Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Emproud เที่ยวถ่ายรูป
•
ติดตาม
25 ม.ค. 2020 เวลา 08:41 • ท่องเที่ยว
ไปจีน ต้องเตรียมอะไรบ้าง
คุณหมิง-ต้าลี่ EP.0 ไปจีน
ผมได้มีโอกาสไปจีนครั้งแรกในชีวิต แต่ก่อนประเทศนี้ไม่เคยอยู่ในลิสต์ประเทศที่อยากไปเลย แต่เนื่องจากรู้จักเพื่อนคนจีนคนหนึ่งก็เลยอยากลองไปเที่ยวบ้าน ดูเมืองเค้าบ้าง ซึ่งเมืองที่ผมไปรอบนี้คือ Kunming และDali
เมื่อไปต่างประเทศ สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงก็คือ ตั๋วเครื่องบิน ซึ่งจะต้องจองตั๋วไปลงที่ Kunming โดยมีหลายสายการบินให้เลือก ครั้งนี้ผมเลือกขึ้นที่ดอนเมืองด้วยสายการบิน อ.อ่าง หางแดง โดยราคาไปกลับ อยู่ที่ 3,500 บาท ซึ่งผมจองล่วงหน้าก่อนเดินทางประมาณ 2 เดือน และจองเที่ยวบินรอบดึก จึงได้ราคาที่ถือว่าค่อนข้างถูก เดียวจะมารีวิวเรื่องเวลา และการเช็คอินของสายการบินนี้ต่อไป
เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว จงระลึกไว้ว่า ไปจีนต้องทำวีซ่า ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องไปทำถึงสถานทูตแล้ว แต่มีศูนย์บริการที่ตั้งอยู่สถานที่ต่างๆ หรือจะเลือกใช้บริษัทเอเจนซี่ให้ไปทำแทนเราก็ได้ โดยผมเลือกไปทำที่ศูนย์ทำวีซ่าจีน อาคารธนภูมิ เข้าไปดูตามลิงก์นี้
https://www.visaforchina.org/BKK_TH/
เอกสารที่จะต้องนำไปยื่นก็คือ พาสปอร์ต รูปถ่าย หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน และอีกอย่างคือที่พัก ถ้าเราไปเองก็จะต้องปริ้นใบจองที่พักไปด้วย แต่ถ้ามีคนรู้จักที่นั่นก็สามารถแนบเป็นเอกสารรับรองจากผู้นั้นว่าเราจะไปพักกับเค้าตามวันเวลาที่กำหนด
โดยรอบนี้ผมไปพักกับเพื่อนชาวจีน ดังที่บอกไปแต่แรกแล้วว่าจะไปเที่ยวบ้านเค้า แต่เอกสารที่ผมส่งผมเลือกที่จะจองโฮลเทลและนำเอกสารไปส่งขอวีซ่าครับ โดยเลือกที่พักที่สามารถกดยกเลิกได้ เหตุที่ผมใช้วิธีนี้เพราะคิดว่าถ้าให้เพื่อนเขียนจดหมายรับรองให้อาจจะยุ่งยากและเค้าจะต้องมาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในเอกสารด้วย ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นผลดีสักเท่าไหร่กับคนจีน ผมจึงเลือกใช้การจองที่พักแล้วค่อยไปยกเลิกช่วงใกล้จะเดินทาง
ศูนย์รับทำวีซ่า อาคารธนภูมิ
สำหรับคนที่ไม่มีคนรู้จักอยู่ที่นั่น ก็สามารถจองที่พักผ่านทางแอพต่างๆ ได้ตามปกติ ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันต่อคืน ลองเลือกหากันดูครับ
หลังจากยื่นเอกสารขอวีซ่าเสร็จ ก็จะได้ใบนัดรับวีซ่าและพาสปอร์ตคืน ซื่งของผมใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ พอถึงวันไปรับวีซ่าเราก็จะต้องชำระค่าบริการทั้งหมด 1,650 บาท สำหรับวีซ่า เข้าประเทศจีน 1 ครั้งภายในระยะเวลา 6 เดือนนับจากว่าที่อนุมัติ ส่วนวีซ่าประเภทอื่นก็จะมีราคาแตกต่างกันไป
หลังจากได้วีซ่าแล้วสิ่งต่อไปก็คือเมื่อไปอยู่ที่โน่นจะใช้เน็ตยังไงละ เพราะว่าที่จีนเค้าจะบล็อคแอพหลายแอพที่เราคุ้นเคย เช่น Facebook line Instragram youtube รวมทั้งgoogle map ดังนั้น วิธีที่ผมเลือกใช้คือ ซื้อซิมโรมมิ่งแบบเติมเงิน ซึ่งผมเลือกใช้ของค่ายสีเขียว ในราคา 399 บาท ซึ่งมาพร้อมเน็ต 6GB ซึ่งถือว่าผมให้คะแนน 8/10 เลยสำหรับเน็ตจากวิธีนี้ เพราะถือว่าใช้งานได้ดีเลยที่เดียว แต่จะมีบางช่วงที่สัญญาณ 4G หายบ้าง แต่ก็ถือว่ายังโอเครอยู่
นอกจากจะมีเน็ตไว้ใช้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์คือ แอพ Wechat ซึ่งสามารถใช้ติดต่อกับคนจีนได้ รวมทั้งสามารถเติมเงินในแอพไว้ใช้จ่ายเงินที่จีนได้ด้วย และใช้สแกนข้อมูลตามบริษัทรถบัสหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์มากๆ แต่ก็มีข้อจำกัดคือจะต้องมีคนจีนหรือคนที่ใช้งานแอพนี้มาเกิน 6 เดือนอนุมัติแอคเคาท์ของเรา จึงจะสามารถใช้ได้
เรื่องต่อไปก็คือแลกเงินถูกไหม เงินจีน ใช้เงินตราสกุลหยวน ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 4.25 บาท ต่อ 1 หยวน
เงินแบงค์ของจีนก็จะมีตั้งแต่ 1,5,10,20,50 และ 100 หยวน ที่นี่หลายคนก็คงไม่แน่ใจว่าจะแลกเงินกันไปประมาณกี่หยวนดี ดังนั้นผมจะขอพูดถึงพวกราคาพวกค่าเดินทางและค่าอาหารอย่างคร่าวๆแล้วกัน
ราคาของต่างๆ ที่คุนหมิงก็ใกล้เคียงกับที่กรุงเทพครับ อย่างก๋วยเตี๋ยว 1 จานก็ตกประมาณ 10-12 หยวน (45-55 บาท) แต่ที่น่าตกใจคือ ค่าโดยสารรถเมล์ที่มีราคา 2 หยวน ตลอดสาย แต่คุณภาพรถเมล์แอร์ราคา 20 บาทของกรุงเทพ ส่วนค่าโดยสารระหว่างเมืองอย่างรถบัสหรือรถไฟ ก็ราคาไม่แพงมาก ราคาอยู่ที่หลักร้อยบาท ดังนั้นก็ลองคำนวณดูดีๆ ว่าจะแลกไปเท่าไหร่ และอีกอย่างที่สำคัญคือพยายามอย่าเหลือเงินแบงค์ที่เล็กกว่า 100 หยวน เพราะเวลาแลกคืนเรทจะต่ำมาก จาก 4 บาท อาจจะลดเหลือ 3บาท
เมื่อกี้แอบพูดถึงอาหารไปบ้าง อาหารที่คุนหมิงส่วนใหญ่จะเป็นก๋วยเตี๋ยว แต่มีหลากหลายเส้นหลากหลายซุป ซึ่งผมก็ลองก็อยู่ 4-5 แบบ มันก็ต่างกันจริงๆ และอีกอย่างก็คือคนที่นี่จะกินเผ็ดหน่อยๆ อาจจะต่างจากอาหารจีนทั่วไปที่มันๆ จืดๆ มันก็เลยถูกปากคนไทยหน่อย ส่วนกลุ่มขนมหวานส่วนใหญ่ก็จะเป็นแป้งทอด หรือพวกขนมหวานต้มน้ำตาล ก็เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ เดียวจะมารีวิวในตอนต่อไป
ที่นี่มาถึงวันเดินทางแล้ว การเดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงเทพไปคุณหมิงใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที เมื่อมาถึงก็เตรียมปรับนาฬิกาด้วยเพราะที่จีนเวลาเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
เมื่อมาถึงตม. เราจะต้องมาเขียนใบ Arrival card เมื่อเขียนเสร็จมันจะมีตู้ข้างให้เราเอาพาสปอร์ตเข้าไปเช็ค และจะมีสลิปออกมาใช้ยื่นใน ตม. อ่อตู้มันพูดไทยได้ด้วยแหละ คำเตือนขากลับก็ต้องเขียนใบเช่นกัน
จากนั้นก็มาเข้าคิวรอผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ คำแนะนำอีกอย่างคือพยายามต่อคิวในแถวชาวต่างชาติที่อยู่ใกล้กับช่องที่คนจีนผ่าน เพราะบางที่แถวนี้จะได้รับสิทธิ์พิเศษให้ไปเข้าช่องของคนจีนด้วยในช่วงที่แถวยาว
ที่นี่มาถึงกระบวนการเข้าเมือง ครั้งนี้ที่ผมไปมีเพื่อนคนจีนมารับที่สนามบิน แต่ขากลับนั้นผมใช้บริการ Shuttle bus ที่ไปส่งในตัวเมืองคุนหมิง ในราคา 25 หยวน ซึ่งซื้อตั๋วและรอขึ้นรถที่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร
ที่นี่มาถึงเรื่องสภาพอากาศในช่วงที่ผมไป คุนหมิงมีอุณหภูมิอยู่ที่ 3-8 องศาเซลเซียส ในตอนกลางวันถ้าใส่เสื้อ 2 ชั้นก็ถือว่าโอเครแล้ว แต่สำหรับในเวลากลางคืนนั้นข้อบอกเลยว่าใส่ 3 ชั้นก็ยังปากสั่นได้ เพราะมันหนาวมากคนเขตร้อนอย่างเราที่ไม่ชินอากาศเย็นขนาดนั้นอาจจะไม่ไหวก็ขอให้เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวให้เพียงพอ เตือนแล้วนะ
สุดท้ายที่อยากจะบอกคือคนที่คุนหมิงไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกัน หรือถ้าพูดได้ก็ฟังออกยากมาก รวมทั้งป้ายบางป้ายก็ไม่มีภาษาอังกฤษกำกับ ดังนั้นลองหาแอพแปลภาษาติดมือถือไว้ด้วยเพื่อในกรณีฉุกเฉิน
ขอจบเนื้อหาแต่เพียวเท่านี้ ในep.1 ซึ่งเป็นตอนต่อไป ผมจะเขียนถึง สถานที่ที่ผมไป และอาหารที่ผมกิน โดยผ่านคำแนะนำของเพื่อนผมเองซึ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่
หลังจากอ่านแล้ว อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม หรือมีคำถาม สามารถติดต่อมาได้ตามช่องทางต่อไปนี้
facebook.com
Đăng nhập hoặc đăng ký để xem
Xem bài viết, ảnh và nội dung khác trên Facebook.
เยี่ยมชม
#emproudchannel #china #คุนหมิง #เที่ยว #kunming
บันทึก
4
3
1
4
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย