11 ก.พ. 2020 เวลา 01:30
รถยนต์ในศตวรรษที่ ๒๑ นั้นเปรียบเสมือนปัจจัยที่ ๕ ที่ทุกคนมีไว้ครอบครองเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นคนฐานะร่ำรวย ฐานะปานกลาง หรือแม้แต่ฐานะยากจน ต่างซื้อหาติดบ้านไว้เป็นอย่างน้อย ๑ คัน หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งใช้ประโยชน์ในการโดยสารคมนาคม หรือเพื่อเป็นเครื่องมือเลี้ยงชีพ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าก่อนหน้าที่เราจะมีรถยนต์ใช้กันดารดาษเหมือนเช่นทุกวันนี้ รถยนต์นั้นคือหนึ่งในสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีเฉพาะกลุ่มคนอันมีฐานะร่ำรวยระดับสูงมากเท่านั้นจึงจะมีความสามารถครอบครองได้
รถม้ายังเป็นที่นิยม
ในยุคที่คนทั่วไปต่างสัตว์เพื่อลากล้อเลื่อนในการคมนาคม การจะมีรถยนต์สักคนที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน มีเสียงเครื่องยนต์กลไกขลุกขลักคำรามดังไปทั่ว วิ่งแล่นได้ราวกับใช้เวทมนตร์บนถนนนั้น เป็นเรื่องอัศจรรย์ และโด่งดังของท้องที่อำเภอนั้น ๆ แต่พลังอันเฟื่องฝัน และความกล้าอันสมประดีของชายชื่อ เฮนรี่ ฟอร์ด และรถยนต์ Ford Model T อันเลื่องชื่อของเขา ทำให้คนทั่วไปอย่างเราๆ ท่าน ๆ ได้มีโอกาสครอบครองและใช้รถยนต์ได้เหมือนเช่นปัจจุบัน
เฮนรี่ ฟอร์ด เกิดเมื่อปี ค.ศ ๑๘๖๓ ในครอบครัวที่ยากจนพร้อมกับพี่น้องอีก ๘ คน ครอบครัวของเฮนรี่ ฟอร์ดเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ในเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกนของประเทศสหรัฐอเมริกา ความเฟื่องฝันเกี่ยวกับเครื่องจักรกลครั้งแรกของฟอร์ด เกิดจากของขวัญชิ้นหนึ่งจากพ่อของเขาเมื่อตอนเขาย่างเข้าสู่วัยรุ่น ของขวัญชิ้นนั้นคือ นาฬิกา ฟอร์ดชื่นชอบมันอย่างมาก เขาลองรื้อและประกอบนาฬิกาหลายครั้งจนชำนาญ ถึงขนาดลองแกะรื้อนาฬิกาของเพื่อนที่โรงเรียน ความหลงไหลในเครื่องจักรกลของฟอร์ดก็ก่อรูปร่างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทั่งแม่ของฟอร์ดนั้นเสียชีวิตลง พ่อของเขายินดีจะยกกิจการในไร่ทั้งหมดให้เฮนรี่ ฟอร์ด แต่เขาปฏิเสธ เขาเดินทางตามความฝันเข้ามายังมหานครดีทรอยต์ และได้ทำงานในบริษัทของนักประดิษฐ์อันเป็นตำนานของโลกอย่าง โทมัส อันวา เอดิสัน
จากเด็กฝึกหัดด้านเครื่องยนต์กลไก ฟอร์ดทำงานด้วยความรัก และหลงไหลในเครื่องจักรกลจนสามารถเลื่อนเป็นหัวหน้าวิศกรของบริษัท Edison Illuminating โดยเขาได้รับมอบหมายให้พัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไอน้ำ และพลังงานน้ำมัน จนกระทั่งเขาสามารถผลิตยานยนต์สี่ล้อที่ไม่ใช้ม้าลากได้สำเร็จเมื่อปี ค.ศ. ๑๘๙๖ ยานยนต์นี้ขับเคลื่อนด้วยการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง เขาตั้งชื่อมันว่า Ford Quadricycle ในปี ค.ศ. ๑๘๙๙ ฟอร์ดลาออกจากบริษัทของเอดิสันเพื่อก่อตั้งบริษัทผลิตยานยนต์ของตัวเองชื่อว่า บริษัท Detroit Automobile และนั่นนำมาซึ่งความล้มเหลวครั้งที่ ๑
Ford Quadricycle
ในเวลานั้นส่วนแบ่งในตลาดการผลิตยานยนต์ในสหรัฐอเมริกามีจ้าวผู้ครองตลาดอยู่แล้วอย่างบริษัท Packard และบริษัท Pierce – Arrow เฮนรี่ ฟอร์ด ออกแบบยานยนต์ด้วยตัวเอง โดยมีนายทุนชื่อวิลเลียม เอช เมอร์ฟี่ ให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน แต่ด้วยความนิยมดั้งเดิมในรถม้า ราคารถยนต์ของฟอร์ดที่แพงจนเกินไป อีกทั้งคุณภาพในการผลิตรถยนต์ก็ยังไม่ดีพอ ทำให้คนคิดว่ารถยนต์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ หาสาระไม่ได้ สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ รถม้ายังคงเป็นตัวเลือกแรกที่คนใช้ในการเดินทาง ในที่สุดบริษัท Detroit Automobile ก็ปิดตัวลงและล้มละลายภายในระยะเวลาเพียง ๑ ปี แต่ด้วยความพยายาม ไม่ยอมแพ้ เขาก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. ๑๙๐๑ ในชื่อ บริษัท Henry Ford และนั่นทำให้เขาได้พบกับความล้มเหลวครั้งที่ ๒
บริษัท Henry Ford ยังคงผลิตรถยนต์สี่ล้อที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงอีกเช่นเคย และยังได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนจากวิลเลียมเช่นเดิม แต่ด้วยอุปสรรคต่าง ๆ ยอดขายที่ย่ำแย่ และความเห็นที่ไม่ตรงกันกับผู้สนับสนุนการเงินของบริษัท สุดท้ายเขาต้องถูกไล่ออกจากบริษัทของตัวเอง ส่วนบริษัท เฮนรี่ฟอร์ด ก็ถูกขายทอดและเปลี่ยนแปลงรูปโฉมหลายครั้ง จนเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ชื่อ Cadillac ในปัจจุบัน ความล้มเหลวทั้งสามครั้ง คงทำให้คนทั่วไปถอดใจยอมแพ้ไปแล้ว แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับชายที่ชื่อ เฮนรี่ ฟอร์ด ผู้มีพลังขับเคลื่อนอันเฟื่องฝัน ในปี ค.ศ. ๑๙๐๓ เขาเปิดบริษัทผลิตรถยนต์อีกครั้งในนาม Ford Motor และความพยายามครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของวงการยานยนต์ และวงการอุตสาหกรรมไปตลอดกาล
บริษัท Ford Motor ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดด้วยรถยนต์ Ford Model T ที่เปิดตัวด้วยราคาเพียง ๘๕๐ ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งในเวลานั้นบริษัทจ้าวครองตลาดต่าง ๆ ต่างขายอยู่ที่ราคาหนึ่งพันดอลลาร์ขึ้นไปทั้งนั้น ด้วยราคาที่ถูก สวยงาม แข็งแรง ทนทาน และมีน้ำหนักเบากว่า ทำให้เขาสร้างยอดขายได้จำนวนมาก และโด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว กุญแจสำคัญภายใต้ความสำเร็จนี้คือระบบสายพานประกอบ หรือ Assembly Line ที่ทำให้ Ford Motor สามารถสร้างสรรค์สินค้าที่มีราคาถูก และคุณภาพดีได้อย่างที่ไม่เคยมีบริษัทใดในโลกทำก่อน
ความกล้าอันสมประดีของชายชื่อเฮนรี่ ฟอร์ดนั้น ได้ท้าทาย และเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาลด้วยระบบสายพานประกอบ หรือ Assembly Line คือการทำให้อุปกรณ์ไหลไปตามสายพานทีละชิ้น พนักงานแต่ละคนมีหน้าที่ประกอบเฉพาะชิ้นส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ ประกอบกันทีละชิ้นส่วนจนชิ้นส่วนสุดท้ายจึงได้ออกมาเป็นรถยนต์หนึ่งคัน ซึ่งเป็นวิธีที่แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีบริษัทใดทำมาก่อน เพราะการผลิตรถยนต์ในสมัยนั้นจะให้พนักงานที่มีความชำนาญแต่ละชิ้นส่วนมารวมตัวกันเป็นทีม แล้วประกอบรถยนต์หนึ่งคันที่จุดจุดเดียวจนกระทั่งประกอบเสร็จ ทำให้สิ้นเปลืองแรงงานและเวลา เมื่อเฮนรี่ ฟอร์ดนำระบบสายพานการผลิตนี้มาใช้ ทำให้ประหยัดทั้งแรงงานและเวลาอย่างมหาศาล รถยนต์ทุกคันมีคุณภาพ และมาตรฐานเดียวกัน อีกทั้งยังง่ายต่อการซ่อมบำรุงอีกด้วย เคยมีการบันทึกว่า ระบบสานพานประกอบนี้ใช้เวลาเพียง ๙๓ นาที ก็สามารถผลิตรถยนต์ได้หนึ่งคัน นอกจากระบบสายพานประกอบอันเป็นกุญแจสำคัญแล้ว เฮนรี่ ฟอร์ด ยังกล้าตัดสินใจขยายกิจการออกเป็นหลายโรงงาน และผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ทีละชิ้นส่วนแล้วนำมารวมประกอบกันที่เดียวทำให้เพิ่มจำนวนการผลิตได้มากกว่าเดิมเป็นอีกเท่าตัว สถิติสูงสุดที่บริษัท Ford Motor เค
ยผลิตรถยนต์ได้คือ ๑๐,๐๐๐ คันต่อวัน คิดเป็นร้อยละ ๖๐ ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา และราคาของรถยนต์ Ford T Model ก็ค่อย ๆ ถูกลงเรื่อยจนเหลือ ๓๖๐ ดอลลาร์ต่อคัน นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์ ตลอดระยะเวลา ๑๙ ปี มีการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ออกมาถึง ๑๕.๕ ล้านคัน ปัจจุบัน Ford Motor มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ ๗ ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก
ด้วยพลังอันเฟื่องฝัน และความกล้าอันสมประดีของ เฮนรี่ ฟอร์ด ทำให้เขาไม่ลดละความพยายาม ถึงแม้จะต้องล้มเหลวหลายครั้ง ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน แต่ด้วยพลังที่หนักแน่นดังขุนเขาทำให้เขาประสบผลสำเร็จอย่างมากมาย อีกทั้งยังสร้างตำนานด้วยความกล้าที่จะนำระบบใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในสายการผลิตเป็นครั้งแรกของโลก จนเกิดนวัตกรรมใหม่ สถติใหม่ และความสำเร็จอันไม่มีบริษัทใดจะสามารถเทียบเท่าได้ และทำให้เกิดแนวคิด Fordism หรือแนวคิดในการขายสินค้าประมาณมากในราคาที่ไม่แพงอีกด้วย ปัจจุบันผู้คนยกย่องเฮนรี่ ฟอร์ดในฐานะ “บิดาแห่งระบบสายพานการผลิต” ที่ปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน
Assembly line ของ Ford
หากผู้นำที่จะประสบความสำเร็จเปรียบเสมือนผู้ที่นำอยู่หัวแถวด้านหน้า แรงพลังผลักดันคือเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ที่สร้างแรงฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ ความกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ คือบังเหียนควบคุมให้เรามุ่งสู่เส้นทางใหม่ ๆ ตามที่ใจเราปรารถนา อย่างที่ชายชื่อเฮนรี่ ฟอร์ดเคยได้สร้างเรื่องราวเป็นบทเรียนอันล้ำค่านี้ไว้ จะไม่มีบริษัท Ford Motor ในวันนี้หากเขาไม่แรงพลักผลักดันความล้มเหลวไว้เบื้องหลังและตั้งหน้าตั้งตาสร้างบริษัทขึ้นมาใหม่เพื่อต่อเติมความฝันอย่างไม่ลดละ และจะไม่มี Ford Motor ในวันนี้หากเขาไม่กล้าที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ สิ่งที่เฮนรี่ ฟอร์ดทำในต้นศตวรรษที่ ๑๙ ไม่มีใครบอกได้จะเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จ และเป็นเรื่องราวเล่าขานจนถึงทุกวันนี้ เช่นกันกับสิ่งที่ท่านยึดถือ และมุ่งมั่นทำในวันนี้อาจจะเป็นอีกบทหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ในอนาคตก็ได้ ไม่มีใครรู้ ความสำเร็จครั้งใหม่อาจจะรอท่านอยู่ ขอเพียงแค่ท่านยังมีพลังอันเฟื่องฝัน และความกล้าเป็นเครื่องแรงยนต์ที่ผลักดันไป
โฆษณา