ความกล้าอันสมประดีของชายชื่อเฮนรี่ ฟอร์ดนั้น ได้ท้าทาย และเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาลด้วยระบบสายพานประกอบ หรือ Assembly Line คือการทำให้อุปกรณ์ไหลไปตามสายพานทีละชิ้น พนักงานแต่ละคนมีหน้าที่ประกอบเฉพาะชิ้นส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ ประกอบกันทีละชิ้นส่วนจนชิ้นส่วนสุดท้ายจึงได้ออกมาเป็นรถยนต์หนึ่งคัน ซึ่งเป็นวิธีที่แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีบริษัทใดทำมาก่อน เพราะการผลิตรถยนต์ในสมัยนั้นจะให้พนักงานที่มีความชำนาญแต่ละชิ้นส่วนมารวมตัวกันเป็นทีม แล้วประกอบรถยนต์หนึ่งคันที่จุดจุดเดียวจนกระทั่งประกอบเสร็จ ทำให้สิ้นเปลืองแรงงานและเวลา เมื่อเฮนรี่ ฟอร์ดนำระบบสายพานการผลิตนี้มาใช้ ทำให้ประหยัดทั้งแรงงานและเวลาอย่างมหาศาล รถยนต์ทุกคันมีคุณภาพ และมาตรฐานเดียวกัน อีกทั้งยังง่ายต่อการซ่อมบำรุงอีกด้วย เคยมีการบันทึกว่า ระบบสานพานประกอบนี้ใช้เวลาเพียง ๙๓ นาที ก็สามารถผลิตรถยนต์ได้หนึ่งคัน นอกจากระบบสายพานประกอบอันเป็นกุญแจสำคัญแล้ว เฮนรี่ ฟอร์ด ยังกล้าตัดสินใจขยายกิจการออกเป็นหลายโรงงาน และผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ทีละชิ้นส่วนแล้วนำมารวมประกอบกันที่เดียวทำให้เพิ่มจำนวนการผลิตได้มากกว่าเดิมเป็นอีกเท่าตัว สถิติสูงสุดที่บริษัท Ford Motor เค
ยผลิตรถยนต์ได้คือ ๑๐,๐๐๐ คันต่อวัน คิดเป็นร้อยละ ๖๐ ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา และราคาของรถยนต์ Ford T Model ก็ค่อย ๆ ถูกลงเรื่อยจนเหลือ ๓๖๐ ดอลลาร์ต่อคัน นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์ ตลอดระยะเวลา ๑๙ ปี มีการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ออกมาถึง ๑๕.๕ ล้านคัน ปัจจุบัน Ford Motor มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ ๗ ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก