30 ม.ค. 2020 เวลา 09:18 • ประวัติศาสตร์
ตอนที่ 2
หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร
วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
ความเดิม ตอนที่แล้ว
มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นคือ วันนั้นช้างของหลวงพ่อที่ทำงานอยู่ในป่านั้นได้ดิ้นรนไม่ยอมทำงาน ทั้งๆ ที่ควาญช้างก็บังคับ อย่างเต็มความสามารถเพื่อให้มันทำงาน แต่มันกลับหันหลังมุ่งหน้าเดินกลับมาวัดหนองโพ
ควาญช้างซึ่งทราบอาการของหลวงพ่อดีก็ปรึกษากันแล้วว่าควรเลิกงาน ช้างก็พากันเดินกลับมาวัดหนองโพอย่างรีบร้อน มาถึงวัดตอนที่หลวงพ่ออาพาธหนักหมดทางเยียวยารักษาแล้ว อาการช้างมันหงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัดไม่ยอมกินหญ้ากินอะไรทั้งนั้น
เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. หลวงพ่อ ลืมตาแล้วถามเวลาเป็น ครั้งสุดท้าย คราวนี้หลวงพ่อถามว่า น้ำในสระของวัดเป็นอย่างไรพอกินกันได้ไหม เพราะหลวงพ่อไม่ได้ออกไปตรวจตา จึงเป็นห่วงน้ำในสระนั้นคือเส้นโลหิตใจที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านหนองโพ
ผู้ดูแลท่านจึงตอบไปว่าแห้งขอดลงไปแล้ว เพราะฝนไม่ตกมาเป็นระยะนานแล้งมาก ถ้าฝนไม่ตกลงมาในสองสามวันนี้น่ากลัวจะอดน้ำกันทั้งแน่นอน เมื่อหลวงพ่อได้ยินดังนั้นก็ไม่กล่าวอะไร สองมือของท่านประคองขึ้นไว้บนหน้าอกของท่าน
ในตาของท่านหลับสนิทมองไม่เห็นทรวงอกของท่านสะท้อนขึ้นมาลงแถวในลักษณะการเข้าสมาธิเป็นลำดับ ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คิดคาดก็เกิดขึ้น เป็นที่เล่าสืบกันมาทุกวันนี้
กล่าวคือฟ้าที่สว่างไม่มีเขาแห่งเมฆฝนเลยแม้แต่น้อยกลับมืดครึ้มลงเป็นลำดับ
พร้อมกับสายตาลมกระโชกแรงขึ้นและฝนที่พร่างพรมจากฟ้าหลุดน้ำมนต์ ตกหนักมากอย่างไม่ลืมหูลืมตาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในระยะเวลาอันสั้นไม่มีใครคิดเหนือความคาดหมายว่าฟ้าจะสว่างๆ ไม่มีวี่แววฝนตกนั้นจะมีเมฆฝนและตกและฝนตกลงมาก่อนเลย
ฝนตกลงมาจนกระทั่งน้ำไหลลงไปในสระได้ครึ่งสระทั้ง ๒ ลูก เป็นระยะเวลาประมาณ ๓๐ นาทีฝนจึงเริ่มขาดเม็ดลงพร้อมกันนั้นลมหายใจของหลวงพ่อก็ขาดหายไปพร้อมกับสายฝนที่เป็นสิ่งอัศจรรย์ สิริรวมอายุ ๙๒ ปีพรรษาที่ ๗๐
สมัยที่หลวงพ่อเดิมยังเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์ท่านออกธุดงค์ไปกับลูกพระลูกศิษย์เป็นประจำ เมื่อท่านกลับจากธุดงค์จะเล่าเรื่องที่ท่านจะเชิญมาให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังอยู่เสมอครั้งหนึ่งท่านธุดงค์ไปทางเขาวงโดยไปด้วยกันทั้งหมด ๕ รูป
เย็นนั้นไปเห็นใต้ร่มไม้แห่งหนึ่งรินธาราน้ำเล็กๆซึ่งดูเหมาะแก่การที่จะพัก กางกลด เจริญศีลภาวนา หลวงพ่อเดิมจึงบอกให้สิทธิ์ผู้ติดตามกางกลดพักที่ใต้ร่มไม้ริมธารน้ำแห่งนั้น ค่ำลงก็ให้แปลกใจว่าทำไมต้นไม้รอบๆบริเวณที่พักจึงเงียบสงัดไม่มีแมลงกลางคืนส่งเสียงรบกวนตลอดเลยพระลูกศิษย์ต่างก็พากันสงสัยถามท่านถึงสาเหตุท่านก็บอกพระลูกศิษย์ว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องของธรรมชาติความปกติหรือไม่ปกติมันเป็นเรื่องธรรมดาอย่าใส่ใจเลยบำเพ็ญศีลภาวนาของเราไปก็แล้วกันได้ยินเสียงอะไรก็อย่าไปสนใจมันทั้งนั้น และอย่าออกนอกกรดในยามดึกดื่นหากไม่จำเป็น
พระลูกศิษย์ได้รับคำท่านไม่สอบถามอะไรอีกต่อไปเข้ากลดนั่งหลับตาจำศีลภาวนาตามที่ได้ร่ำเรียนกันมาโดยตลอด พักใหญ่ได้ยินเสียงฝีเท้าของสัตว์ฝูงหนึ่งดังแว่วมาแต่ไกลและใกล้เข้ามาทุกขณะพอได้ยินเสียงป่าละเมาะตรงหน้าหักโค่นพังลงเป็นแถบแถบพระลูกศิษย์ต่างก็ต้องลืมตาขึ้นมองดูเพราะกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นก็เห็นวัวแดงฝูงหนึ่งพากันวิ่งแหวกป่าละเมาะมาตรงมายังกลดที่พักหลวงพ่อเดิมรู้ว่าพระลูกศิษย์จะลุกขึ้นหนีจึงส่งเสียงไปสู่โสตประสาททุกรูปว่า
"อย่าออกนอกกลด อย่าไปสนใจ"
พระลูกศิษย์ก็นั่งดูอยู่อย่างนั้นแล้วก็เห็นกับตาว่ามีชายชุดดำหลังใหญ่คนหนึ่งมีกระบองใหญ่ถืออยู่ในมือนุ่งผ้า โจงกระเบนสีแดงผืนเดียวไม่ใส่เสื้อ วัวแดงตัวใหญ่นำหน้ามาหยุดอยู่ที่หน้ากลด ห่างกันไม่ไกลนักในตาของชายเท่านั้นและแดง วาวเหมือนลูกไฟ เห็นครั้งแรกก็รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็น"เจ้าป่า"อย่างแน่นอน
" ทำไมไม่ไปพักกันที่อื่นพระมายุ่งอะไรกับที่ของข้าด้วย"
เจ้าป่าตนนั้นส่งเสียงถามขึ้นมาด้วยความด้วยเสียงดังมาก พระลูกศิษย์นั่งเงียบตั้งใจจะฟังหลวงพ่อเดิมว่าท่านจะตอบเขาว่ายังไง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากหลวงพ่อเดิมทำให้เจ้าป่าตนนั้นต้องถามซ้ำแต่หลวงพ่อเดิม ก็ยังคงเงียบเหมือนเดิมเจ้าป่าตนนั้นโกรธมากที่ไม่ได้รับคำตอบจึงลงจากหลังวัวแดงแล้วตวาดว่า
"ไม่ตอบหรือพระ งั้นได้เห็นดีกันแน"
แล้วเหงื่อกระบองที่อยู่ในมือเดินตรงเข้ามายังกรดที่ตั้งเรียงรายกันอยู่หลวงพ่อเดิมรู้ว่าพระลูกศิษย์หวาดกลัวจึงส่งเสียงบอกในโสตว่า
"อย่าลุกขึ้น ไม่ต้องกลัว"
พระลูกศิษย์ก็เชื่อฟังอย่างดีพอเจ้าป่าเดินเข้ามา ใกล้ก็มีลมกลุ่มนึงกระโชกแรงมาก พุ่งเข้าปะทะเจ้าป่า ต้นนั้นจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้นพอลุกขึ้นมาก็มีลมกระโชกเข้าใส่ร่างเป็นระลอกจนเจ้าปลาหมดฤทธิ์หมดทางที่จะลุกขึ้นได้ต้องทนอ้อนวอนขอร้องหลวงพ่อให้หยุดการกระทำท่านก็บอกว่า
" อาตมาไม่ได้ทำท่านทำตัวของท่านเองถ้าท่านหยุดข่มเหงผู้อื่นทุกอย่างก็จะหยุดเอง"
แล้วอบรมเทศนาสั่งสอนธรรมให้แก่เจ้าป่าตอนนั้นเพื่อที่พระธุดงค์รูปอื่นหลงมาเจอเข้า จะได้ไม่เกิดอันตรายจนเจ้าป่าตอนนั้นต้องยอมสยบให้ท่านเพราะไม่เช่นนั้นก็จะลุกไปไหนมาเนี่ยไปไหนไม่ได้ พอสมควรแก่ความผิดแล้วหลวงพ่อเดิมจึงบอกให้เจ้าป่ากลับไปยังที่ที่ของตนอย่ามารบกวนพระธุดงค์อีก เจ้าป่าก็รับปากแล้วขี่วัวแดงกลับไป
นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งในหลายเรื่องของหลวงพ่อเดิมที่สยบวิญญาณเจ้าป่าเสียอยู่มือ
จากหนังสืออัตชีวประวัติหลวงพ่อเดิม พุทธสโร
วัดหนองโพ
โฆษณา