Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ทรรศนะของข้าพเจ้า
•
ติดตาม
4 มิ.ย. 2020 เวลา 10:58 • กีฬา
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
โปรดจดจำผมในฐานะ"กัปตันแห่งทีมลิเวอร์พูล"
ปลอกแขนกัปตันทีมเป็นสิ่งที่อธิบายถึง ภาระและหน้าที่อันหนักหนาได้เป็นอย่างดี แล้วยิ่งกับสโมสรฟุตบอลชั้นนำของโลก ที่เจ้าของคนเก่าของปลอกแขนนั้น เป็นดั่งตำนานของสโมสรฯแล้วด้วยนั้น
สิ่งที่เจ้าของคนเก่าได้ทิ้งเอาไว้ มันไม่ใช่แค่เพียงตำนานที่ต้องสานต่อ แต่รวมไปถึง "แรงกดดัน" มหาศาล ด้วย ทั้งจากสโมสรฯ และ แฟนบอล
ใช่ครับ ทั้งหมดที่ผมได้กล่าวไปข้างต้น เป็นสิ่งที่ 'จอร์แดน เฮนเดอร์สัน' ยอดกัปตันทีมคนปัจจุบันของสโมสร 'ลิเวอร์พูล' ได้แบกรับมันเอาไว้
ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2011 ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับนักเตะมาดเนี๊ยบ อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มาจาก ทัพแมวดำ ซันเดอร์แลนด์ โดยหวังว่าเขานั้นจะเข้ามาเป็น 'ตัวแทน' ของ
สตีเวน เจอร์ราด
เพียงปีแรก ที่เขาได้ย่างก้าวเข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์ของ เหล่า 'สเกาท์เซอร์' ในยุคของกุนซืออย่าง 'เคนนี่ ดัลกลิช' เฮนโด ได้รับโอกาสการลงสนามอย่างต่อเนื่อง ในปีนั้นเขาลงเล่นทั้งหมด 48 แมตช์ (รวมทุกถ้วยทุกรายการ) และซัดไปได้ 2 ประตู
บทพิสูจน์ คือสิ่งที่ เฮนโด ต้องเจออยู่ตลอดเวลา ในช่วงแรกที่เขาได้มาที่ ลิเวอร์พูล
ถึงว่าเขานั้นจะได้รับโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่เขาไม่สามารถสร้าง'อิทธิพล' และ 'การยอมรับ' จากแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีมได้เลย และยังมีบางช่วงที่ฟอร์มก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก มันถึงขั้นที่ ลิเวอร์พูล เคยคิดพิจารณาตัดสินใจขายเฮนโด ออกไปจาก แอนฟิลด์ เสียด้วยซ้ำ
20 ล้านปอนด์ คือเม็ดเงินที่ ลิเวอร์พูล ลงทุนไปกับเฮนโด ในการนำมาร่วมทัพ แต่ในตอนนั้นเฮนโดเอง ไม่สามารถตอบแทนผลงานให้คุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ ลิเวอร์พูล เสียไปได้เลย
ฉะนั้นการพิจารณา ขายออกไป จึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น
ลิเวอร์พูล พยายามติดต่อเจรจากับ ฟูแล่ม ถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการสร้างดีล
ย้ายสลับขั้ว ระหว่าง เฮนเดอร์สัน กับ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ผู้เล่นกำลังหลักของฟูแล่มในเวลานั้น
ความสับสน วุ่นวาย มันถาโถมเข้ามาภายในจิตใจของเฮนโด เขาใช้เวลาทบทวน และกลั่นกรอง ตัวเองออกมาให้ดีที่สุด
จนกระทั่งท้ายที่สุดดีลนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะ เฮนโด ตัดสินใจที่จะขอสู้ต่อ เพื่อพิสูจน์ตัวเองในที่แห่งให้ได้
"ในคืนก่อนที่ผมจะตัดสินใจ ผมยอมรับเลยว่า ผมร้องไห้ฟูมฟาย มันเสมือนว่าชีวิตของผม
มันกำลังจะจบลง และผมไม่อยากจะเป็นไอขี้แพ้ไปตลอดกาล"
เฮนเดอร์สัน ให้สัมภาษณ์หลังจากเหตุการณ์นั้น
ช่วงเวลาหลังจากวันที่เขาเกือบจะไม่ได้เป็นผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล แล้วนั้น มันส่งผลบวกให้ เฮนโด อย่างไม่น่าเชื่อ เขาค่อยๆสั่งสมประสบการณ์ ขึ้นมาทีละน้อย ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก จนสามารถสร้างสเปซในหัวใจของเหล่าสาวกลิเวอร์พูลขึ้นมาได้บ้าง โดยจุดเริ่มต้นมันก็มาจาก ฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล เฉียดจะได้แชมป์พรีเมียลีก ในปี 2014 โดยฤดูกาลนั้น นับเป็นฤดูกาลที่เฮนโด สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ภายใต้การคุมทีมของ 'ร็อดเจอร์ส' เขาลงเล่นไปทั้งหมด 35 นัด ในพรีเมียร์ลีก และทำประตูได้ทั้งหมด 4 ประตู
ซึ่ง ลิเวอร์พูล ในปีนั้นกำลังจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอยู่แล้ว แต่กลับโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เร่งเครื่องแซงในช่วงโค้งสุดท้าย ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปในที่สุด เป็นปีที่เจ็บปวดและน่าเสียดายสำหรับตัวเขาเองรวมไปถึงสโมสรเป็นอย่างมาก
และในปีถัดมาช่วงเวลาที่สำคัญ ของ เฮนเดอร์สัน ก็มาถึง
10 กรกฎาคม 2015 สโมสร ลิเวอร์พูล ได้ประกาศแต่งตั้ง เฮนเดอร์สัน ให้เป็น 'กัปตันทีม' คน ใหม่ของลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ แทนที่ สตีเวน เจอร์ราด อดีตกัปตันทีมที่ย้ายไปอยู่
แอลเอ แกแลกซี
โดย เจอร์ราด ได้ออกมาบอกถึงผู้ที่มาสืบทอดเจตนารมณ์ ของเขาเอาไว้ว่า
"ผมเชื่อว่า เฮนเดอร์สัน มีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเป็นยอดกัปตัน
ผมนับถือจอร์แดนอย่างสูง และรู้ว่าคนอื่นๆในสโมสรต่างรู้สึกเหมือนกัน"
"ช่วงต้นๆถือเป็นความยากลำบากเอามากๆสำหรับจอร์แดน
ด้วยความกดดันและความคาดหวังทั้งหลาย การเล่นให้ลิเวอร์พูลถือเป็นเรื่องที่ต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา"
"เขาทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงและมีคาแร็กเตอร์ที่แข็งแกร่งเอามากๆ" เจอร์ราด กล่าวผ่าน Liverpool Echo
หลังจากปลอกแขนกัปตันทีม ได้เปลี่ยนผ่านมาเป็นของ เฮนเดอร์สัน ความพยายามที่เขามีอยู่แล้วในตอนแรก มันต้องเพิ่มเข้าไปเป็นทวีคูณ เขาต้องเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ทั้งในและนอกสนาม
แรงกดดันต่างๆ มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่คุณจะต้องแบกรับมันเอาไว้อยู่แล้ว ถ้าคุณต้องสืบทอดสิ่งต่างๆมาจากตำนาน และเขาเองก็สามารถรับมือกับมันได้เป็นอย่างดี
ถึงคาแรคเตอร์ของเฮนโดเอง จะเป็นคนไม่ค่อยพูดนัก และดูเป็นคนเงียบๆ เมื่ออยู่นอกสนาม
แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาได้สวมชุดเกราะลิเวอร์พูล และก้าวเดินนำลูกทีมลงสนาม เขาทำหน้าที่ได้ดีเสมอ
เขาจะเป็นคนแรกในการเดินไปถึงกรรมการ ยามเมื่อทีมหรือลูกทีมของเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม การออกรีแอคชั่นต่างๆ,การกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่า
"ภาวะผู้นำ" ซึ่งเฮนโดก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นมาก หากวัดจากเมื่อก่อน
จากวันนั้น วันที่เขาเป็นแค่เพียง ชายหนุ่มผู้ถูกคาดหวังว่าจะเป็นดั่ง 'เงา' ของ สตีวี่ จี
ปัจจุบันนี้ เฮนโด สามารถพิสูจน์ตัวเอง และยกระดับตัวเองขึ้นมา ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าแฟนบอลเขาได้แล้ว รวมไปถึงเขายังเป็นคนที่ลูกทีมทุกคน ให้การยอมรับอย่างสูงแล้วด้วย
เขาเป็นชายผู้นำถ้วยรางวัลมากมายมาสู่สโมสรได้สำเร็จ นับตั้งแต่ถ้วย ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีค,ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ รวมไปถึง ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
แม้ว่าจะยังไม่มีใครที่จะกล้าบอกว่า เฮนโดนั้น จะอยู่ในระดับเดียวกับ เจอร์ราด ได้แล้ว
แต่มันไม่ได้หมายความว่า เฮนเดอร์สัน เป็นนักเตะที่ใช้ไม่ได้ หรือเป็นเพียงนักเตะธรรมดาอีกต่อไป
การทำงานอย่างหนัก ความทุ่มเท ความเสียสละ ความเป็นสุภาพบุรุษ และการที่ ไม่เคยคิดจะหยุดการพัฒนาตนเอง
ในวันนี้ผลงานของเขา และ ลิเวอร์พูล ในช่วงขวบปีสองปีหลัง เฮนโดได้ใช้ฝีเท้าของตัวเอง สื่อผ่านถึงแฟนบอลทั่วโลกออกมาได้อย่างชัดเจนแล้ว
ว่าเขานั้น "คู่ควรกับปลอกแขนกัปตันอันทรงเกียรติของลิเวอร์พูล" มากเพียงใด
โดยที่ไม่มีใครนำเขาไปเทียบกับ สตีเว่น เจอร์ราด อีกต่อไป
เพราะตอนนี้เขาคือ "จอร์แดน เฮนเดอร์สัน" ยอดกัปตันทีมของ "ลิเวอร์พูล"
ผู้ก้าวผ่านพ้นเงาของ เจอร์ราด และเป็นว่าที่ "นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี PFA" ไปแล้ว
ท้ายที่สุดนี้ เฮนเดอร์สัน ยังเป็นว่าที่ของหน้าที่อันทรงเกรียติ เพราะเขากำลังจะเป็น
"ชายผู้จะได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียลีก" ขึ้นเหนือหัว หลังจากที่ ลิเวอร์พูล รอคอยมันมานานกว่า 30 ปี
"ผู้คนจะยอมรับความเป็นผู้นำของคุณ ก็ต่อเมื่อคุณรู้จักยกย่องความสำเร็จของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และพร้อมรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเสมอ"
Jordan Henderson.
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ🙏🏻
12 กุมภาพันธ์ 2563
ภูพาน.
**ทุกท่านสามารถติดตามบทความของผมผ่านช่องทางอื่นได้อีก ที่
Facebook : ทรรศนะของข้าพเจ้า
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย