๆ"ของคุณยายตัวเล็กๆ ผิวดำตัวผอมเกร็งร้อง ตอนถูกผมเบียดแซงไป..มันทำให้ผมนอนไม่หลับ.
.....ผมเริ่มมองเห็นความเลวในตัวเอง ผมทำสิ่งแย่ๆแบบนี้ได้อย่างไร? คนเหล่านั้นเขาก็คงมีครอบครัวรอเขาอยู่เช่นเดียวกันกับผม..สิ่งที่ผมทำมันเห็นแก่ตัว คนรอบตัวผมไม่มีใครรู้...แต่ผมรู้..
....และมันทำให้ผมนอนไม่หลับ ใจผมไม่เป็นสุข.
.....ผมจะทำอย่างไรดี ผมอยู่ในสถานะที่ต้องทำเลวๆแบบนี้หรือเปล่า ?
.....ผมเรียนจบปริญญาตรี ผมมีงานที่มั่นคง ทำงานมาเกือบห้าปี มีเงินเก็บอยู่สองแสน.
.....ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เพราะผมคิดได้ว่าผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต้องทำสิ่งเลวๆแบบนี้ และผมไม่ควรทำเลวๆแบบนี้อีก.
.....หลังจากกลับไปทำงานได้ไม่นาน ผมตัดสินใจนำเงินเก็บทั้งหมด และยืมพี่สาวอีกบางส่วน เพื่อซื้อรถมือสองมาใช้งาน เพื่อที่ผมจะได้ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก สถานการณ์ที่จะผลักดันให้ผมทำสิ่งเลวๆ..
.....ผมใช้เงินเก็บทั้งหมด แลกกับการปิดโอกาสทำสิ่งเลวๆ.
.....ใครว่าเงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ แต่ผมว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง"ความดี".
.....เงินมันก็เป็นแค่วัตถุ มันเลือกไม่ได้ว่ามันจะมีประโยชน์อย่างไร แต่มันอยู่ที่ว่าเงินนั้นอยู่ในมือใคร..
.....ผมยังไม่ใช่คนที่มีเงินมากมายหรอก แต่ที่เขียนเรื่องนี้ก็เพื่อจะสื่อสารให้คนที่มีเงินมากมายและมีความพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ให้มองและเข้าใจคนที่ยังยากจน คนที่ยังไม่มีเงินเพียงพอ เขาอาจจะทำสิ่งเลวๆในสายตาเรา แต่ขออย่าเหมารวมว่าเขาอยากจะเลว เขาอาจจะยังไม่พร้อมทำความดีก็ได้..
.....และที่สำคัญหากใครรวยแล้ว ก็ควรจะสละเงินในกระเป๋าออกมาบ้าง เพื่อที่ตนเองจะได้ไม่ต้องไปแย่งชิงหรือแย่งใช้สวัสดิการบางอย่างจากรัฐกับคนที่เขายังยากจนอยู่ มันอาจทำให้คนจนหลายคนไม่ต้องทำเลวๆก็ได้.
ขอบคุณครับ.
โฆษณา