5 ก.พ. 2020 เวลา 15:55 • บันเทิง
Badboy for life หนังที่ดีในแง่วิจารณ์ แต่รู้สึกแย่ในแง่ของแฟนบอยจากภาคเก่าๆ
เดือนมกราคมปี2020เป็นเดือนแห่งการเริ่มดูหนังใหม่ๆดีๆหลายๆเรื่องมาก โดยเรื่องแรกที่ผมเองได้ดู และจะมาบ่นให้ฟังคือเรื่อง Badboy for life หนังภาคที่สามของหนัง2หนุ่มคู่หูที่ห่างหายไปนานนนน 10กว่าปี
ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่ดูหนังไม่ได้เป๊ะเหมือนนักวิจารณ์หนังรุ่นใหญ่ท่านอื่นๆนะครับ เพราะฉะนั้น อาจจะมีคำวิจารณ์หลายๆอย่างสวนกระแสชาวบ้านเค้าหน่อยนะครับ
ซึ่งอย่างแรกเลยก็คือบทวิจารณ์ของหนังเรื่องนี้มันดีมาก ไปทางค่อนข้างบวก แต่ผมกลับมองไปในเชิงธรรมดาซะมากกว่า
ซึ่งในส่วนที่ผมบอกว่าดีและเห็นด้วยกับนักวิจารณ์ท่านอื่นๆ คือเนื้อเรื่องที่มีการปูเนื้อเรื่องมากขึ้น ไม่ได้เอะอะก็ยิงเหมือนภาคก่อนๆ ซึ่งตรงนี้ผมเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
ซึ่งตรงส่วนนี้ต้องยกความดีความชอบให้ผู้เขียนบทรวมถึงการกำกับของผู้กำกับที่ไม่ใช่ลุงไมเคิล เบย์ จึงทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้น แต่!!
การที่เปลี่ยนผู้กำกับไปเป็นใครที่ไม่ใช่ลุงเบย์ของเราทำให้สิ่งหนึ่งขาดหายไปครับ นั้นคือฉากแอคชั่นที่สุดมันส์จากสองภาคก่อน ซึ่งจะขอพูดว่าเป็นข้อเสียใหญ่สำหรัยผมเลยครับ
เริ่มจากแอคชั่นที่ไม่สุดครับ อันนี้ความคิดส่วนตัวล้วนๆ เพราะอย่างที่บอกว่าผมรับอิทธิพลจากหนังของลุงเบย์ มาหลายเรื่องครับ ซึ่งต้องยอมรับว่าฉากแอคชั่นแกโคตรจะมัน ถึงแม้มันจะมีเละเทะออกมาเยอะเกินงามไปหน่อย(ที่เห็นจนชินตาคือสะเก็ดไฟที่คล้ายพรุประทัด ที่ออกมาเกลื้อนโดยไร้เหตผลมากๆ 555)แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าลุงเบย์แกเซียนด้านนี้จริงๆ
และจากสองภาคก่อนที่ทำฉากแอคชั่นออกมาดีซะขนาดนั้น จะไม่ให้ถูกเอามาเปรียบเทียบมันก็คงไม่แปลกครับ
แต่ต้องยอมรับในผู้กำกับภาคสามนี้ ที่ยังคงคารวะลายเส้นเดิมจากภาคเก่าๆออกมาได้ดีเยี่ยมครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโทนภาพ มุมกล้อง มุกกวนๆของตัวเอกทั้งสองนาย เก็บมาได้ครบ และที่เด็ดคือเนื้อเรื่องครับ
มันทำให้ผมแอบเก็บไปคิดว่าถ้าเนื้อเรื่อง การกำกับในภาคนี้เป็นแบบนี้ แต่ใส่ฉากแอคชั่นในแบบฉบับไมเคิล เบย์ แบดบอยภาคนี้จะเป้นอะไรที่สมบูรณ์มากๆครับ
อ๊ะๆๆ แต่ใช่ว่าในส่วนที่ผมได้ชมไปมันจะแปลว่าดีไปซะหมดนะครับ มันก็แอบมีส่วนที่ไม่เมคเซ้นส์จนขัดใจผมเหมือนกันนะ คือบางฉากจะมีทำเพื่ออะไร มีแล้วส่งผลไปถึงอะไร หรือจะมีไว้แค่นั้นเพื่อเนื้อเรื่องจะได้ไปต่อยังงั้นเหรอ จะยกตัวอย่างให้ครับ (ติดๆสปอยล์นะ)
อย่างฉากที่จะเข้าไปจับกุมรองหัวหน้าในงานวันเกิดของมันในไนท์คลับ ในเรื่องปูแผนซะดิบดี ทั้งส่งทีมปลอมตัวเข้าไปแทรกซึมทุกตำแหน่งตั้งแต่พนักงาน ยันดีเจ เหมือนจะมีแผนการจับที่แยบยล แต่เปล่าเลย เพราะพอได้ทีเข้าประชิดก็ประกาศกันโต้งๆว่าฉันขอจับกุมแก แล้วไอ้ที่แต่งปลอมตัวเข้ามาเพื่อ!?(ตัวโตๆ) คือเมิงจะเดินเข้าไปขอจับเลยก็ได้นะไม่ว่ากัน แล้วที่เหวอกว่านั้นคือ ไอ้รองหัวหน้าก็วิ่งหนีไปหน้าดื้อๆทั้งๆที่มีปืนจากตำรวจจ่อหน้ามันอยู่แท้ๆ
และต่อจากนั้นก็จะเป็นฉากไล่ล่าโดยที่ฝ่ายพระเอกจะนั่งมอเตอร์ไซค์แบบพ่วงข้างอย่างในตัวอย่าง ซึ่งมาคัส(มาติน ลอว์เลนซ์)ได้ปืนกลหนักมาแทนที่เราจะได้เห็นฉากยิงกันระเบิดเถิดเทิง(ตอนนั้นสิ่งที่เข้ามาในหัวคือ “เอาล่ะเว้ย มันส์แน่นอนฉากนี้”) ที่ไหนได้เฮียแกยิงมั่วไม่โดนใครเลย สรุปฉากนี้ไม่มีตัวร้ายโดนพระเอกยิงเลย กลายเป็นแค่ฉากพระเอกขับรถไล่ล่าและหนีกระสุนให้เป็นฉากฮาแค่นั้นเอง
ซึ่งจากสองฉากที่เล่ามานี้ ถ้าเป็นเฮียเบย์ แกไม่ทำครับ มันต้องแยบยล มันต้องมีลีลามากกว่านี้ และที่สำคัญมันต้องระเบิดเทิดเถึงมากกว่านี้ครับ
พอหลังจากจบฉากนี้ ผมทั้ง งง และมีข้อสงสัยในหัวว่า แค่นี้เหรอ มันจะมีฉากเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร แค่ให้เนื้อเรื่องได้เดินต่อยังงั้นใช่ไหม ตัวผมเองซึ่งเคยเสพงานในภาคเก่าของ ไมเคิล เบย์ จึงคิดว่าตรงนี้เป็นส่วนที่สอบตกอย่างแรง ชนิดที่มองสวนทางกันกับนักวิจารณ์บางคนที่มองว่าฉากแอคชั่นในภาคนี้ก็มันส์ไม่น้อยจากภาคเก่าเลย (นี้เอ็งเคยดูภาคเก่าที่ไมเคิล เบย์กำกับจริงรึเปล่าว่ะ)
และนี้คือส่วนที่ผมติ ว่าเป็นจุดเล็กน้อยจากภาพรวมของทั้งเรื่อง แต่เป็นจุดที่ใหญ่มหาศาลสำหรับผมเลยล่ะ นั้นคือฉากแอคชั่นที่มันสวนทางกับเนื้อเรื่องภาคนี้ครับ ครั้งหน้าขอมันส์กว่านี้และเมกเซนท์กว่านี้หน่อยนะ
สรุปคะแนนผมก็ให้ตามที่สื่ออื่นให้แหล่ะครับ แต่ขอหักคะแนนจากที่กล่าวมาทั้งหมดแบบเยอะๆครับ(รู้สึกเสียดายกับฉากแอคชั่นจริงๆให้ตายเหอะ)
ถ้าใครมีความเห็นที่แตกต่าง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็ช่วยมาแสดงความคิดเห็นได้นะครับ ยินดีรับฟังทุกความคิดครับ ขอบคุณครับ
โฆษณา