7 ก.พ. 2020 เวลา 11:30
Alina Morse CEO วัย 14 ปี เจ้าของธุรกิจรายได้ร้อยล้าน
“โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร?”
คำถามยอดฮิต ที่ไม่ว่าใครก็คงเคยถูกถามด้วยคำถามนี้
ซึ่งคำตอบก็คงมีตั้งแต่ หมอ ตำรวจ ครู ไปจนถึงนักบินอวกาศ
แต่สำหรับเด็กน้อยที่ชื่อ Alina Morse ในวัย 3 ขวบ
สิ่งที่เธออยากเป็นคือ เจ้าของธุรกิจ
เรื่องนี้ทำให้ Alina เริ่มคิดว่าเธอจะขายอะไรดี ตั้งแต่อายุยังน้อย
ความคิดของ Alina มีตั้งแต่เนยถั่วผสมแยมที่จะพ่นออกมาจากท่อเดียวกัน สำหรับเด็กที่ต้องการทำแซนด์วิชเอง หรือแม้แต่หุ่นยนต์เลี้ยงเด็กอยู่เป็นเพื่อนเธอเวลาที่พ่อต้องไปทำงาน
ความฝันของ Alina เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เมื่อเธออายุได้ 7 ขวบ
วันนั้นเป็นวันที่เธอไปธนาคารกับคุณพ่อ และมีคนยื่นลูกอมมาให้
แต่เธอกลับโดนห้ามไม่ให้กินลูกอมนั้น เนื่องจากคุณพ่อบอกว่าจะทำให้ฟันของเธอผุ
ตอนนั้นเองที่ทำให้ Alina มีความคิดที่อยากจะทำลูกอมที่ “เป็นมิตรกับฟัน”
หลังจากวันนั้น เธอจึงอ้อนวอนคุณพ่ออยู่นานหลายเดือน
ก่อนที่เขาจะยอมตกลงให้เธอเริ่มต้นธุรกิจนี้อย่างจริงจัง
1
Alina ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการทดลองหาสูตรลูกอม
ทั้งจากการหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และลองผิดลองถูกกับเตาอบที่บ้าน
นอกจากนั้นยังร่วมพัฒนาสูตรกับนักวิจัยด้านอาหาร และหมอฟันของเธอ
หลังจากได้สูตรแล้ว Alina ก็รวบรวมเงินเก็บของเธอ 3,750 ดอลลาร์สหรัฐ
มาเป็นทุนเริ่มต้นทำธุรกิจ
เธอและพ่อช่วยกันหาโรงงานที่จะรับผลิตลูกอม รวมถึงเจรจากับ Whole Foods เชนซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นขายสินค้าเพื่อสุขภาพขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
ในที่สุด ลูกอมของ Alina ก็ได้วางขายอยู่บนชั้นวาง Whole Foods ภายใต้ชื่อว่า “Zollipops”
Zollipops ใช้สารให้ความหวานอิริทริทอลและไซลิทอล แทนน้ำตาล
ซึ่งมีงานวิจัยรองรับว่าสารเหล่านี้ช่วยลดคราบแบคทีเรียสะสมในช่องปาก
รวมถึงไม่มีส่วนผสมของสีสังเคราะห์ และกลูเตน
ชื่อ Zollipops ได้มาจากน้องสาวของเธอ ที่ไม่สามารถออกเสียงคำว่า Xylitol Lollipop
โดยเพี้ยนจากเสียง “ไซลิ-” เป็น “โซลิ-” ซึ่งพอ Alina ได้ยินก็ถูกใจ และนำมาใช้เป็นชื่อแบรนด์
Zollipops ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปเพียงครึ่งปีหลังจากวางจำหน่าย บริษัทก็สามารถทำกำไรได้
ที่น่าสนใจคือ ยอดขายลูกอมยังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกปี ตั้งแต่ปี 2014 จนถึง 2018
2
โดยในปี 2018 ยอดขายของบริษัทสูงถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็นเงินไทยประมาณ 180 ล้านบาท
ส่วนหนึ่งเกิดจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย Zollipops
เพราะนอกจาก Whole Foods แล้ว เธอยังเริ่มขายสินค้าออนไลน์ผ่าน Amazon
รวมถึงกระจายสินค้าไปตามเชนซูเปอร์มาร์เก็ตอื่น อย่าง Target และ Walmart
1
และไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
Zollipops ยังวางขายในต่างประเทศจีน เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร
3
ทำให้รวมๆ แล้ว ตอนนี้สินค้าของ Alina มีอยู่ตามร้านค้ากว่า 25,000 แห่งทั่วโลก
ความสำเร็จของ Alina กลายเป็นแรงบรรดาลใจให้กับหลายคน
เธอได้รับโอกาสให้ไปพูดในงานต่างๆ สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์
รวมถึงได้รับเชิญไปที่ธรรมเนียบขาว โดยมิเชลล์ โอบามา ถึง 2 ครั้ง
1
แต่ไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ Alina สามารถบริหารจัดการเวลาได้อย่างดีเยี่ยม
เธอยังคงต้องเรียนหนังสือในโรงเรียน ซ้อมเต้นเป็นงานอดิเรก รวมถึงไปงานวันเกิดของเพื่อนสนิท
ที่สำคัญคือ หลังเรียนจบ Alina ก็ยังวางแผนที่จะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
เพื่อนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจของเธอต่อไป
1
อ่านมาถึงตรงนี้ ลงทุนเกิร์ลคิดว่า กรณีศึกษาของ Zollipops มีความคล้ายกับลูกอมแตงโม Playmore ในบ้านเรา ซึ่งก็มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดไม่แพ้กัน
ผลประกอบการของ บริษัท เอเวอร์มอร์ จำกัด ผู้ผลิตลูกอม Playmore
1
ปี 2558 มีรายได้ 34 ล้านบาท กำไร 2.0 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 109 ล้านบาท กำไร 13.9 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 171 ล้านบาท กำไร 19.5 ล้านบาท
ลูกอม Playmore มีการออกแบบสินค้าในดูโดดเด่นสะดุดตา
และจุดเปลี่ยนที่สำคัญก็คือ การวางขายใน 7-11 ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
ความสำเร็จของ Zollipops และ Playmore บอกอะไรกับเรา?
1
นอกจากตัวสินค้าที่โดดเด่นแล้ว
สิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันก็คงเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดี
เมื่อมีสองสิ่งนี้รวมกัน ก็จะช่วยเร่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นไปด้วย..
References: Zollipops.com, Entrepreneur
โฆษณา