27 ก.พ. 2020 เวลา 14:14
ความต่างในวิธีคิดของ เศรษฐี และ คนทั่วไป
ความคิดจะนำไปสู่การแสดงออก และการกระทำนำไปสู่ผลลัพธ์ เมื่อความคิดต่างกัน ผลลัพธ์ก็ต่างกัน ลองดูวิธีคิดที่แตกต่างระหว่าง เศรษฐี และ คนทั่วไป กันครับ
credit : www.unsplash.com
1. เศรษฐีจะคิดยาวกว่าคนทั่วไป
คนจนมักต้องดิ้นรนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตไปได้ในแต่ละวัน ความคิดจึงเป็นเรื่องความอยู่รอดเป็นหลัก คิดอะไรแบบวันต่อวันในลักษณะหาเช้ากินค่ำ ในขณะที่คนชั้นกลางก็จะคิดแบบเดือนต่อเดือนตามลักษณะการได้รับรายได้ คนชั้นกลางจึงคิดถึงวันเงินเดือนออก คิดเรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า สำหรับเศรษฐีจะคิดยาวเป็นปีหรือหลายปี การคิดยาวทำให้เศรษฐีมองการออมและการลงทุนระยะยาวที่เงินจะงอกเงยแบบทบต้น เศรษฐีจึงมักมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีอิสระทางการเงิน
แม้เราจะยังไม่ได้เป็นเศรษฐี แต่ก็สามารถนำวิธีคิดของเศรษฐีมาใช้ ด้วยการมองการออมและการลงทุนระยะยาวมากกว่าการมองเฉพาะผลที่อยู่ตรงหน้าหรือการเก็งกำไรเท่านั้น
2. เศรษฐีจะพูดเรื่องโอกาสและไอเดีย คนชั้นกลางจะพูดเรื่องสิ่งของ
ลองสังเกตุดูจะพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จมักพูดถึงไอเดีย มุมมองที่แตกต่าง และมองหาโอกาส คนที่มองเห็นและไขว่คว้าโอกาสจึงมักจะประสบความสำเร็จ เพราะโอกาสคือจุดเริ่มต้นในการไปสู่เป้าหมาย การที่คนรวยคิดยาว ทำให้มองหาโอกาสและมุมมองต่างๆ เพื่อไปสู่เป้าหมาย คนรวยจึงมักพูดเรื่องโอกาสและไอเดียต่างๆมากกว่าเรื่องสิ่งของหรือเรื่องของคนอื่น ในขณะที่คนส่วนใหญ่มักชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ ดนตรี การพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อสร้างความสุขความพอใจเป็นหลัก
3. เศรษฐีจะยอมรับความเสี่ยงที่เห็นโอกาส และเรียนรู้จากความผิดพลาด มากกว่าคนทั่วไป
เพราะเศรษฐีมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง คนประสบความสำเร็จมักชอบเสี่ยง ถ้ามองว่าหากทำสำเร็จจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า (High risk, High return) ก็จะยอมรับความท้าทายจากความเสี่ยงนั้น ความเสี่ยงมักมีโอกาสผิดพลาด เมื่อเกิดความผิดพลาดก็ใช้เป็นบทเรียนให้เรียนรู้เพื่อก้าวต่อไป ในขณะที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่ปลอดภัยมากกว่า
"The way to become rich is to make money, not to save it." หากสังเกตุวิธีการเก็บเงินจะพบว่าคนส่วนใหญ่จะเก็บเงินในบัญชีเงินฝากมากกว่านำไปลงทุน ดอกเบี้ยเงินฝากคือผลตอบแทนที่ถูกกำจัดความเสี่ยงออกไปเกือบหมดแล้ว ผู้ที่รับความเสี่ยงแทนเราก็คือธนาคารซึ่งนำเงินของเราไปสร้างกำไรที่เกิดจากส่วนต่างของผลตอบแทนที่เกิดจากความเสี่ยงแทนเรา
4. เศรษฐียอมรับการเปลี่ยนแปลง คนทั่วไปมักต่อต้านความเปลี่ยนแปลง
คนรวยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำโอกาสใหม่ๆ มาให้ (Change is good) ในขณะที่คนชั้นกลางรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงจะคุกคามชีวิตที่ตัวเองเคยชินและมักกลัวว่าจะไม่สามารถปรับตัวได้จึงมักจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงและยึดติดกับสิ่งที่เคยชิน ทำให้ไม่กล้าที่จะลองทำอะไรที่แตกต่างเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หรืออาจต้องใช้เวลาไปถึงเป้าหมายที่นานกว่า(หากมีเวลารอ)
5. คนรวยเน้นการเพิ่มความมั่งคั่ง คนชั้นกลางเน้นการเพิ่มของเงินเดือน
เศรษฐีเน้นการลงทุนเพื่อให้เงินทำงานแทนตนเอง แต่คนชั้นกลางเน้นการใช้แรงงานของตัวเองทำงานหาเงิน คนรวยที่มีหุ้นเมื่อหุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็จะมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเสียภาษี แต่คนชั้นกลางพยายามทำงานให้มีเงินเดือนสูงขึ้น ซึ่งภาษีก็จะสูงขึ้นด้วย
เราอยู่ตรงไหนในแต่ละข้อครับ?
แค่เปลี่ยนวิธีคิด...ชีวิตก็เปลี่ยน
โพสต์ไว้ให้อ่านเพลิน ๆ แก้เครียดครับ
ขอบคุณ : Keith Cameron Smith (The Top 10 Distinctions Between Millionaires and the Middle Class) สำหรับข้อมูลบางส่วนครับ
โฆษณา