26 ม.ค. 2020 เวลา 23:42 • เกม
7 อันดับ เครื่องเล่นเกมยุค 80-90s
อันดับ 1 เครื่องเล่นเกม Famicom (ปี ค.ศ. 1983)
เป็นเครื่องเล่นเกมตลับที่เป็นที่นิยมรุ่นแรกของประเทศไทย จากค่าย Nintendo บางทีเรามักจะเรียกกันติดปากว่า เครื่องเล่นเกม “Family” เครื่องเล่นเกมนี้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1983 รูปแบบดีไซน์ออกมาได้อย่างสวยงาม เครื่องสีขาวแดง มีจอยให้ 2 อัน สำหรับ Player 1 และ Player 2 ราคาเครื่องในสมัยนั้นถือว่าแพงมากราวๆ 5,000-8,000 บาท ถ้าเปรียบเป็นราคาปัจจุบันก็หลายหมื่นบาท ส่วนตลับเกมส์แท้ ก็ตกที่ราวๆ ตลับละ 500 – 1,000 บาท แล้วแต่เกมส์ด้วย เกมส์ดังๆ ในสมัยนั้น เช่น Contra, Final Fantasy, Dragon Ball Z, Battle Tank, Mario เป็นต้น (สมัยนี้กลายเป็นเกมสุดคลาสิกไปแล้ว)
อันดับ 2 เครื่องเล่นเกม NES (ค.ศ. 1985) หรือ Famicom ฝั่งอเมริกาเหนือ
เป็นเครื่อง Famicom ที่ทาง Nintendo วางจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ และประสบความสำเร็จ โดยใช้ชื่อใหม่ว่า Nintendo Entertainment System (NES) ซึ่งเกมที่ทำให้ NES ติดตลาดคนอเมริกาก็คือ Mario และ Contra จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเครื่อง NES ฝั่งอเมริกาไปแล้ว
อันดับ 3 เครื่องเล่นเกม PC Engine (ค.ศ. 1987)
หลังจากที่ Nintendo ครองตลาดเกมส์ ไปได้ 2 ปี ต่อมามีแบรนด์อื่นมาต่อสู้กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง “Nintendo” นั่นก็คือ “Hudson Soft” ซึ่งได้ร่วมมือกับบริษัท “NEC” (Nippon Electric Company) และผลิตเครื่องเกม “PC Engine” ในบางประเทศก็เรียกว่า “TurboGrafx-16” ที่ผลิตออกมาเพื่อล้มแชมป์อย่างเจ้าเครื่อง “Famicom” แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะฐานแฟนยังยึดติดในแบรนด์เดิม โดยวางจำหน่ายในวันที่ 30 ต.ค. 1987 ซึ่งการมาครั้งนั้น ได้มีเกมดังอย่าง “Final Fantasy” จากบริษัท “Hudson Soft” ช่วยทำให้บริษัทนี้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากประสบปัญหาภาวะขาดทุนจนกำลังจะปิดตัวลง แต่ด้วยยอดแฟนที่ติดตามเกมนี้ที่ออกมาหลายซีรีส์ จึงทำให้ประสบความสำเร็จอีกครั้ง และต่อมา Final Fantasy ก็กลายเป็นเกมส์ดังที่สุดของแนว RPG ซึ่งต่อมากลายเป็นของบริษัท Square Soft และ Square Enix ในเวลาต่อมา
อันดับที่ 4 เครื่องเล่นเกม SEGA Mega Drive (ค.ศ. 1988)
จากนั้น อีก 1 ปี มีอีกหนึ่งบริษัทที่ผลิตเครื่องเกมออกมาแข่งกับ Nintendo นั่นก็คือ “SEGA Mega Drive” ของ SEGA ออกตัวแรงจนแชมป์อย่าง Nintendo ต้องสั่นคลอน ซึ่ง Mega Drive ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยี จากบริษัท “Motorola” ที่มีภาพกราฟฟิกอลังการ แบบ 16 บิต (Famicom ทำได้แค่ 8 บิต) ทำให้แฟนๆ Nintendo บางกลุ่ม ก็หันมาลองเล่น Mega Drive ทำให้ขายดี
จนมีอีกหนึ่งเครื่องของค่ายนี้คลอดต่อจาก Mega Drive ก็คือ SEGA Saturn นั่นเอง ซึ่ง SEGA Saturn จะเทียบเท่ากับเครื่องเล่น PlayStation (ค่าย Sony) ที่ใช้แผ่น CD ในการเล่นเกมส์
อันดับที่ 5 เครื่องเล่นเกม Game Boy (ค.ศ. 1989)
อีก 1 ปีต่อมา ทาง Nintendo ได้แตกไลน์ ของเครื่องเล่นเกมจากที่ต้องเล่นในบ้าน หันมาทำเกมแบบพกพา ขึ้นมานั่นก็คือ Game Boy นั่นเอง ออกวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นวันที่ 21 เม.ย. 1989 สำหรับเกมส์ฮิตๆ ก็ยังหนีไม่พ้น Mario Land และ Tetris ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองในสมัยนั้น
อันดับที่ 6 เครื่องเล่นเกม Super Famicom (ค.ศ. 1990)
ต่อมา Nintendo ได้ออกตัวเครื่องเล่นเกมแบบ 16 บิต บ้าง หลังจากที่เห็นความสำเร็จจาก SEGA Mega Drive ปู่นินฯจึงผลิตเครื่อง “Super Family Computer” (SFC) ออกจำหน่ายที่ญี่ปุ่นเมื่อ 21 พ.ย. 1990 ซึ่งสามารถทำยอดขายเกลี้ยงหมดสต็อค 3 แสนเครื่องภายใน 1 วัน เป็นประวัติศาสตร์ของวงการเกมส์ในสมัยนั้น
และทำให้ในปีเดียวกันนี้ SEGA ก็ปล่อยเครื่องเล่นเกมแบบพกพาบ้าง อย่าง Sega Game Gear แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่เกมที่ฮิตในตอนนั้นก็คือ เจ้าหัวเม่น Sonic นั่นเอง
อันดับที่ 7 เครื่องเล่นเกม PlayStation (ค.ศ. 1994)
และแล้วก็ถึงเวลาที่บัลลังก์ของ Nintendo ต้องสั่นคลอน เพราะเครื่องเล่นเกมเทพๆ ที่พลิกโฉมตำนานเกมตลับ มาเป็นเครื่องเล่นเกมแผ่น CD-ROM จากค่าย Sony นั่นก็คือ PlayStation ซึ่งออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 1994 ส่วนปู่นินฯ เอง ก็พยายามต่อสู้ โดยปล่อยเครื่อง Nintendo 3D ออกมาแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง และเกมส์มีน้อยกว่า PlayStation
จากนั้น ตั้งแต่ 1994 ขึ้นไป คอเกมทั้งหลาย ก็จะเห็นเกมส์แนวๆ ใหม่ๆ ออกมาแข่งขันกันอีกมากมาย ในตลาดเกมส์ทั่วโลก เช่น Game Boy Color, Dreamcast, PlayStation2, GameCube, Xbox, Xbox 360, PlayStation Portable(PSP), Nintendo DS, Wii, PlayStation3, Xbox360 และ PlayStation4 เป็นต้น
โฆษณา