31 ม.ค. 2020 เวลา 04:25 • ความคิดเห็น
บทความนี้เขียนไว้เมื่อสามปีที่แล้ว
วันนี้ลองแกะแคปซูลกาลเวลาอันนี้มาดู แล้วพิจารณาว่าโลกเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้วในสามปีที่ผ่านมา
ลองไปดูกัน
ช่วงนี้หน้า feed ของ social network ของบางคนอาจมีข่าวรถตู้ ข่าวโจรมือถือ ข่าวน้ำท่วม @ 7/1/2017
แต่ feed ของผมที่ทำเอาสะดุดคือ คือข่าวสมองกลอัจฉริยะสามารถเอาชนะมนุษย์ได้สำเร็จในเกม โกะ (หมากล้อม) ซึ่งโดยปกติแล้วมนุษย์จะเอาชนะสมองกลได้ตลอด เพราะโกะต้องใช้กลยุทธ์และมีวิธีการเล่นได้มากมายนับไม่ถ้วน จึงไม่แปลกที่สมองมนุษย์จะประมวลผลและเล่นจนชนะสมองกลแบบทั่วไปได้
แต่ทว่าตอนนี้ เจ้าสมองกลที่พัฒนาขึ้นที่ชื่อ AlphaGo ที่มีการออกแบบระบบการประมวลผลให้คล้ายกับการทำงานของสมองคน สามารถจดจำรูปแบบการเล่นและเรียนรู้จากประสบการณ์ในการเล่นแต่ละครั้งได้อีกด้วย ซึ่งหมายความว่ายิ่ง AlphaGo ยิ่งเล่นมากขึ้นก็จะยิ่งเก่งมากขึ้น หรือยิ่งเล่นกับคนเก่งมากขึ้นก็จะยิ่งได้ประสบการณ์มากขึ้นไปด้วย
เชดดด!! นี่มันเกมภาษา RPG ชัดๆ
ตอนนี้ AlphaGo เอาชนะแชมป์โกะมืออาชีพระดับ 9 ดั้ง ได้แล้ว (ระดับสูงสุดของระดับอาชีพ) และได้รับการรับรองระดับ 9 ดั้งแล้วด้วยในตอนนี้
อีกหน่อยไม่รู้ว่าจะได้ควบตำแหน่ง 'ฮงอินโบ' หรือ 'เมย์จิน' อะไรอีกบ้างมั้ย เพราะตอนนี้มีข่าวแว่วๆว่าได้แฝงตัวเข้าไปเล่นตามเวปของสมาชิกโกะมือระดับโลกทั้งหลาย และโค่นเซียนๆเหล่านั้นมาจนเกือบเกลี้ยง แบบชนะรวดทุกกระดานติดต่อกัน จนคาดกันไปต่างๆนานาๆ แต่ทุกคนก็คาดไปในทางเดียวกันว่าต้องกำลังรับมือกับ AI เจ้าใดเจ้าหนึ่งแน่ๆ และสุดท้ายแล้ว AlphaGo ก็เป็นเซียนโกะลึกลับที่เผยตัวออกมาจนได้
เหล่ามนุษย์เซียนมืออาชีพต่างก็หวาดหวั่น เพราะกลัวเล่นกับ AlphaGo แล้วจะโดนลอกหมาก ไม่ค่อยมีใครอาจหาญมาท้าสู้กับสมองกลตัวแสบอีกเลย
ที่กล่าวมายืดยาว เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่า อนาคตในไม่นานนี้แน่ ที่สมองกลจะทำงานที่สลับซับซ้อนได้ใกล้เคียงสมองมนุษย์ นอกจากสมองกลจะไม่เหนื่อยไม่ล้า ไม่มีหลง ๆ ลืม ๆ ใช้เวลาเพียงเสี้ยวของวินาทีประมวลผล และจดจำได้มากมายตราบที่มีพื้นที่อิเลคโทรนิคให้ไว้เก็บข้อมูล ซึ่งนั่นอาจจะต้องทำให้มนุษย์อย่างเราหนาว ๆ ร้อน ๆ กันไปทั่วหน้า
งานบางอย่างคงไม่ต้องพึ่งมนุษย์อีกต่อไป มนุษย์อาจไม่ต้องวิเคราะห์สูตรคณิตศาสตร์ยาก ๆ เพื่อหารูหนอนเพื่อย่นมิติของเวลาให้เหนื่อย หากสมองกลจะจดจำและเรียนรู้ได้น่าสะพรึงขนาดนี้
ในแง่ดีที่น่าขนลุกหน่อย อนาคตเราอาจจะไม่ต้องขับรถเองอีกต่อไป สมองกลจะคำนวณและกำหนดการเดินรถทั้งระบบ จะไม่มีข่าวรถตู้ให้เราสลดกันทุกเทศกาล
เราจะไม่เจอข่าวโจรจี้ปล้นอีก เพราะสมองกลจะกำหนดตัวบทกฏหมาย เฝ้าระวังอาชญกรรมผ่านระบบเครือข่ายดาวเทียม และจัดการอาชญากรตั้งแต่เริ่มคิดจะทำความผิดผ่านนาโนชิฟที่ถูกฝังในสมอง คนร้ายอาจถูกกำจัดเพื่อดำรงระบบที่มีสเถียรภาพ ไม่ต้องกังวลเรื่องศีลธรรมความเป็นมนุษย์แต่อย่างใด
เราอาจไม่ต้องกังวลเรื่องภัยพิบัติมากเหมือนทุกวันนี้ สมองกลจะประมวลผลสภาพดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก สนามแม่เหล็กโลก ประมวลผลเพื่อทำนายภัยพิบัติอย่างแม่นยำยิ่งกว่าพ่อหมอตำหนักไหนๆ เราจะอพยพได้ทันท่วงทีและปลอดภัยกันเป็นส่วนใหญ่
สมองกลอัฉริยะอาจพัฒนาถึงขั้นผลิตตนเองขึ้นเป็นประชากรโลกเพื่อดำรงระบบให้มั่นคงตามที่มันถูกออกแบบมา อาจจะฉลาดไปจนถึงขั้นกำจัดมนุษย์ทั้งหมดเพราะมันรู้ดีว่าประวัติศาสตร์ที่ยาวนานผ่านมา มนุษย์คือผู้ทำลายซะเป็นส่วนใหญ่ ราวกับหนังฮอลลีวู๊ดที่เคยผลิตออกมากันหลายเรื่องแล้วในอดีต
ซึ่งถ้าสมองกลพัฒนาไปไกลถึงขั้นนั่นแล้ว คงยากที่มนุษย์จะควบคุมอะไรได้ง่าย ๆ อีกต่อไป มันคงไม่จบแค่การถอดปลั๊กหรือกดปุ่มรีเซทแน่ ๆ
AlphaGo เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ๆ
สมองกลอัจฉริยะอาจเป็นทางออกของโลก และอาจเป็นหายนะของโลกไปด้วยในเวลาเดียวกันก็ได้ ใครจะรู้?
คงต้องรอดูกันต่อไป...
เรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว และเขียนตามความรู้สึกของมนุษย์เดินดินทั่วไป โปรดอ่านด้วยวิจารณญาณที่รอบคอบด้วย มิใช่เอกสารทางวิชาการให้อ้างอิงใดๆได้ ^_^
จากข้างบนคือความคิดของแอดเองเมื่อสามปีที่แล้ว เราลองมาดูเหตุการณ์ตอนนี้กัน
- แน่นอน AlphaGo เอาชนะแชมป์มือหนึ่งของโลกอย่าง ลี เซ ดอล ไปอย่างไร้ของโต้แย้ง ลี ยังถึงขนาดยอมรับว่าเขาไม่มีทางเอาชนะเจ้าสมองกลนี้ได้เลย
- รถยนต์ไร้คนขับมีทำมาหลายเจ้าเลย บางเจ้าวิ่งบนถนนจริงชนไปแล้วก็มี เอาเป็นว่ามีความหวังว่าจะวิ่งกันแน่นอนในอนาคต
- ค่า Pi ที่ตอนนี้คำนวณกันไปกี่หลักไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่คนคำนวณ แต่ต้องเป็น super computer
ส่วนคน แข่งกันจำจุดทศนิยมของค่า Pi ว่าใครจำได้เยอะกว่ากัน แน่นอนว่าคนสู้ไม่ได้อีกตามเคย
- เหมือน AI ที่พัฒนามาบางค่าย เริ่มคุยกันเองได้แล้ว แน่นอนว่าในอนาคต มนุษย์จะเป็นเพียงส่วนเกินของรักสามเส้านี้เป็นแน่
ยังมีอีกหลายอย่างที่เทคโนโลยีกำลังเคลื่อนที่ไปไวกว่าที่เราคิดฝันไว้มาก ใกล้เคียงนิยายวิทยาศาสตร์ที่เคยเป็นเพียงภาพในจินตนาการ
คงไม่นานเท่าไหร่ ที่เราทุกคนจะถูกตรึงไว้ด้วยการสอดส่องจาก AI จากทุกอุปกรณ์รอบตัวเรา ไม่เว้นแม้แต่ชักโครกที่สั่งอุ่นรอได้ล่วงหน้า ฉายแสง UV ฆ่าเชื้อโดยสั่งงานจากมือถือได้
โลกของเราไม่เคยเหมือนเดิมเลยในแต่ละชั่วโมง ดังนั้นบทความนี้จะเป็นอีกแคปซูลกาลเวลาที่จะถูกเปิดมาอ่านอีกครั้งในอนาคต
แล้วเรามาดูกันว่าตอนนั้น โลกของเราเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว
แล้วไปตามลุ้นด้วยกันนะทุกคน
See you...!

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา