3 ก.พ. 2020 เวลา 03:34 • บันเทิง
[รีวิว + เล่า] “The Last Wish” ปฐมบทเรื่องสั้นของจักรวาล The Witcher
สำหรับแฟนๆซีรี่ย์ The Witcher ที่ยังอารมณ์ค้างจากซีรี่ย์ และต้องรออีกเกือบ 2 ปีกว่า ซีซั่นที่ 2 จะออกมาให้ได้ชมกัน ถ้าอยากจะคลายความคิดถึงตัวละครต่างๆก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทางครับ คือไม่ซื้อหนังสือมาอ่าน ก็ซื้อเกมมาเล่น 😂😂
วันนี้ผมก็เลยจะนำวิธีแรกมานำเสนอ เผื่อจะมีคนสนใจไปหามาอ่านตามกันบ้างครับ
ส่วนแรกจะเป็น Review ที่ไม่ค่อยเล่าเนื้อหาเท่าไหร่ สำหรับคนที่ไม่อยากโดน Spoil นะครับ ส่วนใครที่ชอบ Spoil ก็อ่านต่อจนจบได้เลย สนุกแน่นอน 😎😎
*** ผมมีวิเคราะห์ตัว Last Wish หรือคำอธิษฐานข้อสุดท้ายของ Geralt ที่ขอเพื่อช่วยชีวิต Yennefer ไว้ในตอนท้ายสุดด้วยนะครับ
มาเริ่มกันเลย
“The Last Wish” by Andrzej Sapkowski
หนังสือเล่มนี้จะเล่าเรื่องในสไตล์ของเรื่องสั้น (ที่ไม่เรียงตามเส้นเรื่อง) สลับไปกับเหตุการณ์การพักฟื้นของ Geralt พระเอกของเราที่เป็นแบบเส้นตรง
การเรียบเรียงแบบสลับไปมาแบบนี้ ไม่ทำให้งงนะครับ แต่กลับทำให้อ่านสนุกกว่าการเล่าแบบตรงๆด้วยซ้ำ เลยน่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการทำซีรี่ย์เช่นกัน ที่มีการสลับเส้นเรื่องไปมาให้คนดู/คนอ่านได้รับอรรถรสที่ไม่ซ้ำซาก แถมความรู้สึกตอนที่ร้องอ๋อจากการปะติดปะต่อเรื่องราวได้นั้นมันสร้างความประทับใจในการอ่านได้ด้วยส่วนนึง
***สำหรับใครที่สนใจเส้นเรื่อง รอสปอยในช่วงท้ายนะครับ ในส่วนของ Review จะขอแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย ดังนี้
- ความสนุกของเนื้อหา (9/10) : ส่วนตัวชอบการอ่านมากกว่าดูอยู่แล้ว และเนื้อหาก็เข้มข้นและสนุกกว่าในรูปแบบของซีรี่ย์เยอะมาก (แม้จะเคยดูมาแล้ว แต่อ่านแล้วสนุกกว่าเดิมครับ) ลักษณะของการเล่าเรื่องแบบใจเย็นแล้วมาหักมุมในตอนใกล้จบของแต่ละเรื่องสั้นนั้นมันทำให้คนอ่านสนุกไปกับหนังสือมากๆ
- สุนทรีย์ในการอ่าน (8/10) : The Last Wish เป็นหนังสือที่อ่านง่ายอันดับต้นๆของแอดมินเลยครับ ด้วยความที่ตัวหนังสือไม่เยอะมาก + ความเป็นโลกแฟนตาซี แต่ !! ไม่ค่อยพรรณาโวหารเรื่องสภาพแวดล้อมฉากหลังเท่าไหร่ แถมยังมีบทพูดเยอะทำให้เนื้อเรื่องเดินไปเร็วกว่าเล่มอื่นๆ จึงจัดเป็นหนังสือที่อ่านง่ายเล่มนึงเลยครับ
ส่วนในฉากต่อสู้ก็เล่าออกมาได้สนุกมาก จินตนาการตามแล้วดีไม่ดีสนุกกว่าที่เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวในซีรี่ย์ด้วย เพราะจะสู้กันสนุกกว่าและนานกว่า
(ผมอ่านจบ 280 หน้า ภายในอาทิตย์เดียว แถมบางตอนอ่านซ้ำด้วยเพราะงง !! ใช่ครับ มันจะมีบางช่วงที่งงๆ อาจเป็นเพราะมันแปลมาจากภาษาโปแลนด์อีกทีนึงก็ได้)
เมื่อไปเปรียบเทียบกับ Fiction แนวแฟนตาซีอื่นๆที่ผมอ่านมาอย่าง Game of Thrones, Lord of the Rings หรือ IT นั้นจะค่อนข้างแตกต่างอย่างชัดเจนตรงที่เล่มนี้อ่านง่ายและไปได้ไวกว่ามากๆ
ในขณะที่ 3 เล่มที่ยกตัวอย่างนั้นเนื้อหาจะเยอะกว่า รายละเอียดเยอะกว่า ซึ่งทำให้อ่านยากไปสำหรับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษ แต่ถ้าวัดกันที่ความสนุกผมให้พอๆกันครับ
เพราะฉะนั้น สรุปคะแนน The Last Wish เอาคะแนนสองส่วนมาสรุปรวมกัน เล่มนี้ผมให้คะแนนอยู่ที่ 8.5 / 10 ครับ
ด้วยความที่อ่านง่ายและเนื้อหาไม่เข้มข้น จึงเหมาะกับคนที่สนใจอยากลองอ่านภาษาอังกฤษเป็นเล่มแรกๆ (เพราะเท่าที่ทราบมายังไม่มีแปลไทยออกมาด้วย)
ใครที่อดใจรอซีรี่ย์ไม่ไหว แนะนำให้ไปจัดมาอ่านแก้เบื่อได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดเล่มต่อๆไปมารีวิวให้ฟังกันอีกเร็วๆนี้ 😎😎
มาเล่าเรื่องเนื้อหากันบ้าง The Last Wish อย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องสั้นหลายๆตอนมารวมกันโดยไม่ได้เรียงตามลำดับเหตุการณ์ แต่ถ้าใครดูซีรี่ย์มาแล้วจะเรียงลำดับได้ไม่ยากครับ ขอเล่าสั้นๆดังนี้
1. The Witcher
ตอนแรกของหนังสือจะเหมือนกับ EP3 : The Betrayer Moon ในซีรี่ย์ เป็นเนื้อเรื่องที่ Geralt ตัวเอกของเราไปรับงานแก้คำสาปให้กับลูกสาวของ King Foltest แห่ง Temeria
ที่แตกต่างกันนิดหน่อยก็คือ Geralt จะสู้กับ Striga อย่างยากลำบากกว่า โดยระหว่างการสู้ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะตลอด เพราะสู้พลังไม่ค่อยได้ แถมตอนจบที่แก้คำสาปได้แล้วยังได้รับบาดเจ็บหนักจากเจ้าหญิงที่แม้ว่าจะคืนร่างมนุษย์แล้ว แต่จิตใจยังเป็นปีศาจอยู่พุ่งเข้ามากัดคอเหวอะ
*** บาดแผลในครั้งนี้ ส่งผลให้ Geralt ต้องมารักษาตัวอยู่ที่โบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์การพักรักษาตัวนั้นจะชื่อบทว่า The Voice of Reason ที่จะกระจายแทรกอยู่ตามเรื่องสั้นแต่ละตอนครับ (Voice of Reasons จะมีทั้งหมด 8 ตอนสั้นๆ ตอนละ 1-4 หน้า คั่นอยู่ตรงกลางระหว่างเรื่องสั้นอื่นๆ เป็นเหมือนตัวเชื่อมเหตุการณ์ในอดีตต่างๆเข้าด้วยกัน)
2. The Grain of Truth
ตอนนี้จะเป็นเรื่องที่ไม่มีในซีรี่ย์ครับ เป็นการผจญภัยของ Geralt ไปในป่าที่มีสัตว์ประหลาดตัวนึงที่เคยเป็นมนุษย์แต่โดนสาปให้มีรูปร่างเหมือนสัตว์ แล้วก็ได้นั่งฟังเรื่องราวอยู่พักนึง โดยไม่ได้คิดจะกำจัดอะไร เพราะไม่ใช่สัตว์ที่อันตรายและตนก็ไม่ได้ถูกจ้างให้มาฆ่า
1
นั่งคุยกันไปเรื่อยๆก็ได้รู้ว่า ด้วยความที่สัตว์ประหลาดตัวนี้มีสมบัติเยอะมาก ชาวบ้านก็ชอบเอาลูกสาวมาเสนอให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ เผื่อแลกกับสมบัติต่างๆ ทั้งพ่อค้า ชาวนา รวมไปถึงอัศวินที่ยากจนก็เอาลูกสาวมาขายให้กันหลายคน
พอแยกย้ายออกจากบ้านไป อยู่ๆ Geralt ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ก่อนจะย้อนกลับไปอีกครั้งแล้วก็เจอกับสิ่งที่ตนเองคาดไว้ !!!
