Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
StandUpDaily
•
ติดตาม
13 ก.พ. 2020 เวลา 01:00 • ธุรกิจ
🔥รวยแบบคุณพิชัย จาวลา
รวยบนเส้นทางของ "ใจว่าง"
รวยแบบมีความสุข และสำเร็จไปพร้อมๆกัน
สุขภาพดีกว่า ความสัมพันธ์ดีกว่า และยั่งยืนกว่า
ภาพต้นฉบับจาก Facebook/pichaichawla
ในปัจจุบันเราอาจจะเคยได้ยินแนวคิดที่เรียกว่า พลังบวก คิดบวก หรือ Passion ผ่านหูผ่านตากันมามาก จนคิดว่านั่นอาจจะเป็นหนทางเดียวของความสำเร็จ ที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและนำ้ตา และอาจมากับโรคเครียด สุขภาพที่ยํ่าแย่อีกด้วย
จริงๆแล้วยังมีอีกเส้นทาง นั่นคือ การประสบความสำเร็จ แบบ"ใจว่าง" อย่างคุณพิชัย จาวลา เจ้าของเครือโรงแรม B2 ซึ่งเป็นโรงแรมราคาประหยัดที่ขยายสาขาไปทั่วประเทศ ที่มีแนวคิดที่เรียบง่ายแต่รวยชัวๆ
โดยวันนี้ StandUpDaily จะขอสรุปเคล็ดลับการประสบความสำเร็จแบบคุณพิชัย จาวลาให้อ่านกันนะครับ รับรองว่าน่าทึ่งมากๆทีเดียว
จริงๆแล้วแนวคิดรวยแบบใจว่างนี้มีมานานกว่า1000ปีแล้ว ใช่แล้วครับมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลนั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วหลักการของ"ใจว่าง"ก็สอดคล้องกับทางพุทธศาสนา และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อีกด้วย
Pichaichawla
โดยคุณพิชัยได้สรุปหลักการประสบความสำเร็จหรือรำ่รวยจากใจว่างไว้ว่า "ใจว่างคือการทำจิตใจให้ไม่ยึดติดในวัตถุ สิ่งของหรือเงิน
ซึ่งหลักการวิธีคิดจะคนละเรื่องกับการคิดจะรวยแบบพลังบวกเลย เช่น ถ้าเราจะคิดค้นสินค้าขึ้นมาสักชิ้น เราจะคิดว่า เราจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นๆได้อย่างไร แทนที่จะคิดว่า จะทำเงินจากคนอื่นได้ยังไง
หรือแทนที่เราจะหวังกำไรสูงสุด เราก็จะเลือกปิดความเสี่ยง เอากำไรไม่มากและเน้นความยั่งยืนมากกว่า เพราะใจเราไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่อยู่ที่การทำธุรกิจ"
อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมากก็คือ เรื่องของการลงทุนในหุ้น ที่คุณพิชัยมักจะยกตัวอย่างเสมอคือถ้าหากใจเราอยู่ที่เงิน เราจะวิเคราะห์ธุรกิจผิดพลาดไปมาก จากธุรกิจที่ไม่ได้มีพื้นฐานดี เราก็จะคิดว่ามันดีเพราะหุ้นตัวนี้ราคาขึ้นสูงมากในช่วงนี้ซึ่งอาจจะเป็นแค่ชั่วคราว ซึ่งนั่นแปลว่าใจเราอยู่ที่เงิน ไม่ได้อยู่ที่ตัวธุรกิจ สุดท้ายเราก็จะผิดพลาด
ซึ่งคนที่เป็นแบบอย่างได้ดีที่สุดในเรื่องของการลงทุนแบบใจว่าง ก็คือคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟต ของเรานั่นเอง
Pichaichawla
ซึ่งหากใจเราว่างเราก็จะเห็นแก่นแท้ของธุรกิจ เราจะไม่ใช้อารมณ์ เราจะมีสติกับการทำธุรกิจ หรือการลงทุน โอกาสผิดพลาดจะน้อยกว่านั่นเอง ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนจิตใจ
หลักการทำธุรกิจแบบใจว่างก็คือ ไม่ทำธุรกิจตามอารมณ์ แต่ให้โฟกัสไปที่ การปิดความเสี่ยงของธุรกิจและสร้าง Business Model ที่จะให้ลูกค้าได้มากที่สุด คุ้มค่าที่สุด โดยที่เรายังอยู่ได้ ซึ่งกำไรอาจจจะน้อยก็จริง แต่แน่นอนว่า เราจะสามารถสร้างกำไรทางอ้อมได้จาก เรื่องของแบรนด์(ซึ่งแบรนด์ไมไ่ด้เกิดจากการเห็นบ่อยแต่เกิดจากการที่ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าและบอกปากต่อปาก)
1
หรือกำไรทางอ้อมอีกแบบคือเราสามารถสร้างระบบขยายได้รวดเร็ว เพราะธุรกิจที่มีความเสี่ยงตำ่ สามารถขยายได้เร็วกว่า และแน่นอนเราสามารถคุยกับธนาคารได้ง่ายกว่าธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง
ซึ่งถ้ารวมทั้ง2เรื่องเข้าด้วยกันคือ ให้ความคุ้มค่ากับลูกค้า + สาขาเยอะเป็นที่จดจำจากการขยายแบบไม่ต้องกังวล ก็จะทำให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืนขึ้นนั่นเอง
B2.com
อย่างกลุ่มโรงแรม B2 ที่ปัจจุบันมีอยู่เกือบ40สาขาแล้ว B2 ได้เน้นให้ความคุ้มค่ากับลูกค้า จนเกิดการบอกปากต่อปาก โดยไม่เคยจ่ายค่าโฆษณาเลยซักบาท
"แม้จะเป็นโรงแรมราคาประหยัดราคาแค่หลักร้อยต่อคืน แต่ลูกค้าที่เดินเข้ามาในห้องต้องคิดว่าห้องนี้หลักพัน " คำพูดของคุณพิชัยที่แสดงถึงหลักคิดตอนเริ่มต้นของโรงแรมB2
B2.com
ซึ่งเมื่อมองธุรกิจที่เน้นให้ความคุ้มค่า และเจาะกลุ่มตลาดล่างและตลาดกลางแบบ B2 ก็ไม่ค่อยได้รับ
ผลกระทบในแง่ของเศรษฐกิจ เพราะตลาดกลุ่มนี้ค่อนข้างใหญ่ และเมื่อความเสี่ยงตำ่ ก็สามารถขยายได้รวดเร็วจากพลังทวีของเงินธนาคาร และแน่นอนเมื่อมีรายได้จากหลายสาขาก็จะนำมาซึ่งกำไรอยู่ดีและเป็นกำไรที่ยั่งยืนกว่า เมื่อเทียบกับโรงแรม5ดาวที่เปิดไม่กี่สาขา ถ้าหากเทียบกันในระยะยาวแล้วแน่นอนว่า Business Model แบบB2 จะทำกำไรได้มากกว่า และ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะสูงกว่าด้วย ไม่ว่าจะเศรษฐกิจจะดีหรือไม่
ซึ่งถ้าหากไม่อยู่บนพื้นฐานแนวคิดแบบใจว่างแล้ว ก็ยากที่จะเกิดธุรกิจแบบนี้ขึ้น ซึ่งการทำธุรกิจแบบใจว่าง เป็นการทำธุรกิจที่ได้ทุกอย่าง "ไม่ใช่" ได้อย่างเสียอย่าง โดยธุรกิจก็ได้ ลูกค้าก็ได้ ตัวผู้บริหารเองก็จะไม่เครียด
แล้วถ้าอยากมีใจว่างล่ะต้องทำยังไง?
วิธีฝึกฝนให้มีจิตที่ไม่ยึดติด หรือใจว่าง ก็คือ ฝึกการทำสมาธิ และฝึกการดึงกลับของอารมณ์ให้มาอยู่ตรงกลางเช่น เห็นว่าตอนนี้กำลังโลภ กำลังอยากได้มาก
ก็ให้รู้ตัวว่ากำลังโลภ กำลังอยากได้ และเฝ้าดูอารมณ์ นั้นจนหายไป จากนั้นค่อยกลับมาคิดอีกทีว่าสิ่งที่อยากได้นั้นมันดีหรือไม่ดีจริงกันแน่
Meditaion
คุณพิชัย มักบอกเสมอว่า หลักคิดใจว่างนั้นเป็นหลักคิดที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ปฏิบัติจริงต้องใช้เวลาฝึกฝน เพราะการจะไม่โลภในสถานการณ์ที่ควรโลภ ก็ค่อนข้างยาก หรือการมองเห็นอามรมณ์ตอนกะเกร็งราคาหุ้น ก็ไม่ใช่ง่าย จึงต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ซึ่งดูแล้วช่างธรรมดา แต่ มีความลํ้าลึกอย่างมาก เพราะตอนนี้โรงแรม B2 ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า Business Model แบบนี้ทำให้เกิดแบรนด์ได้จริงๆ และทำกำไรมากกว่า ธุรกิจที่เอากำไรทางตรงจริงๆ (เน้นขายแพงสาขาเดียว)
ถึงแม้เราจะใจว่างแบบ100% ไม่ได้แต่การที่เราได้เรียนรู้วิธีคิดใจว่าง และนำไปปรับใช้บ้างเป็นบางครั้ง เราก็อาจจะลดความผิดพลาดลงไปได้เยอะทีเดียวครับ เพราะเมื่อเราใจว่างแล้ว ก็จะเกิดสติและปัญญานั้นเอง
1
StandupDaily
ติดตามเรื่องราว แนวคิด ปรัชญาดีๆของบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ที่ StandUpDaily อัดเดททุกวัน8.00น.
12 บันทึก
9
24
12
9
24
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย