2 ก.พ. 2020 เวลา 06:19
"การที่ไม่ยอมแพ้ คือศิลปะ ที่เหนือกว่าชัยชนะ"
หลายครั้งที่โชคชะตา และสถานการณ์บีบคั้นให้คนเรา ยอมจำนน พร้อมกับยัดเยียดความปราชัยให้แก่เรา ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ซ้ำๆ จนลืมหน้าตาของชัยชนะไปเลย
หลายคนถอดใจ ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ยอมทิ้งความฝัน ยอมทิ้งอุดมการณ์ ยอมทิ้งทุกอย่าง แม้กระทั่ง ยอมทิ้งตัวเอง
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ยืนหยัดต่อสู้ ในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ในความฝันของเขา แม้ในวันที่ยากลำบากเสียเหลือเกิน ในวันที่ไม่มีใครเชื่อในตัวพวกเขาเลย....
ผมจะพาทุกท่านไปพบกับสุดยอดงานศิลปะของคน ที่ขับเคลื่อนด้วย น้ำตา หยาดเหงื่อ และหัวใจของนักสู้ เพื่อที่จะก้าวไปสู่หนทางของผู้ชนะ "ศิลป์แห่งการไม่ยอมแพ้" ไปดูกันเลยว่าพวกเขามีใครกันบ้าง
เดสมอนต์ ดอสต์ ( Deamond Tomas Doss) เป็นนายทหาร ที่มีความศรัทธาในพระเจ้าอย่างแรงกล้า และไม่ปรารถนาในการฆ่าฟัน ถึงขั้นยื่นอุทรณ์ ต่อศาลทหารเพื่อขอไม่ใช้ปืนในสนามรบ
เดสมอนต์ ดอสต์ มีหน้าที่เป็นแพทย์สนาม ถึงแม้ว่าเขาจะได้เข้าร่วมสงคราม โดยไม่ต้องเอาอาวุธเข้าไปในสนามรบ ตามที่เขาขอ แต่การกระทำของเขาก็เป็นเหตุ ทำให้เขาต้องถูกทหารด้วยกันทำร้ายร่างกาย และกล่าวหาว่าเขาขี้ขลาด และไร้ประโยชน์
แต่ดอสต์ ไม่เคยตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทิ้งความเชื่อ และคำมั่นต่อพระเจ้าว่า จะไม่ฆ่าคนและจะยืนหยัดที่จะปกป้องประเทศชาติ เขายังคงเชื่อ และศรัทธาต่อสิ่งที่เขาเชื่อเสมอ แม้ศรัทธาของเขาได้ถูกลบหลู่ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ ดอสต์ กลายเป็นฮีโร่ เกิดในปี ค.ศ.1945 ในการสู้กัน ระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ ญี่ปุ่น บนสันเขาแฮคซอว์ สถานการณ์รบในตอนนั้นดุเดือดมาก ทำให้มีทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็ถูกทิ้งไว้ให้ตายบนเนินเขานั้น
ในขณะที่ทหารสหรัฐถอนกำลังลงเขากลับฐานกันแล้ว แต่ยังมีชายคนหนึ่งที่ยืนหยัดที่จะช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเนินเขาอยู่ เขาคือผู้ชายที่ถูกกล่าวหาว่าขี้ขลาดและไร้ประโยชน์ ใช่แล้วครับ เขาคือ....
เดสมอนต์ ดอสต์
เขาได้กลับขึ้นไปช่วย ผู้บาดเจ็บที่ยังรอดชีวิต ลงมาจากเขาทีล่ะคน ทุกครั้งที่เขาช่วยได้ 1 คน เขาจะภาวนาให้ช่วยเพิ่มได้อีก 1 คน ไปเรื่อยๆ โดยใช้เวลาไปทั้งสิ้น 12 ชั่วโมง ช่วยได้ 75 คน ซึ่งยอดจริงๆอาจจะเกินกว่านี้ด้วยซ้ำ และยังมีวีรกรรมที่เขาพยายามจะเตะระเบิด จนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการที่ปกป้องเพื่อนทหาร
และสุดท้าย เดสมอนต์ ดอสต์ ก็ได้กลายเป็นคนแรก ที่ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร แต่ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากสงครามในครั้งนี้ ชายตัวเล็กๆที่ไม่พกอาวุธเข้าไปในสงครามอันน่ากลัว และมาพร้อมกับหัวใจแห่งศรัทธาอันแรงกล้า ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาคนนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน ตราบเท่าทุกวันนี้
ความกล้าไม่ใช่เรื่องของการใช้กำลัง แต่มันคือเรื่องของหัวใจ
เดอริค โรส (Derrick Rose) กุหลาบที่ไม่ยอมโรยรา เขาเป็นอดีต นักบาสดาวรุ่งพุ่งแรง เคยเป็น Rookie of the year ปี2009 เป็น MVP ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ในปี 2011 ด้วยวัยเพียง 22 ปี
เรื่องราวเขาเหมือนจะแฮปปี้ใช่ไหมล่ะครับ แต่เปล่าเลย โชคชะตาเริ่มเล่นตลกกับเขาครั้งแรก ในปี 2012 โรสได้รับอาการบาดเจ็บ จากการลงเล่นให้กับทีมต้นสังกัดของเขาอย่าง ชิคาโก บูลส์ (บาดเจ็บครั้งที่ 1 ) ต้องพัก 8-12 เดือน
พอปี 2013 ในเดือนมีนาคมแพทย์อนุญาตให้เขากลับมาลงสนามได้
แต่เขาก็หายตัวไปเฉย ๆ ไม่ยอมลงสนาม กระแสวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งสภาพจิตใจเขาไม่เหมือนเดิมบ้างล่ะ ขี้ขลาดบ้างล่ะ ใจไม่สู้บ้างล่ะ
เมื่อฤดูกาล 2013-2014 โรสลงสนามอีกครั้ง พาทีมชิคาโก บูลส์ เอาชนะคู่แข่งได้สำเร็จ
เหมือนจะดีแล้วใช่ไหมครับ แต่อีก10เกมต่อมา เขาก็บาดเจ็บอีก (บาดเจ็บครั้งที่2) ต้องพักยาวทั้งฤดูกาลนั้น
เขาพลาดการลงเล่นไปจนถึง 154 เกม
ใน2ฤดูกาล
การกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขากลับมาลงเล่นนัดเปิดตัวให้กับทีม ชิคาโกบูลส์ แต่ฟอร์มการเล่นเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เนื่องจากอาการบาดเจ็บรบกวนเขามาอย่างยาวนาน สุดท้ายเขาก็บาดเจ็บอีกครั้ง (บาดเจ็บครั้งที่3)
ในปี2016 ฝันร้ายของเขาก็ได้เกิดขึ้น เมื่อทีม ชิคาโก บูลส์ ทีมที่เขาเติบโตมา และเขาก็เคยเป็นขวัญใจของชาวเมืองนี้ โดยเขาลงเล่นให้ถึง7ฤดูกาล แต่ ชิคาโก บูลส์ มีความคิดจะเทรดเขาออกจากทีม ให้กับทีม นิวยอร์ค นิคส์
ช่วงกลางปี2016 โรสได้หายตัวไป ไม่ยอมเล่นให้กับ นิวยอร์ค นิคส์ นัดที่เจอ กับทีม นิวออร์ลีน โดยให้เหตุผล ว่า เขาอยากใช้เวลาอยู่กับแม่สักพัก
หลังจากนั้นในอีก8วัน เขาก็กลับมาลงเล่นให้กับทีม พร้อมกับโชว์ฟอร์มโหดได้อีกครั้ง หลังทำแต้ม ได้ 30 คะแนน
เหมือนชีวิตจะดีอีกแล้วใช่ไหมครับ แต่เปล่าเลย ต่อมาเขาก็บาดเจ็บอีกครั้ง (บาดเจ็บครั้งที่4) ปิดฉากการเล่นในฤดูกาลนั้นทันที
เหมือนกับว่าทีมจะไม่ต้องการเขาแล้ว โรสเลยต้องทำทุกอย่างเพื่อหาทีมใหม่ แม้ต้องลดค่าตัวจาก 20 ล้านเหรียญต่อปี เหลือแค่ 2.1 ล้านเหรียญต่อปีก็ตาม ต่อมาก็ได้เซ็นสัญญากับทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ด้วยสัญญา1ปี ซึ่งตอนนั้นเขาก็ได้อายุ 29 ปี เข้าไปแล้ว
ได้ลงเล่นแค่เดือนกว่าๆ เขาก็บาดเจ็บอีก ถึงจะไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงมากเหมือนทุกครั้ง แต่อาการบาดเจ็บมันก็รบกวนเขาอยู่ตลอด จนทำให้จิตใจเขาบอบช้ำแบบสุดๆ เขาลงเล่นให้ทีม 16 เกม ก็โดนเทรด ให้กับทีม ยูทาห์ แจ็ส
แล้วเหมือนกับว่า ทีม ยูทาห์ แจ็ส ก็ไม่ต้องการเขาอีก อยู่กับทีมได้เพียงแค่ 2 วัน ก็เขี่ยเขาทิ้งจากทีม
มันเกิดอะไรขึ้นกันกับ อดีตดาวดังคนนี้ ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการอีกแล้ว การตกนรกอาจจะสบายกว่าสภาพ เขาในตอนนี้ก็ได้ โรสต้องล่องลอยเหมือนวิญญาเร่ร่อน ไม่มีทีมเป็นเวลา 1 เดือน
จนฟ้าเหมือนจะเห็นใจ ต่อมาเขาได้เซ็นสัญญากับทีม เบอร์วูลฟส์ ในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.2018
แต่เขาก็ยังมีสภาพประหนึ่งเป็นวิญญาณอยู่ดี เพราะเขามักจะถูกมองข้ามอยู่ตลอด เป็นได้เพียงตัวสำรองของทีม แถมยังถูกล้อเลียน เขากลายเป็นสัญญาลักษณ์ของความอ่อนปวกเปียก บาดเจ็บง่าย
ชีวิตของ เดอริค โรส นี่ดราม่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวซะอีก ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเลิกเล่นไปแล้ว และหันไปทำอาชีพอื่น แต่โรสไม่ทำแบบนั้น เขาเลือกที่จะกลืนคำสบประมาท และก้มหน้าก้มตา ซ้อมๆๆ แล้วก็ซ้อม จนฟอร์มการเล่นของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ
จนวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.2018 ก็ได้มาถึง โรส ทำแต้มได้ 50 คะแนน เอาชนะ ทีม ยูทาห์ แจ็ส ทีมที่เคยเขี่ยเขาทิ้งเมื่อเดือนก่อน(โคตรสะใจเลยครับท่านผู้อ่าน) และเป็นแต้มสูงสุดในชีวิตการเล่นบาสของเขา ในวัย 30 ปี สูงกว่าสมัยตอนเขาพีคๆ หรือ ตอนเขาเป็น MVP ซะอีก
นี่คือเรื่องราวของ เดอริค โรส กุหลาบผู้ไม่เคยยอมโรยรา ใครที่ท้ออยู่ โปรดลุกขึ้นมาสู้ครับ เฉกเช่นเดียวกับ ดอกกุหลาบดอกนี้ ดอกกุหลาบที่ไม่ว่าจะถูกเหยียบย่ำแค่ไหน โชคชะตาจะเล่นตลกอย่างไร ก็จะไม่มีวันยอมแพ้ หรือ โรยราง่ายๆ
น้ำตาไม่ได้เป็นสัญญาลักษณ์ของความอ่อนแอ ผู้กล้าใช้มันในการขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ
อย่าให้ใครมาบอกกับคุณว่าคุณทำอะไรไม่ได้
อย่ายอมแพ้ เพียงเพราะเคยพ่ายแพ้
แล้วก็เช่นเดียวกัน ผมจะพยายามเขียนต่อไป แม้ว่าจะไม่มีใครอ่าน เขียนเพื่อให้โลกรู้ว่ายังมีอีก 1 คน ที่ไม่เคยยอมแพ้ และยังทำในสิ่งที่รักต่อไป นี่แหละครับ คือ ศิลป์แห่งการไม่ยอมแพ้ ในแบบฉบับของผม
1
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ จริง ๆ มีบุคคลอีกหลายท่าน ที่จะเป็นแรงบันดาลใจที่ดี ให้ทุกท่านก้าวเดินต่อไป ในหนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามและอุปสรรค ผมจะค่อยๆ ทยอยนำมาเขียนนะครับ by ชนดิเรก
แหล่งอ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา