28 ม.ค. 2020 เวลา 08:40 • บันเทิง
“รักตัวเองไม่ใช่เห็นแก่ตัว” เส้นบางๆระหว่าง 2 สิ่ง
1
หลายคนอาจแยกไม่ออก การรักตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนหรือทำร้ายผู้อื่น แต่...การเห็นแก่ตัวมักทำร้ายและเดือดร้อนผู้อื่นเสมอ
1
ถ้าอยากมีความสุขและสมหวังต้องเริ่มจากรักตัวเองให้เป็นก่อน คนที่รักตัวเองเป็นจะหมั่นเติมคุณค่าให้ตนเอง ด้วยการดูแลทั้งกายและใจ พัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นดีขึ้นอยู่เสมอ รู้จักจับแง่คิดให้มีความสุข
“คนที่รักตัวเองเป็น” จะมองเห็นว่า คนเราจะมีความสุขได้ ต้องทำให้ทั้งตัวเองและคนรอบข้างมีความสุขไปด้วยกัน เพราะถ้าสุขอยู่คนเดียวมันไม่ยั่งยืน ยิ่งถ้าความสุขของเขาไปสร้างความทุกข์ให้คนรอบตัว เดี๋ยวเขาก็ต้องได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อนของคนอื่นจนได้
2
“คนที่รักตัวเองเป็น” อะไรที่ทำให้ทุกข์ ทั้งทางกายและทางใจ เขาจะพยายามหยุดมันอย่างเร็วที่สุด โดยไม่ไปนั่งเสียเวลารอคอยใครบางคนเข้ามาช่วยหยุดมันให้ เขาจะยังมีความสุขเมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น แต่ความสุขนั้นจะไม่ลดลงไป แม้ต้องกลับมาอยู่เพียงลำพัง เขาจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เพื่อจะเอาหุ่นดีไปอวดหรือดึงดูดใครแต่เพราะอยากมีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่ออยู่ดูความสวยงามบนโลกนี้ไปนานๆ
4
“คนที่รักตัวเองเป็น” จะเข้าใจว่า “ความเห็นแก่ตัว” ไม่ใช่การพยายามทำให้ตัวเองมีความสุข แต่มันคือการใช้ชีวิตโดยคาดหวังให้ผู้อื่นเข้ามาทำหน้าที่กำจัดทุกข์ออกไปจากใจให้ เขาจะมีความสุขเสมอเมื่อได้อยู่กับตัวเอง เขาจึงไม่ต้องการไปทำให้ผู้อื่นรู้สึกทุกข์
1
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่รักตนเองจะอ่อนแอจนยอมถูกเอาเปรียบง่ายๆ เพราะเขาเป็นตัวของตัวเองพอที่จะยืนหยัดในการรักษาสิทธิ์ของตน หากถูกรังแกหรือเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม
2
นอกจากนั้น พอรักตัวเองเป็นจริงๆ จะมองคนอื่นด้วยความรู้สึกแบบใจเขาใจเราจริงๆ ทำให้เห็นใจคนรอบข้าง รู้ว่าทุกคนก็อยากมีความสุข ไม่มีใครอยากประสบทุกข์ เหมือนๆกับตนเอง จึงอยากทำให้คนรอบข้างได้รับความสุขเหมือนที่ตนเองอยากได้
5
เมื่อคุณรักตัวเองอย่างแท้จริง...นั่นคือชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาเติมเต็ม คุณจะไม่ปล่อยให้ลมปากของคนอื่นมามีอิทธิพลเหนือใบเรือของชีวิตคุณ เพราะคุณรู้ว่าสุดท้ายแล้วมีแต่คุณเท่านั้นที่ต้องอยู่กับตัวเองนานกว่าใครๆ ทั้งหมดบนโลกใบนี้
...
ส่วน “คนเห็นแก่ตัว” ในใจของเขาจะรู้สึก "ขาด" อยู่ตลอดเวลา คิดถึงแต่ตัวเอง การให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ได้ช่วยทำให้เขาเหล่านี้ รู้สึกสำนึกบุญคุณหรือเห็นความดีของผู้ให้แต่อย่างใด แต่กลับคิดว่า เป็นหน้าที่ที่จะต้องให้ และจะไม่พอใจอย่างมาก หากเคยได้ แล้วไม่ได้รับอีกต่อไป และจะชอบให้ผู้อื่นเป็นฝ่ายยอมตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรหรือคิดอะไร มักจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลและคนอื่นต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่คิดที่ทำทุกครั้ง แม้บางครั้งคนอื่นอาจจะไม่ชอบสิ่งที่หยิบยื่นให้ก็ตาม
“คนเห็นแก่ตัว” มักไม่ชอบให้ผู้อื่นมาพูดหรือคิดเห็นต่าง ยามคนอื่นพูดหรือเตือนกลับมองว่าเป็นการก้าวก่าย อารมณ์เสียในขณะที่ตัวเองสามารถวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ และไม่เคยถามความต้องการของคนอื่น ต้องกินเหมือนกัน ต้องไปด้วยกัน ต้องไลฟ์สไตล์แบบเดียวกัน อันนี้ไม่ใช่แค่เห็นแก่ตัวเท่านั้น แต่ทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วย เพราะมันแสดงถึงว่าไม่เคยพอใจในสิ่งที่คนอื่นมีหรือสิ่งที่คนอื่นเป็น แต่กลับอยากให้เป็นอย่างที่ต้องการไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะถกเถียง โต้แย้ง หรือกำลังหาคำตอบเรื่องใดอยู่ก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดแล้วจะผู้ที่เป็นตัวกำหนดทุกอย่างในเมื่อมีคำตอบ มีปักธงอยู่ในใจแล้ว จะขอความคิดเห็นทำไม คือ แบบนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่ต้องการคนที่มาสนับสนุนความคิดเท่านั้น สุดท้ายแล้วก็เลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่ดี
2
“คนเห็นแก่ตัว” มักมองว่าตัวเองถูก หรือ รู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่เคยขอโทษและที่แย่กว่านั้นคือขอโทษแบบไม่จริงใจ ขอโทษแบบขอไปที อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ หงุดหงิดเสมอ หากสิ่งที่คาดหวังไม่ได้ดั่งใจ ที่หนักไปกว่านั้น ไม่ว่าจะหงุดหงิดมาจากไหนก็ตามมักจะมาระบายหรือหงุดหงิดใส่คนอื่นอีกต่างหาก เช่น การพูดประชดประชัน ตวาด เสียงดัง หรือใครไม่อินไปด้วยกับปัญหาที่เจอหรือสิ่งที่เล่าให้ฟัง ก็มักจะทำสิ่งนั้นเพื่อให้คนอื่นได้รู้สึกแบบเดียวกัน อาจตามมาด้วยคำพูดประมาณว่า…. “เข้าใจหรือยังล่ะ” หรือ “รู้สึกหรือยังล่ะว่าฉันรู้สึกยังไง”
3
สิ่งเหล่านี้คือความต่างที่มีเส้นบางๆทำให้ใครหลายคนแยกไม่ออก แต่สุดท้ายแล้ว “คนเห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนที่รักตัวเองอย่างแน่นอน”
ขอบคุณบทเรียนขีวิตที่ทำให้มองโลกได้ชัดเจนขึ้น ทำให้รู้ว่าเราเองก็เป็นคนนึงที่รักตัวเองและเห็นแก่ตัวไปพร้อมๆกัน 😌
โฆษณา