จะเป็นอะไรต้องไปอ่านเอาเองนะครับ 😂😂
3. The Lesser Evil
ชื่อบทคุ้นมากๆขนาดนี้ก็ไม่ต้องเอาให้ยากเลยครับ ตอนนี้จะเป็นตอนที่ Geralt ต้องเลือกเชื่อคนใดคนนึงระหว่าง Stregobor พ่อมดที่ทารุณเด็กสาวที่เกิดในช่วง Black Sun (สุริยุปราคา) และ Renfri อดีตเจ้าหญิงที่ชีวิตต้องพังทลายเพราะ Stregobor จนกลายเป็นเหตุการณ์ Butcher of Blaviken ใน EP 1 : The End’s Beginning นั่นเอง
เนื้อเรื่องในตอนนี้ก็จะคล้ายกับในซีรี่ย์มากๆ ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในส่วนของคำทำนาย Girl in the Forest ที่หมายถึง Cirilla นั้นไม่มีในหนังสือเลยแม้แต่นิดเดียว
ส่วนตัวผมชอบสไตล์การเล่าเรื่องหักมุมของในหนังสือมากกว่านิดนึงครับ
4. A Question of Price
ตอนนี้จะเป็นเหตุการณ์ความวุ่นวายในงานแต่งงานของ Pavetta ที่มีการพูดถึง Law of Surprise และทำให้ชะตาของ Geralt ผูกกับ Ciri ใน EP 4 : Of Banquets, Bastards and Burials นั่นเอง
โดยในหนังสือ Geralt นั้นจะถูก Queen Calanthe นั้นจ้างมาเพื่อจัดการกับ Duny อัศวินหน้าเม่นโดยเฉพาะ ไม่ใช่มาเพื่อช่วย Jaskier (แต่ Queen เองพยายามพูดให้จัดการแบบอ้อมๆ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติของ Witcher)
ก่อนที่เหตุการณ์จะเหมือนที่เราเห็นกันในซีรี่ย์เลย แทบไม่มีส่วนต่างเท่าไหร่ ผมชอบตอนจบที่ตัดได้สวยกว่าในหนัง เพราะ Calanthe กำลังถาม Pavetta ว่าท้องหรอ ก่อนที่จะตัดจบไปโดยที่ Pavetta ตอบกลับ แต่ไม่บอกว่าอะไร ซึ่งดู Cliffhanger ดีครับ
อ๋อ ตอนนี้ยังไม่มี Jaskier หรือ Dandilion นะครับ นางจะโผล่มาในตอนหน้าแทน
5. The Edge of The World
ก่อนจะขึ้นตอนนี้ Jaskier หรือ Dandilion จะโผล่มาเยี่ยม Geralt ในตอนแทรก The Voice of Reason ก่อนที่จะมีการเล่าย้อนอดีตไปว่าสองคนนี้เจอกันยังไง ซึ่งก็จะไปตรงกับเนื้อเรื่องใน EP2 : Four Marks นั่นเอง
โดยตอนนี้หนังสือจะละเอียดกว่าเยอะมาก มีการพูดถึง Elf กับการเอาตัวรอดจากมนุษย์และ ภูติต่างๆมากมาย มีหนังสือคัมภีร์มีเบื้องลึกเบื้องหลังเยอะกว่าเยอะมากจริงๆ แต่ในหนังน่าจะตัดออกเพราะไม่ค่อยมีผลกับเส้นเรื่องเท่าไหร่ + EP2 นั้นเน้นไปที่การกำเนิด Yennefer มากกว่าทำให้เนื้อหาของ Geralt ในตอนนี้ถูกตัดไปจนสั้นจู๋อย่างที่เห็น
6. The Last Wish
ชื่อตอนเดียวกับชื่อหนังสือ และยาวที่สุดครับเกือบ 100 หน้าได้ (หนังสือมีแค่ 280 หน้า) เป็นตอนที่ Geralt นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เจอกับ Yennefer ครั้งแรก ก็คือเหตุการณ์ที่ตั้งใจจะตกปลาแต่กลับได้ไหที่สะกด Djinn เอาไว้แทน ก่อนที่ Djinn จะทำร้าย Dandilion จนลำบาก Geralt ต้องหาทางช่วย
ซึ่งทำให้มาพบกับ Yennefer ที่กำลังทำฮาเร็มแบบในหนังเปี๊ยบเลย ก่อนที่ Geralt จะโดนสะกดจิตให้ไปทำความวุ่นวายจนโดนจับ เพื่อ Yennefer จะได้มีเวลาจับ Djinn
เนื้อหาก็แทบจะเหมือน EP5 : Bottled Appetite เป๊ะๆเลย เรียกได้ว่าถอดมาแทบจะ 100% เพราะหนังสือเขียนไว้ดีมาก แต่จะมีความติด R-Rated อยู่นิดนึง จึงทำให้ดัดแปลงมาในแบบที่ Soft ลง
[Spoiler หนักมาก]
ส่วนในเรื่องคำอธิษฐานข้อสุดท้ายที่ Geralt ใช้เพื่อช่วยชีวิต Yennefer นั้นในหนังสือก็ไม่ได้บอกโดยตรง แต่เราจะสามารถตีความได้จากบทพูดของ Yennefer ที่บอกว่า
“Your Wish, I don't know whether such a wish can ever be fulfilled. I don't know whether there's such a Force in nature that could fulfill such a wish. But if there is, then you've condemned yourself. Condemned yourself to me.”
การที่ Yennefer ได้ยินคำขอของ Geralt แล้วพูดออกมาแนวๆว่า ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีพลังอะไรในโลกที่ทำให้คำขอเป็นจริงได้ แต่ถ้ามีนั่นแสดงว่า Geralt ได้ผูกชะตาชีวิตของตัวเองเข้ากับคำขอครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นการผูกชะตาชีวิตของตัวเองเข้ากับ Yennefer ไปตลอดชีวิต
เมื่อประกอบกับคำอธิบายตอน Geralt กำลังจะขอพรที่เขียนไว้ว่า The witcher suddenly understood what it was he wanted. And he made his wish.
หมายความว่าคำขอนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ Geralt ต้องการจากใจ และเมื่อรวมกับคำพูดด้านบนซึ่งเป็นการผูกชะตาของตนเข้ากับ Yennefer ไปตลอดชีวิตโดยที่อาจจะไม่มีพลังไหนในโลกทำให้เป็นจริงได้
ในมุมมองของผมอาจจะเป็นเรื่องความรัก หรือครอบครัวครับ Geralt อาจจะขอให้ตนมีครอบครัวหรืออาจจะถึงขั้นมีลูกกับ Yennefer ไปเลยก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทั้ง Geralt และ Yen ต้องการ รวมถึงเป็นพรระยะยาวมากๆๆๆ เพราะไม่รู้ว่า Yennefer จะสามารถกลับมามีลูกได้จริงๆเมื่อไหร่ ส่วน Witcher เองก็ไม่สามารถมีลูกได้ด้วย
และเมื่อเจ้าของคำขอ ขอไปแบบนั้น Djinn ก็จำเป็นที่จะต้องวางมือจากการจะฆ่า Yennefer ทิ้งเพราะมันจะทำให้คำขอไม่สำเร็จผลนั่นเอง
จะถูกหรือผิดก็ไม่ทราบนะครับ เพราะเท่าที่รู้มาคือในเล่มอื่นๆก็ยังไม่มีการเฉลยถึงคำขอในครั้งนี้ แล้วแต่ละคนอ่านก็อาจจะคิดไม่เหมือนกัน ใครคิดเห็นยังไงกับประเด็นนี้ก็พูดคุยกันใน Comment ได้นะครับ 🤓🤓
1
ก็ขอจบการรีวิว + เล่า หนังสือ The Last Wish ไว้ตรงนี้ ผมพยายามไม่สปอยหนังสือมากเกินไปนะครับ แต่ว่ามันอาจจะเยอะเพราะดันไปตรงกับซีรี่ย์วะหลายตอน ใครมีคำถามอะไรสามารถพูดคุยติชมได้นะครับ
** จะสังเกตุเห็นว่าเล่มนี้จะ Cover เฉพาะเส้นเรื่องของ Geralt ใน EP ที่ 1-5 เท่านั้นนะครับ ในส่วนของ EP 6-8 นั้นจะอยู่ในเล่มถัดไป Sword of Destiny ที่ผมกำลังจะอ่านต่อในเร็วๆนี้
ในโพสต่อๆไปก็จะนำเรื่องน่าสนใจของหนังสือเล่มอื่นๆ รวมไปถึงเกร็ดความรู้ต่างๆ มาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ สนใจก็กดติดตามเพจ “เล่า” ไว้เพื่อที่จะไม่พลาดเนื้อหาดีๆในอนาคต
ส่วนถ้าใครไม่อยากพลาดทุกโพสต์ของเพจ “เล่า” แอดมินแนะนำให้กด See First เอาไว้ด้วยครับ :)
ติดตามเรื่อง “เล่า” ผ่าน facebook ได้ที่
#เล่า #เล่าหนังสือ #เล่าความรู้ #unfold #ส่งเสริมการอ่าน #ส่งเสริมการเรียนรู้ #TheWitcher #TheLastWish
โฆษณา