6 ก.พ. 2020 เวลา 04:05 • สุขภาพ
บ้านอากาศสะอาด
ไม่น่าเชื่อว่าทุกวันนี้ แม้ว่าเราจะอยู่อาศัยแต่เฉพาะในบ้าน เราก็ยังมีโอกาสที่จะเสี่ยงจากอันตรายที่มาจากนอกบ้านได้
สิ่งที่ลอยเข้ามาหาเรา ทางอากาศ
ถูกแล้วครับ
ผมหมายถึง กระสือ
เอ้ย ไม่ใช่
หมายถึงสภาวะอากาศในปัจจุบันครับ
และถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่คุกคามสุขอนามัยของบ้าน ไม่ได้มีเพียง ฝุ่น PM2.5 เท่านั้นนะครับ
ยังมีภัยร้ายอื่นๆในบ้านที่เรามองไม่เห็นแอบแฝงอยู่มากมาย เช่น เชื้อราจากความชื้น ฝุ่นละเอียดที่มาจากการสลายตัวของวัสดุก่อสร้าง ไอระเหยจากสารเคลือบผิวและวัสดุสังเคราะห์ต่างๆ รวมไปถึง สารกัมตภาพรังสีที่มาจากแร่หินบางชนิด
และเราจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อบ้านที่มีอากาศสะอาดสำหรับเราและครอบครัว
ขอแบ่งเป็น 2 แนวคิดนะครับ คือ แบบ Passive ใช้วิธีธรรมชาติ กับ แบบ Active ใช้อุปกรณ์เครื่องมือในการแก้ปัญหา
เราจะเริ่มจากแบบแรก จากสเกลใหญ่ไล่เรียงลงไปถึงองค์ประกอบเล็กๆนะครับ
- การวางตัวบ้านและตำแหน่งของห้อง
ในประเทศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย ถ้า
ให้ดีก็ควรเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบวางผังแต่แรก
เราควรจะหันด้านยาวของบ้านให้ขวางทิศเหนือ-ใต้เพื่อให้ได้รับลม และวางตำแหน่งห้องที่มีความชื้นสูงเช่นห้องน้ำให้อยู่ทางทิศตะวันตก ให้แดดบ่ายช่วยขจัดความชื้นและฆ่าเชื้อโรค
ซึ่งการวางลักษณะนี้ห้องที่ใช้งานเพียงชั่วครั้งชั่วคราวอย่างห้องน้ำก็จะเป็นตัวกันความร้อนไม่ให้เข้ามายังด้านในของบ้านได้อีกชั้นหนึ่งด้วย
- การออกแบบช่องประตูและหน้าต่าง ที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของลม จะช่วยให้อากาศในบ้านได้มีการถ่ายเท ช่วยลดความอับชื้น
- อากาศหรือลมที่จะผ่านเข้าบ้าน อาจนำฝุ่นและความร้อนมาด้วย
ถ้าตัวบ้านมีอาณาบริเวณพอสมควร พื้นที่ภายนอกบ้าน ฝั่งด้านเหนือลม เราสามารถใช้ต้นไม้ทรงสูงช่วยกรองฝุ่นหยาบ ใช้ต้นไม้ใบเล็กช่วยดักฝุ่นละเอียด  สนามหญ้าหรือพืชคลุมดินจะช่วยลดไอร้อนและฝุ่นที่ฟุ้งจากพื้น
กระบวนการคายน้ำของต้นไม้จะช่วยดูดฝุ่นพิษเหล่านี้ได้ โดยการคายน้ำทางปากใบ จะทำให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิที่อยู่รอบๆ เกิดการหมุนเวียนของอากาศและนำสิ่งที่ลอยปะปนในอากาศลงไปย่อยสลายกับจุลินทรีย์ในดิน
หรือถ้ามีพื้นที่พอที่จะขุดสระหรือบ่อน้ำ ก็จะเป็นตัวช่วยสภาพอากาศให้ดีขึ้นได้
เพราะลมที่พัดผ่านน้ำ นอกจากจะนำความเย็นสดชื่นเข้าสู่ตัวบ้านแล้ว ไอน้ำที่ลอยขึ้นจะไปจับกับอนุภาคของฝุ่น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการฟุ้งกระจายของฝุ่นจิ๋วที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน
- ภายในบ้าน พยายามใช้วัสดุธรรมชาติที่ไม่ผ่านการเคลือบแต่งผิว จัดเก็บบ้านเพื่อลดพื้นที่เก็บกักฝุ่น หมั่นทำความสะอาดตามซอกมุมต่างๆของเฟอร์นิเจอร์หรือด้านบนของตู้ รวมไปถึง พวกผ้าม่านหรือผ้าบุโซฟา ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดเพื่อกำจัดฝุ่นและตัวไรฝุ่นที่แอบซ่อนอยู่
ถ้ามีห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศ ประตูห้องน้ำไม่ควรเป็นบานเกล็ด เพราะความชื้นจากห้องน้ำ เมื่อเจอกับอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ นอกจากจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นแล้ว ยังกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้อากาศได้
แต่ถ้าใช้วิธีแบบธรรมชาติแล้ว ยังแก้ปัญหาฝุ่นผงไม่อยู่ ก็ต้องหันมาพึ่งการใช้อุปกรณ์เครื่องมือในการแก้ปัญหา เริ่มจากระบบใหญ่ไประบบเล็กเหมือนเคย
- ทำบ้านทั้งหลังให้เป็นระบบปิด
คือ ไม่ให้อากาศพัดเข้าออกตามประตูหน้าต่างด้วยวิธีปกติ  แต่จะใช้วิธีควบคุมอากาศที่จะผ่านเข้าบ้านโดยให้อากาศผ่านเครื่องดูดอากาศซึ่งจะติดตั้งแผ่นกรองอากาศไว้ภายใน
จากนั้นอากาศที่ผ่านการกรองแล้วจะถูกส่งต่อด้วยระบบท่ออากาศไปตามห้องต่างๆในบ้าน
อากาศที่มีอุฎหภูมิสูงจะลอยตัวขึ้นสู่ด้านบน ซึ่งบริเวณฝ้าเพดานที่ติดกับหลังคา จะมีเครื่องระบายอากาศช่วยระบายอากาศร้อนและอากาศเสียออกสู่ภายนอก
แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำระบบปิดให้กับบ้านทั้งหลัง ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณมาก
ดังนั้นเราก็อาจลดขนาดพื้นที่ให้เหลือเพียงพื้นที่ของห้องที่เราใช้สอยอยู่เป็นประจำ เช่นห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น และเปลี่ยนจากเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่มาเป็น เครื่องฟอกอากาศที่มีขายอยู่ทั่วไป ก็ได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งการจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ดีนั้น มีหลักง่ายๆดังนี้ครับ
1.ดูขนาดของเครื่องให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ห้อง
2.ดูสเปคของเครื่องว่ามีค่าความเร็วลม air flow และ ค่าCADR - Clear air delivery rate (ค่าแสดงประสิทธิภาพในการฟอกอากาศภายใน 1 นาที) เป็นเท่าไร ค่ายิ่งสูงยิ่งดีนะครับ
3.ความดังของเสียงเครื่อง เมื่อเปิดเครื่องแรงสุดแล้วจะรบกวนเรามากน้อยเพียงใด
4.ตัวแผ่นกรอง ควรตรวจสอบว่า กรองอะไรได้บ้าง กรองฝุ่นขนาดเท่าไร กรองเกสรดอกไม้ หรือ มีฟังค์ชั่นฆ่าเชื้อโรคได้ไหม
5.อัตราการกินไฟ เพราะเรามักจะเปิดเครื่องทิ้งไว้เป็นเวลานาน ง่ายสุดก็ดูว่ามีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดมาด้วยไหม
วิธีการเหล่านี้ เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ช่วยเราป้องกันจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษ ซึ่งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นวิธีการที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงก็คือการช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อม รักษาความเป็นธรรมชาติ ไม่ตักตวงจนมากเกิน และนำสิ่งดีๆกลับคืนสู่โลกกันบ้างนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา